- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 January 2018 16:25
- Hits: 2572
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
SET INDEX
1794.92 -0.29(-0.02) // Vol. 89,683
มีแนวโน้มพักตัวในลักษณะแกว่งตัวออกข้าง กรอบ 1783-1803
ดัชนีวานนี้มีทิศทางค่อนข้างผันผวนอิงทางลง จากสัญญาณเตือนในเชิงลบก่อนหน้านี้ โดยเปิดตลาดช่วงเช้ามีแรงซื้อจากหุ้นขนาดใหญ่ดันดัชนีขึ้นยืน 1800 จุด ทำ High ที่ 1807 จุด พร้อมกับจะแกว่งตัวสลับขึ้นลง 1800 จุด ก่อนภาคบ่ายจะทิ้งตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ 1791 จุด และทำปิดที่ 1794 จุด จากภาพดังกล่าวแสดงถึงความอ่อนแรงของดัชนีที่ยังไม่สามารถทำ New High บวกกับสัญญาณเตือนในเชิงลบที่ยังไม่ถูกลบล้าง ทำให้ดัชนีมีความเสี่ยงต่อการพักตัว แต่การพักตัวนั้นน่าจะเป็นในลักษณะแกว่งตัวออกข้าง มากกว่าที่เลือกทิ้งตัวลงแรง ๆ
แนวรับ 1783-1789
แนวต้าน 1803-1813
Technical Analyst : พรรณนภา เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
1794.92 -0.29(-0.02) // Vol. 89,683
มีแนวโน้มพักตัวในลักษณะแกว่งตัวออกข้าง กรอบ 1783-1803
ดัชนีวานนี้มีทิศทางค่อนข้างผันผวนอิงทางลง จากสัญญาณเตือนในเชิงลบก่อนหน้านี้ โดยเปิดตลาดช่วงเช้ามีแรงซื้อจากหุ้นขนาดใหญ่ดันดัชนีขึ้นยืน 1800 จุด ทำ High ที่ 1807 จุด พร้อมกับจะแกว่งตัวสลับขึ้นลง 1800 จุด ก่อนภาคบ่ายจะทิ้งตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ 1791 จุด และทำปิดที่ 1794 จุด จากภาพดังกล่าวแสดงถึงความอ่อนแรงของดัชนีที่ยังไม่สามารถทำ New High บวกกับสัญญาณเตือนในเชิงลบที่ยังไม่ถูกลบล้าง ทำให้ดัชนีมีความเสี่ยงต่อการพักตัว แต่การพักตัวนั้นน่าจะเป็นในลักษณะแกว่งตัวออกข้าง มากกว่าที่เลือกทิ้งตัวลงแรง ๆ
แนวรับ 1783-1789
แนวต้าน 1803-1813
Technical Analyst : พรรณนภา เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
" ยังปรับฐานต่อ เน้นหุ้นรายตัว "
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : เรายังมีมุมมองเช่นเดียวกับวันก่อน โดยมองว่าตลาดอยู่ในช่วงปรับฐาน แต่คาดว่าการปรับฐานในครั้งนี้กินเวลาไม่นานและการลงของดัชนีจะไม่ลึกมาก ให้แนวรับที่ระดับ 1,780 จุด แต่ภาพระยะยาวยังมองตลาดดี .... ภาพต่างประเทศ มีปัจจัยลบจากข่าวที่ว่าจีนมีโอกาสยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ราคาน้ำมันดิบยังบวกได้ต่อเนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 .... ปัจจัยในประเทศ มีปัจจัยบวกเล็กน้อยจากการประกาศพีพีพีโครงการมอเตอร์เวย์มูลค่า 6.1 ล้านบาท และตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงประกาศงบกลุ่มแบงก์ โดย TISCO จะประกาศงบปี 2017 ในวันพรุ่งนี้ KTBST คาด 1,508 ล้านบาท (+17% YoY, -4% QoQ)
กลยุทธ์การลงทุน : ยังคงแนะนำเป็น "ถือ" โดยภาพระยะยาวเรายังมองว่าตลาดจะสามารถปรับตัวขึ้นเหนือ 1,800 จุดได้อยู่ หลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มที่มีแรงขายเข้ามาอย่างกลุ่มโรงกลั่น - ท่องเที่ยว (ภายในประเทศ) - ค้าปลีก โดยหุ้นขนาดใหญ่ที่ติด most active และตลาดยังให้ความสนใจต่อเนื่อง ได้แก่ BANPU, MINT, TISCO, IVL
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ : TRUE*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : CPALL, BGRIM, PM
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) BANPU : เรายังคงแนะนำ BANPU ต่อเนื่องจากวันก่อน โดยเรามองว่า BANPU ได้รับแรงหนุนจากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูงราว 106.5 เหรียญ/ตัน ปรับตัวสูงขึ้นมาถึง +6% จากปลายปี 2017
(+) MINT : เรายังคงแนะนำ MINT ต่อเนื่องจากวันก่อน โดย MINT มีความน่าสนใจจากปัจจัยเฉพาะตัว จากการไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งตัวเลขทางเศรษฐกิจในประเทศแถบยุโรปมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
(+) TISCO : คาดว่านักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรในหุ้น TISCO ก่อนการประกาศงบการเงินในวันพรุ่งนี้ KTBST คาดว่า TISCO จะประกาศกำไรสุทธิช่วง 4Q17 ออกมาดีที่ 1,508 ล้านบาท (+17% YoY, -4% QoQ)
(+) IVL : เรามองว่านักลงทุนเริ่มมาสนใจในหุ้นกลุ่มปิโตรฯหลัง spread ปรับตัวสูงขึ้น และยังมีปัจจัยบวกจากการที่คู่แข่งยังขึ้นกำลังการผลิตไม่ได้, ประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคลสหรัฐฯ, การขยายกำลังการผลิต / ซื้อกิจการ
(+) TRUE : เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่ม ICT จากการคาดการณ์การประมูลคลื่น 900 MHz และ 1800 MHz ในช่วง 2Q18 นอกจากนี้เรายังเห็นปริมาณการซื้อขายในหุ้น TRUE เข้ามามากในช่วงวานนี้
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(+) กลุ่มท่องเที่ยว: (น้ำหนักมากกว่าตลาด)
ททท.ชงของบกลาง 3,260 ล้าน พัฒนาความพร้อมท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด โดยแบ่งเป็น 1) งบรวม 2,750 ล้านบาท สำหรับจัดสรรลง 55 จังหวัด จังหวัดละ 50 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงปัจจัยพื้นฐานด้านสินค้า บุคคลากร และสิ่งอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยว 2) งบ 410 ล้านบาทสำหรับแคมเปญกิจกรรม "อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ โกโลคัล" หรือ "เที่ยวท้องถิ่นไทย ชุมชนเติบใหญ่ เมืองไทยเติบโต" ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 4 ม.ค. โดยมีเป้าหมายกระตุ้นการใช้จ่ายราว 1 หมื่นล้านบาท 3) โครงการทัวริสซึ่ม บิ๊ก ดาต้า จำนวน 100 ล้านบาท ดึงยักษ์ "ไอที" เสริมแกร่ง เพื่อใช้ระบบไอทีในการจัดเก็บข้อมูลด้านการท่องเที่ยว (กรุงเทพธุรกิจ, 11/01/2018)
เรามองว่าการจัดสรรงบประมาณข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความชัดเจนของนโยบายการท่องเที่ยวเมืองรองที่จะเน้นทั้งทางด้านสิ่งอำนวยความสะดวก, กิจกรรมต่างๆ และการเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวเพื่อใช้ในการพัฒนาต่อไปในอนาคต ซึ่งเรามองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว โดยเฉพาะ ERW ที่มีโรงแรม Hop-Inn ที่อยู่ในเมืองรองจำนวน 15 โรงแรม ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 9.50 บาท รวมทั้ง ROBINS ยังได้รับผลดีทางอ้อมจากการที่นักท่องเที่ยวกระจายลงสู่เมืองรอง แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 79.00 บาท รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่าง AAV ราคาเป้าหมายที่ 6.60 บาท
(+) THANI: (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท)
เราคาดกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 307 ล้านบาท ขยายตัว 30% YoY และ 2% QoQ จากการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อที่ 17% และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง จากการออกหุ้นกู้ชุดที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม นอกจากนี้เรามองว่าผลการดำเนินงานในปี 2018 บริษัทจะยังคงขยายตัวจากแรงหนุนการขนส่งในประเทศ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทจะยังตั้งสำรองส่วนเกิน และเพียงพอต่อ IFRS9 ที่จะเริ่มใช้ในปี 2019 โดยรวมคาดกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 1.4 พันล้านบาท ขยายตัว 27% เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท (อิง PBV 4.4x)
(+) HUMAN: (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 13.00 บาท)
เราเริ่มต้นแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ HUMAN ด้วยราคาเหมาะสม 13.00 บาท ราคาที่ปรับตัวขึ้นมากว่า 160% ภายใน 1 เดือนหลัง IPO และปัจจุบันเทรดอยู่ที่ 2018 PER 50X ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้หุ้นตัวนี้หมดเสน่ลง ด้วยกำไรที่คาดจะเติบโตกว่า 50% ต่อปี (CAGR 2017-20) หนุนโดยการทำตลาดเชิงรุกในภาวะที่ธุรกิจต่างเรียนรู้ถึงประโยชน์ของการใช้ Outsourcing ควบคู่ไปกับการออกสินค้าใหม่ให้ครอบคลุมมากขึ้นและใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าเดิม ไม่เพียงสร้างการเติบโตที่โดดเด่นแต่ยังมาพร้อมกับฐานรายได้ที่มั่นคง ซึ่งกว่า 80% เป็น Recurring income ในขณะที่โครงสร้างการเงินเป็น High operating leverage หนุน GP มีโอกาสขยายตัวทุกครั้งที่ได้ลูกค้าเพิ่ม ผลักดัน ROIC vs WACC spread ให้กว้างขึ้น บงบอกความสามารถในการทำ Value creation ในลักษณะ Exponential growth และทำให้หุ้นสมควรซื้อขายที่ Premium
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (10 ม.ค.) - ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,794.92 จุด ลดลง 0.29 จุด หรือ -0.02% มูลค่าการซื้อขาย 89,683.43 ล้านบาท ตลาดปรับตัวลงเล็กน้อย คาดตลาดยังอยู่ในช่วงปรับฐาน ในขณะที่ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่มีนัยสำคัญเข้ามา
ปัจจัยต่างประเทศ
(-) จีนมีโอกาสยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ - เจ้าหน้าที่จีนซึ่งมีหน้าที่พิจารณาการถือครองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ได้เสนอให้รัฐบาลจีนชะลอ หรือยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยจีนนับเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรายใหญ่ที่สุดในโลก ที่ $1.2 ล้านล้านเหรียญ (8% ของหนี้ของสหรัฐฯ) ความเห็นในตลาด ระบุว่า การลด QE ของ Fed ทำให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมีความน่าสนใจน้อยลง อีกทั้งจีนเองกำลังต่อรองสหรัฐฯในเรื่องการค้า ผลในเวลานี้ คือหนุนราคาทองคำสูงขึ้น และเป็นตัวแปรที่มีความเสี่ยงของตลาดหุ้น
(+) ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อ - ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 63.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำจัดสูงสุดในรอบกว่าสองปี จากปัจจัยบวกใหม่หลัง EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8
ปัจจัยในประเทศ
(+) สภาหอการค้าคาดปี 2018 โต 3.8-4.5% - กกร. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.ประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยปี 61 อาจขยายตัวได้ใกล้เคียงกับในปี 60 ในช่วง 3.8-4.5% โดยแรงขับเคลื่อนหลักจะมาจากการขยายตัวของการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน ขณะที่การส่งออกและการท่องเที่ยว
(-) การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ - ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาค่าจ้างเห็นชอบให้เลื่อนการพิจารณาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศออกไปเป็นวันที่ 17 ม.ค.นี้ เนื่องจากต้องการให้จัดทำตัวเลขค่าจ้างแต่ละกลุ่มจังหวัดใหม่ให้รอบคอบ
(+) พีพีพีโครงการมอเตอร์เวย์ 6.1 หมื่นล้านบาท - รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา วงเงินลงทุน 3.3 หมื่นล้านบาท และสายบางใหญ่กาญจนบุรี วงเงินลงทุน 2.8 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาร่วมลงทุนไม่เกิน 30 ปี จะประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนในวันที่ 31 ม.ค. และคาดว่าจะรู้ผลปลายปี 2018
(+/-) คาด TISCO ประกาศงบในวันพรุ่งนี้ - คาด TISCO จะประกาศงบการเงินสำหรับปี 2017 ในวันพรุ่งนี้ โดย KTBST คาดการณ์ไว้ที่ 1,508 ล้านบาท (+17% YoY, -4% QoQ)
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : เรายังมีมุมมองเช่นเดียวกับวันก่อน โดยมองว่าตลาดอยู่ในช่วงปรับฐาน แต่คาดว่าการปรับฐานในครั้งนี้กินเวลาไม่นานและการลงของดัชนีจะไม่ลึกมาก ให้แนวรับที่ระดับ 1,780 จุด แต่ภาพระยะยาวยังมองตลาดดี .... ภาพต่างประเทศ มีปัจจัยลบจากข่าวที่ว่าจีนมีโอกาสยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ราคาน้ำมันดิบยังบวกได้ต่อเนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 .... ปัจจัยในประเทศ มีปัจจัยบวกเล็กน้อยจากการประกาศพีพีพีโครงการมอเตอร์เวย์มูลค่า 6.1 ล้านบาท และตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงประกาศงบกลุ่มแบงก์ โดย TISCO จะประกาศงบปี 2017 ในวันพรุ่งนี้ KTBST คาด 1,508 ล้านบาท (+17% YoY, -4% QoQ)
กลยุทธ์การลงทุน : ยังคงแนะนำเป็น "ถือ" โดยภาพระยะยาวเรายังมองว่าตลาดจะสามารถปรับตัวขึ้นเหนือ 1,800 จุดได้อยู่ หลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มที่มีแรงขายเข้ามาอย่างกลุ่มโรงกลั่น - ท่องเที่ยว (ภายในประเทศ) - ค้าปลีก โดยหุ้นขนาดใหญ่ที่ติด most active และตลาดยังให้ความสนใจต่อเนื่อง ได้แก่ BANPU, MINT, TISCO, IVL
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ : TRUE*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : CPALL, BGRIM, PM
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) BANPU : เรายังคงแนะนำ BANPU ต่อเนื่องจากวันก่อน โดยเรามองว่า BANPU ได้รับแรงหนุนจากราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับสูงราว 106.5 เหรียญ/ตัน ปรับตัวสูงขึ้นมาถึง +6% จากปลายปี 2017
(+) MINT : เรายังคงแนะนำ MINT ต่อเนื่องจากวันก่อน โดย MINT มีความน่าสนใจจากปัจจัยเฉพาะตัว จากการไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งตัวเลขทางเศรษฐกิจในประเทศแถบยุโรปมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
(+) TISCO : คาดว่านักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรในหุ้น TISCO ก่อนการประกาศงบการเงินในวันพรุ่งนี้ KTBST คาดว่า TISCO จะประกาศกำไรสุทธิช่วง 4Q17 ออกมาดีที่ 1,508 ล้านบาท (+17% YoY, -4% QoQ)
(+) IVL : เรามองว่านักลงทุนเริ่มมาสนใจในหุ้นกลุ่มปิโตรฯหลัง spread ปรับตัวสูงขึ้น และยังมีปัจจัยบวกจากการที่คู่แข่งยังขึ้นกำลังการผลิตไม่ได้, ประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคลสหรัฐฯ, การขยายกำลังการผลิต / ซื้อกิจการ
(+) TRUE : เรายังคงชอบหุ้นในกลุ่ม ICT จากการคาดการณ์การประมูลคลื่น 900 MHz และ 1800 MHz ในช่วง 2Q18 นอกจากนี้เรายังเห็นปริมาณการซื้อขายในหุ้น TRUE เข้ามามากในช่วงวานนี้
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(+) กลุ่มท่องเที่ยว: (น้ำหนักมากกว่าตลาด)
ททท.ชงของบกลาง 3,260 ล้าน พัฒนาความพร้อมท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด โดยแบ่งเป็น 1) งบรวม 2,750 ล้านบาท สำหรับจัดสรรลง 55 จังหวัด จังหวัดละ 50 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงปัจจัยพื้นฐานด้านสินค้า บุคคลากร และสิ่งอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยว 2) งบ 410 ล้านบาทสำหรับแคมเปญกิจกรรม "อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ โกโลคัล" หรือ "เที่ยวท้องถิ่นไทย ชุมชนเติบใหญ่ เมืองไทยเติบโต" ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 4 ม.ค. โดยมีเป้าหมายกระตุ้นการใช้จ่ายราว 1 หมื่นล้านบาท 3) โครงการทัวริสซึ่ม บิ๊ก ดาต้า จำนวน 100 ล้านบาท ดึงยักษ์ "ไอที" เสริมแกร่ง เพื่อใช้ระบบไอทีในการจัดเก็บข้อมูลด้านการท่องเที่ยว (กรุงเทพธุรกิจ, 11/01/2018)
เรามองว่าการจัดสรรงบประมาณข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความชัดเจนของนโยบายการท่องเที่ยวเมืองรองที่จะเน้นทั้งทางด้านสิ่งอำนวยความสะดวก, กิจกรรมต่างๆ และการเก็บข้อมูลการท่องเที่ยวเพื่อใช้ในการพัฒนาต่อไปในอนาคต ซึ่งเรามองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว โดยเฉพาะ ERW ที่มีโรงแรม Hop-Inn ที่อยู่ในเมืองรองจำนวน 15 โรงแรม ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 9.50 บาท รวมทั้ง ROBINS ยังได้รับผลดีทางอ้อมจากการที่นักท่องเที่ยวกระจายลงสู่เมืองรอง แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 79.00 บาท รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่าง AAV ราคาเป้าหมายที่ 6.60 บาท
(+) THANI: (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท)
เราคาดกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 307 ล้านบาท ขยายตัว 30% YoY และ 2% QoQ จากการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อที่ 17% และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง จากการออกหุ้นกู้ชุดที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม นอกจากนี้เรามองว่าผลการดำเนินงานในปี 2018 บริษัทจะยังคงขยายตัวจากแรงหนุนการขนส่งในประเทศ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทจะยังตั้งสำรองส่วนเกิน และเพียงพอต่อ IFRS9 ที่จะเริ่มใช้ในปี 2019 โดยรวมคาดกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 1.4 พันล้านบาท ขยายตัว 27% เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท (อิง PBV 4.4x)
(+) HUMAN: (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 13.00 บาท)
เราเริ่มต้นแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ HUMAN ด้วยราคาเหมาะสม 13.00 บาท ราคาที่ปรับตัวขึ้นมากว่า 160% ภายใน 1 เดือนหลัง IPO และปัจจุบันเทรดอยู่ที่ 2018 PER 50X ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้หุ้นตัวนี้หมดเสน่ลง ด้วยกำไรที่คาดจะเติบโตกว่า 50% ต่อปี (CAGR 2017-20) หนุนโดยการทำตลาดเชิงรุกในภาวะที่ธุรกิจต่างเรียนรู้ถึงประโยชน์ของการใช้ Outsourcing ควบคู่ไปกับการออกสินค้าใหม่ให้ครอบคลุมมากขึ้นและใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าเดิม ไม่เพียงสร้างการเติบโตที่โดดเด่นแต่ยังมาพร้อมกับฐานรายได้ที่มั่นคง ซึ่งกว่า 80% เป็น Recurring income ในขณะที่โครงสร้างการเงินเป็น High operating leverage หนุน GP มีโอกาสขยายตัวทุกครั้งที่ได้ลูกค้าเพิ่ม ผลักดัน ROIC vs WACC spread ให้กว้างขึ้น บงบอกความสามารถในการทำ Value creation ในลักษณะ Exponential growth และทำให้หุ้นสมควรซื้อขายที่ Premium
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (10 ม.ค.) - ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,794.92 จุด ลดลง 0.29 จุด หรือ -0.02% มูลค่าการซื้อขาย 89,683.43 ล้านบาท ตลาดปรับตัวลงเล็กน้อย คาดตลาดยังอยู่ในช่วงปรับฐาน ในขณะที่ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่มีนัยสำคัญเข้ามา
ปัจจัยต่างประเทศ
(-) จีนมีโอกาสยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ - เจ้าหน้าที่จีนซึ่งมีหน้าที่พิจารณาการถือครองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ได้เสนอให้รัฐบาลจีนชะลอ หรือยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยจีนนับเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรายใหญ่ที่สุดในโลก ที่ $1.2 ล้านล้านเหรียญ (8% ของหนี้ของสหรัฐฯ) ความเห็นในตลาด ระบุว่า การลด QE ของ Fed ทำให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมีความน่าสนใจน้อยลง อีกทั้งจีนเองกำลังต่อรองสหรัฐฯในเรื่องการค้า ผลในเวลานี้ คือหนุนราคาทองคำสูงขึ้น และเป็นตัวแปรที่มีความเสี่ยงของตลาดหุ้น
(+) ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อ - ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 63.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำจัดสูงสุดในรอบกว่าสองปี จากปัจจัยบวกใหม่หลัง EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 4.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8
ปัจจัยในประเทศ
(+) สภาหอการค้าคาดปี 2018 โต 3.8-4.5% - กกร. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.ประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยปี 61 อาจขยายตัวได้ใกล้เคียงกับในปี 60 ในช่วง 3.8-4.5% โดยแรงขับเคลื่อนหลักจะมาจากการขยายตัวของการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน ขณะที่การส่งออกและการท่องเที่ยว
(-) การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ - ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาค่าจ้างเห็นชอบให้เลื่อนการพิจารณาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศออกไปเป็นวันที่ 17 ม.ค.นี้ เนื่องจากต้องการให้จัดทำตัวเลขค่าจ้างแต่ละกลุ่มจังหวัดใหม่ให้รอบคอบ
(+) พีพีพีโครงการมอเตอร์เวย์ 6.1 หมื่นล้านบาท - รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา วงเงินลงทุน 3.3 หมื่นล้านบาท และสายบางใหญ่กาญจนบุรี วงเงินลงทุน 2.8 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาร่วมลงทุนไม่เกิน 30 ปี จะประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนในวันที่ 31 ม.ค. และคาดว่าจะรู้ผลปลายปี 2018
(+/-) คาด TISCO ประกาศงบในวันพรุ่งนี้ - คาด TISCO จะประกาศงบการเงินสำหรับปี 2017 ในวันพรุ่งนี้ โดย KTBST คาดการณ์ไว้ที่ 1,508 ล้านบาท (+17% YoY, -4% QoQ)
Analyst :
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
OO4406