- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 January 2018 16:12
- Hits: 2077
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Selective and Earnings Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways พักฐานตามคาด โดยบวกได้ดีพอสมควรในช่วงเช้า แต่ยังคงติดแนวต้านทางจิตวิทยาบริเวณ 1,800-1,810 จุด โดยยังเห็นแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่องในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวและส่งผลให้ดัชนีปิดลบ 0.29 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศมีสถานะเป็นกลางในตลาดหุ้น ขณะที่ต่างชาติยังขายสุทธิเป็นวันที่ 5 ติดต่กันหนักถึง 4,359 ลบ. (แต่พลิกมา Net Long ในตลาดฟิวเจอร์สสูงถึง 7,258 สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET ยังคงอยู่ในช่วงแกว่งตัวพักฐานแม้กลุ่มพลังงานจะยังได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับขึ้นต่ออีก 1% วานนี้ แต่ถูกกดดันจากประเด็นที่จีนอาจยุติหรือชะลอการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นเกมการต่อรองทางการค้าและการเมืองซึ่งจะกดดันเพียงระยะสั้น แต่เนื่องจากดัชนีปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก เราจึงคาดว่าตลาดจะกลับมาให้น้ำหนักกับการประกาศผลประกอบการ 4Q17 ว่าจะออกมาดีตามคาดหรือไม่ เรามองว่าหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีแนวโน้มกำไร 4Q17 แข็งแกร่งน่าจะ Outperform ตลาดได้ระยะนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดกำไร 4Q17 แข็งแกร่งและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$472ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$253ล้าน และไทย US$135ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$21ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังจากไหลเข้ามา 2 สัปดาห์ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกต่อข่าวที่รัฐบาลจีนอาจชะลอหรือยุติการซื้อพันธบัตรสหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> AIT <<
AIT เป็น Top Pick ในกลุ่มวางระบบไอทีของเรา โดยเรามองว่าจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนเพื่อรับเศรษฐกิจดิจิทัลมากที่สุด เพราะรายได้เกือบทั้งหมดเป็นงานราชการ และปีก่อนมีผลงานโดดเด่นในโครงการเน็ตประชารัฐฯ
งานในมือสิ้น 3Q17 อยู่ที่ 3.5 พันลบ. คาดว่าจะเหลือรับรู้รายได้ปี 2018 ราว 3 พันลบ. ขณะที่ จำนวนงานประมูลที่มากขึ้นในปีนี้ นอกจากจะหนุนให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการแข่งขันที่ลดลงแล้ว ยังเป็นตัวเปิด Upside ต่อประมาณการเดิมที่คาดกำไรปี 2017-2018 โตเฉลี่ย 16% ต่อปีด้วย
จุดเด่นของ AIT คือ PE ต่ำเพียง 12 เท่า และเป็นผลเฉพาะ 2H17 สูง 5% ต่อปี ทำให้ Downside จำกัด แนะนำซื้อเก็งกำไร แนวต้าน 34-35 บาท ตัดขาดทุน 31.50 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) รัฐฯเร่งลงทุนรับเศรษฐกิจดิจิทัล โดยจะเร่งให้แล้วเสร็จใน 1 ปีนี้ ทั้งในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานด้านอินเตอร์เน็ต, E-Government, การจัดทำ Big Data สำหรับ 20 กระทรวง, Smart City, และระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ กลุ่มที่ได้ประโยชน์คือผู้ประกอบการด้านไอซีทีเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการมือถือ, ผู้ให้บริการโครงข่ายบอรดแบนด์, ผู้ขายสินค้าไอที, และผู้วางระบบไอที ที่เป็น Top Pick ของเราและโดดเด่นในงานภาครัฐฯคือ AIT และ SVOA ส่วนที่จะได้ประโยชน์รองลงมาและพื้นฐานดีคือ ADVANC, ILINK, PT, และ SYNEX
(+) กลุ่มยานยนต์ ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ธ.ค. 17 เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน +2% M-M เป็นผลดีต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนในไทย โดยเฉพาะมาตรการสกัดกั้นการนำเข้ารถยนต์จากเม็กซิโกที่น่าจะเห็นผลชัดเจนในปีนี้ จากปี 2017 ที่สหรัฐฯนำเข้าจากเม็กซิโก 2.33 ล้านคัน +9% Y-Y ขณะที่ ยอดส่งออกรถยนต์จากไทยไปสหรัฐฯเพิ่มขึ้น Y-Y เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันอีก +14% Y-Y ใน พ.ย. 17 การพักตัวลงของกลุ่มยานยต์ในระยะนี้ จึงมองเป็นโอกาสซื้อลงทุน Top Pick ยังเป็น PCSGH (ราคาเป้าหมาย 13 บาท) ที่มีปัจจัยบวกระยะสั้นจากคาดการณ์งบ 4Q17 ที่จะออกมา Outperform กลุ่ม และภาพระยะยาวที่ได้แรงหนุนจากการผลิตชิ้นส่วนให้รถยนต์ EV เป็นรายแรกในปี 2020
(+) กลุ่มโรงพยาบาล เรามองว่าเริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้งในปี 2018 จากกำไรปกติที่คาดว่าจะโตเร่งตัวขึ้นเป็น 7.8% Y-Y ตามทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ จากปี 2017 ที่คาดโตเพียง 0.7% Y-Y ตามการบริโภคที่ชะลอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1H17 เราเลือก BCH (ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท) และ EKH (ราคาเป้าหมาย 7 บาท) เป็น Top Pick
(0) SCB ความร่วมมือกับ Prudential Life Assurance ในการขายประกันชีวิตพ่วงการลงทุนสำหรับกลุ่มลูกค้า Wealth ของ SCB ที่มีอยู่ 2-3 แสนราย ไม่กระทบประมาณการกำไรของเราอย่างมีนัย เพราะหากอิงจากเป้าของธนาคารที่คาดว่าขายเบี้ยประกันในกลุ่มนี้ได้ราว 2-3 พันลบ. เราคาดว่าน่าจะเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพียง 200 ลบ.ต่อปี หรือ 0.5% ของกำไรสุทธิ เรายังคงคงคาดกำไรสุทธิปี 2017 หดตัว 7.7% Y-Y และปี 2018 +5.8% Y-Y คงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 160 บาท แนะนำ ถือ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways พักฐานตามคาด โดยบวกได้ดีพอสมควรในช่วงเช้า แต่ยังคงติดแนวต้านทางจิตวิทยาบริเวณ 1,800-1,810 จุด โดยยังเห็นแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่องในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวและส่งผลให้ดัชนีปิดลบ 0.29 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศมีสถานะเป็นกลางในตลาดหุ้น ขณะที่ต่างชาติยังขายสุทธิเป็นวันที่ 5 ติดต่กันหนักถึง 4,359 ลบ. (แต่พลิกมา Net Long ในตลาดฟิวเจอร์สสูงถึง 7,258 สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET ยังคงอยู่ในช่วงแกว่งตัวพักฐานแม้กลุ่มพลังงานจะยังได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับขึ้นต่ออีก 1% วานนี้ แต่ถูกกดดันจากประเด็นที่จีนอาจยุติหรือชะลอการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นเกมการต่อรองทางการค้าและการเมืองซึ่งจะกดดันเพียงระยะสั้น แต่เนื่องจากดัชนีปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก เราจึงคาดว่าตลาดจะกลับมาให้น้ำหนักกับการประกาศผลประกอบการ 4Q17 ว่าจะออกมาดีตามคาดหรือไม่ เรามองว่าหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีแนวโน้มกำไร 4Q17 แข็งแกร่งน่าจะ Outperform ตลาดได้ระยะนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดกำไร 4Q17 แข็งแกร่งและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$472ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$253ล้าน และไทย US$135ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$21ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังจากไหลเข้ามา 2 สัปดาห์ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกต่อข่าวที่รัฐบาลจีนอาจชะลอหรือยุติการซื้อพันธบัตรสหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> AIT <<
AIT เป็น Top Pick ในกลุ่มวางระบบไอทีของเรา โดยเรามองว่าจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนเพื่อรับเศรษฐกิจดิจิทัลมากที่สุด เพราะรายได้เกือบทั้งหมดเป็นงานราชการ และปีก่อนมีผลงานโดดเด่นในโครงการเน็ตประชารัฐฯ
งานในมือสิ้น 3Q17 อยู่ที่ 3.5 พันลบ. คาดว่าจะเหลือรับรู้รายได้ปี 2018 ราว 3 พันลบ. ขณะที่ จำนวนงานประมูลที่มากขึ้นในปีนี้ นอกจากจะหนุนให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการแข่งขันที่ลดลงแล้ว ยังเป็นตัวเปิด Upside ต่อประมาณการเดิมที่คาดกำไรปี 2017-2018 โตเฉลี่ย 16% ต่อปีด้วย
จุดเด่นของ AIT คือ PE ต่ำเพียง 12 เท่า และเป็นผลเฉพาะ 2H17 สูง 5% ต่อปี ทำให้ Downside จำกัด แนะนำซื้อเก็งกำไร แนวต้าน 34-35 บาท ตัดขาดทุน 31.50 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) รัฐฯเร่งลงทุนรับเศรษฐกิจดิจิทัล โดยจะเร่งให้แล้วเสร็จใน 1 ปีนี้ ทั้งในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานด้านอินเตอร์เน็ต, E-Government, การจัดทำ Big Data สำหรับ 20 กระทรวง, Smart City, และระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ กลุ่มที่ได้ประโยชน์คือผู้ประกอบการด้านไอซีทีเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการมือถือ, ผู้ให้บริการโครงข่ายบอรดแบนด์, ผู้ขายสินค้าไอที, และผู้วางระบบไอที ที่เป็น Top Pick ของเราและโดดเด่นในงานภาครัฐฯคือ AIT และ SVOA ส่วนที่จะได้ประโยชน์รองลงมาและพื้นฐานดีคือ ADVANC, ILINK, PT, และ SYNEX
(+) กลุ่มยานยนต์ ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ธ.ค. 17 เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน +2% M-M เป็นผลดีต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนในไทย โดยเฉพาะมาตรการสกัดกั้นการนำเข้ารถยนต์จากเม็กซิโกที่น่าจะเห็นผลชัดเจนในปีนี้ จากปี 2017 ที่สหรัฐฯนำเข้าจากเม็กซิโก 2.33 ล้านคัน +9% Y-Y ขณะที่ ยอดส่งออกรถยนต์จากไทยไปสหรัฐฯเพิ่มขึ้น Y-Y เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันอีก +14% Y-Y ใน พ.ย. 17 การพักตัวลงของกลุ่มยานยต์ในระยะนี้ จึงมองเป็นโอกาสซื้อลงทุน Top Pick ยังเป็น PCSGH (ราคาเป้าหมาย 13 บาท) ที่มีปัจจัยบวกระยะสั้นจากคาดการณ์งบ 4Q17 ที่จะออกมา Outperform กลุ่ม และภาพระยะยาวที่ได้แรงหนุนจากการผลิตชิ้นส่วนให้รถยนต์ EV เป็นรายแรกในปี 2020
(+) กลุ่มโรงพยาบาล เรามองว่าเริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้งในปี 2018 จากกำไรปกติที่คาดว่าจะโตเร่งตัวขึ้นเป็น 7.8% Y-Y ตามทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ จากปี 2017 ที่คาดโตเพียง 0.7% Y-Y ตามการบริโภคที่ชะลอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1H17 เราเลือก BCH (ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท) และ EKH (ราคาเป้าหมาย 7 บาท) เป็น Top Pick
(0) SCB ความร่วมมือกับ Prudential Life Assurance ในการขายประกันชีวิตพ่วงการลงทุนสำหรับกลุ่มลูกค้า Wealth ของ SCB ที่มีอยู่ 2-3 แสนราย ไม่กระทบประมาณการกำไรของเราอย่างมีนัย เพราะหากอิงจากเป้าของธนาคารที่คาดว่าขายเบี้ยประกันในกลุ่มนี้ได้ราว 2-3 พันลบ. เราคาดว่าน่าจะเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพียง 200 ลบ.ต่อปี หรือ 0.5% ของกำไรสุทธิ เรายังคงคงคาดกำไรสุทธิปี 2017 หดตัว 7.7% Y-Y และปี 2018 +5.8% Y-Y คงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 160 บาท แนะนำ ถือ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
11 ม.ค.- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
12 ม.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
15 ม.ค.- จีน: 4Q17 GDP
23 ม.ค.- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJคาดคงดอกเบี้ยที่ -0.10%
25 ม.ค.- ยูโรโซน: ประชุม ECBคาดคงดอกเบี้ยที่ 0.00%
26 ม.ค.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบเล็กน้อย โดยระหว่างวันปรับตัวลงกว่า 100 จุดจากความกังวลเรื่องจีนอาจยุติหรือลดการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบหลังจากที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาในเกือบทุก Sector
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบจากความกังวลเรื่องที่จีนอาจลดหรือยุติการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ
(+) ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งจาก Dollar Index ที่อ่อนตัว ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.05-32.14 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับขึ้น 0.61 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 63.57 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกันและมากกว่าที่ตลาดคาด
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 5.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,319.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า จากความกังวลว่าจีนอาจยุติหรือลดการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO4402
12 ม.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
15 ม.ค.- จีน: 4Q17 GDP
23 ม.ค.- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJคาดคงดอกเบี้ยที่ -0.10%
25 ม.ค.- ยูโรโซน: ประชุม ECBคาดคงดอกเบี้ยที่ 0.00%
26 ม.ค.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบเล็กน้อย โดยระหว่างวันปรับตัวลงกว่า 100 จุดจากความกังวลเรื่องจีนอาจยุติหรือลดการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบหลังจากที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ โดยเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาในเกือบทุก Sector
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบจากความกังวลเรื่องที่จีนอาจลดหรือยุติการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ
(+) ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งจาก Dollar Index ที่อ่อนตัว ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.05-32.14 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับขึ้น 0.61 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 63.57 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกันและมากกว่าที่ตลาดคาด
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 5.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,319.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า จากความกังวลว่าจีนอาจยุติหรือลดการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO4402