- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 January 2018 16:58
- Hits: 2453
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
กลับมาลุ้นผลประกอบการ
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ตลาดต่างประเทศมีปัจจัยบวกรับข่าวผลประกอบการ บจ.ที่คาดว่าจะดีขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มสถาบันการเงินและกลุ่ม Healthcare ขณะที่ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีมีแนวโน้มจะลดลงหลังจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้หันหน้าเจรจากันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี เราคาดว่าตลาดรวมของหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราคาดการณ์ว่าจะ Outperform ในปี 2561 จะนำโดยกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าและเชื้อเพลิงที่เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้า Top Pick นำโดย BANPU และ BGRIM อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นธุรกิจไฟฟ้าขนาดกลาง เช่น SSP ซึ่งเพิ่ง IPO เข้ามา แต่เข้ามาพร้อมกับกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 52 เมกะวัตต์ เป็น 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 กำลังการผลิตที่เพิ่มจะมาจากประเทศญี่ปุ่นร่วมกับในประเทศไทย ราคาหุ้นอยู่ในจุดต่ำ เป็นโอกาสของการเข้าทยอยเก็บหุ้นสำหรับนักลงทุน
Stock Comment
SSP เลือกเป็น Pick of the day
BC ราคาหุ้นพักตัว เราคาดว่า Earnings ในปี 2560-2561 เติบโต 13% และ 20% ตามลำดับ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจตาม Theme: Global Healthcare plays ในช่วงนี้
CK เรามองผลบวกของ CK จะดีขึ้นจากการที่ยังมีงานชิ้นใหญ่คือส่วนงานระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ที่เป็นการรับเหมาก่อสร้างจาก BEM มูลค่า 20,000 ล้านบาท และการรับรู้กำไรปันส่วนจาก BEM และ CKP แนะนำซื้อ มูลค่าเหมาะสม 33 บาท เรามอง CK เป็น Top Pick ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
หุ้นเด่นวันนี้ : SSP (ราคาปิด 7.95 บาท, "N.R.", IAAs Consensus 10.10 บาท)
เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง คาดกำไรปี 2561 จะเติบโดดเด่นประมาณ 50%YoY ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งเท่ากับ 52 MW และในไตรมาส 1/2561 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งเพิ่มเข้ามา 21 MW จากโครงการ Hidaka ในประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดบริษัทฯ ได้ลงทุนในโครงการ Khunshight Kundi ในมองโกเลียซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 16.4 MW และมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในไตรมาส 1/2562 โดยบริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งเพิ่มเข้ามาระหว่างปี 2561-2563 รวมเป็น 178.8 MW เฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 50.9% ภายในเวลา 3 ปี) อยู่ระหว่างจัดทำบทวิเคราะห์หุ้น SSP ซึ่งจะนำเสนอออกมาเร็ว ๆ นี้
ปัจจัยในประเทศ :
สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออกคาดส่งออกปีนี้เติบโต 5.5% หนุนโดยเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ความต้องการสินค้าไทยที่แข็งแกร่ง และการฟื้นความสัมพันธ์ทางการเมืองกับสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่ายังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตามต่อ (บางกอกโพสต์)
ครม.ไฟเขียวมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยระยะที่ 2 มูลค่ารวม 3.57 หมื่นล้านบาท โดยมีทั้งหมด 34 โครงการ เช่น โครงการสนับสนุนเงินค่าใช้จ่ายรายเดือน โครงการพัฒนาทักษะอาชีพ เป็นต้น (บางกอกโพสต์) ความเห็น: โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลที่จะพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตแบบวงกว้างมากขึ้น เรามองว่าโครงการนี้อาจเป็นบวกต่อกลุ่มบริโภค เช่น CPALL CBG ICHI และ OISHI
กระทรวงแรงงาน เผย 10 ม.ค.61 นัดบอร์ดค่าจ้างสรุปตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2561 หลังจากได้ข้อสรุปแล้วจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้ต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ) ความเห็น: มีกระแสข่าวว่าจะปรับขึ้นประมาณ 15 บาทต่อวัน จากค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท แต่ยังไม่มีบทสรุปและผู้จ้าง-เจ้าของกิจการยังมีความเห็นว่าจะเป็นภาระเพิ่ม และกระทบขีดความสามารถการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน หากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น CPALL, ICHI, OISHI, CBG แต่ส่งผลลบต่อหลายภาคธุรกิจเช่นธุรกิจส่งออกที่มีแรงงานไร้ฝีมือ (Unskilled Labor) เช่นรับเหมาก่อสร้าง ส่งออก เป็นต้น
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮ ขานรับมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีจะลดน้อยลง หลังจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้หันหน้าเจรจากันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี
เอเชีย : เกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ประกาศความสำเร็จในการจัดการประชุมระดับสูงกับเกาหลีใต้ที่หมู่บ้านปันมูนจอมในเขตปลอดทหารในบริเวณชายแดนของเกาหลีทั้งสองเมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นการประชุมอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี
ตลาดหุ้นเอเชีย : ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,832.81 จุด ลดลง 17.18 จุด, -0.07%; ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,516.33 จุด เพิ่มขึ้น 6.10 จุด, +0.24%
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : WTI พุ่งขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 62.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. 2557 จากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8 โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันพรุ่งนี้
ราคาทองคำ : ปิดปรับตัวลง 6.7 ดอลลาร์ หรือ 0.51% ปิดที่ระดับ 1,313.70 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่ง U.S.Dollar Index (DXYO) แข็งค่าต่อเนื่องมา 4 วันทำการหลังจากลงต่ำสุดที่ 91.7 มาเป็นล่าสุดที่ 92.5
ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI : ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,395.00 จุด เพิ่มขึ้น 10.00 จุด คาดว่าปรับตามดีมานด์และราคาถ่านหิน รวมถึงสินแร่เหล็กที่เพิ่มขึ้น เป็นผลบวกหนุน PSL และ TTA
ราคาถ่านหิน New Castle ที่เป็นราคา Spot : ปิดที่ 107.00 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นจากวานนี้ที่ 106.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน
ค่าการกลั่น กลับเข้าสู่ภาวะอ่อนแอที่ 5.99 เหรียญสหรัญฯ ต่อบาร์เรล ผลจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูง และสภาพอากาศหนาวในหลายส่วนของโลกส่งผลต่อการเดินทางโดยรถยนต์ของประชาชน
แนวโน้มค่าเงินบาท : ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ จาก 32.08 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เมื่อ 8 ม.ค. มาที่ 32.26 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ แล้ว หลังจากที่เงินดอลลาร์มีทิศทางเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น จากสถานการณ์ตลาดเงินและตลาดทุนของสหรัฐฯ แข็งแกร่งขึ้น มีเงินไหลกลับเข้าสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีมีทิศทางเป็นบวกมากขึ้น
กลับมาลุ้นผลประกอบการ
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ตลาดต่างประเทศมีปัจจัยบวกรับข่าวผลประกอบการ บจ.ที่คาดว่าจะดีขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มสถาบันการเงินและกลุ่ม Healthcare ขณะที่ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีมีแนวโน้มจะลดลงหลังจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้หันหน้าเจรจากันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี เราคาดว่าตลาดรวมของหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราคาดการณ์ว่าจะ Outperform ในปี 2561 จะนำโดยกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าและเชื้อเพลิงที่เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้า Top Pick นำโดย BANPU และ BGRIM อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นธุรกิจไฟฟ้าขนาดกลาง เช่น SSP ซึ่งเพิ่ง IPO เข้ามา แต่เข้ามาพร้อมกับกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 52 เมกะวัตต์ เป็น 200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 กำลังการผลิตที่เพิ่มจะมาจากประเทศญี่ปุ่นร่วมกับในประเทศไทย ราคาหุ้นอยู่ในจุดต่ำ เป็นโอกาสของการเข้าทยอยเก็บหุ้นสำหรับนักลงทุน
Stock Comment
SSP เลือกเป็น Pick of the day
BC ราคาหุ้นพักตัว เราคาดว่า Earnings ในปี 2560-2561 เติบโต 13% และ 20% ตามลำดับ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจตาม Theme: Global Healthcare plays ในช่วงนี้
CK เรามองผลบวกของ CK จะดีขึ้นจากการที่ยังมีงานชิ้นใหญ่คือส่วนงานระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ที่เป็นการรับเหมาก่อสร้างจาก BEM มูลค่า 20,000 ล้านบาท และการรับรู้กำไรปันส่วนจาก BEM และ CKP แนะนำซื้อ มูลค่าเหมาะสม 33 บาท เรามอง CK เป็น Top Pick ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
หุ้นเด่นวันนี้ : SSP (ราคาปิด 7.95 บาท, "N.R.", IAAs Consensus 10.10 บาท)
เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง คาดกำไรปี 2561 จะเติบโดดเด่นประมาณ 50%YoY ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งเท่ากับ 52 MW และในไตรมาส 1/2561 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งเพิ่มเข้ามา 21 MW จากโครงการ Hidaka ในประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดบริษัทฯ ได้ลงทุนในโครงการ Khunshight Kundi ในมองโกเลียซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 16.4 MW และมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในไตรมาส 1/2562 โดยบริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งเพิ่มเข้ามาระหว่างปี 2561-2563 รวมเป็น 178.8 MW เฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 50.9% ภายในเวลา 3 ปี) อยู่ระหว่างจัดทำบทวิเคราะห์หุ้น SSP ซึ่งจะนำเสนอออกมาเร็ว ๆ นี้
ปัจจัยในประเทศ :
สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออกคาดส่งออกปีนี้เติบโต 5.5% หนุนโดยเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ความต้องการสินค้าไทยที่แข็งแกร่ง และการฟื้นความสัมพันธ์ทางการเมืองกับสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่ายังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตามต่อ (บางกอกโพสต์)
ครม.ไฟเขียวมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยระยะที่ 2 มูลค่ารวม 3.57 หมื่นล้านบาท โดยมีทั้งหมด 34 โครงการ เช่น โครงการสนับสนุนเงินค่าใช้จ่ายรายเดือน โครงการพัฒนาทักษะอาชีพ เป็นต้น (บางกอกโพสต์) ความเห็น: โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลที่จะพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตแบบวงกว้างมากขึ้น เรามองว่าโครงการนี้อาจเป็นบวกต่อกลุ่มบริโภค เช่น CPALL CBG ICHI และ OISHI
กระทรวงแรงงาน เผย 10 ม.ค.61 นัดบอร์ดค่าจ้างสรุปตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2561 หลังจากได้ข้อสรุปแล้วจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้ต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ) ความเห็น: มีกระแสข่าวว่าจะปรับขึ้นประมาณ 15 บาทต่อวัน จากค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท แต่ยังไม่มีบทสรุปและผู้จ้าง-เจ้าของกิจการยังมีความเห็นว่าจะเป็นภาระเพิ่ม และกระทบขีดความสามารถการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน หากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น CPALL, ICHI, OISHI, CBG แต่ส่งผลลบต่อหลายภาคธุรกิจเช่นธุรกิจส่งออกที่มีแรงงานไร้ฝีมือ (Unskilled Labor) เช่นรับเหมาก่อสร้าง ส่งออก เป็นต้น
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮ ขานรับมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีจะลดน้อยลง หลังจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้หันหน้าเจรจากันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี
เอเชีย : เกาหลีเหนือออกแถลงการณ์ประกาศความสำเร็จในการจัดการประชุมระดับสูงกับเกาหลีใต้ที่หมู่บ้านปันมูนจอมในเขตปลอดทหารในบริเวณชายแดนของเกาหลีทั้งสองเมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นการประชุมอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี
ตลาดหุ้นเอเชีย : ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,832.81 จุด ลดลง 17.18 จุด, -0.07%; ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,516.33 จุด เพิ่มขึ้น 6.10 จุด, +0.24%
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : WTI พุ่งขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 62.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. 2557 จากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8 โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันพรุ่งนี้
ราคาทองคำ : ปิดปรับตัวลง 6.7 ดอลลาร์ หรือ 0.51% ปิดที่ระดับ 1,313.70 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่ง U.S.Dollar Index (DXYO) แข็งค่าต่อเนื่องมา 4 วันทำการหลังจากลงต่ำสุดที่ 91.7 มาเป็นล่าสุดที่ 92.5
ดัชนี ค่าระวางเรือ BDI : ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,395.00 จุด เพิ่มขึ้น 10.00 จุด คาดว่าปรับตามดีมานด์และราคาถ่านหิน รวมถึงสินแร่เหล็กที่เพิ่มขึ้น เป็นผลบวกหนุน PSL และ TTA
ราคาถ่านหิน New Castle ที่เป็นราคา Spot : ปิดที่ 107.00 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นจากวานนี้ที่ 106.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน
ค่าการกลั่น กลับเข้าสู่ภาวะอ่อนแอที่ 5.99 เหรียญสหรัญฯ ต่อบาร์เรล ผลจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูง และสภาพอากาศหนาวในหลายส่วนของโลกส่งผลต่อการเดินทางโดยรถยนต์ของประชาชน
แนวโน้มค่าเงินบาท : ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ จาก 32.08 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เมื่อ 8 ม.ค. มาที่ 32.26 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ แล้ว หลังจากที่เงินดอลลาร์มีทิศทางเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น จากสถานการณ์ตลาดเงินและตลาดทุนของสหรัฐฯ แข็งแกร่งขึ้น มีเงินไหลกลับเข้าสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น รวมถึงสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีมีทิศทางเป็นบวกมากขึ้น
Thailand Research Department
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Mr. Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 2-2680-5094
OO4350
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Mr. Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 2-2680-5094
OO4350