- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 10 January 2018 16:35
- Hits: 717
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมาเป็นอีกหนึ่งวันที่ SET แกว่งตัวผันผวนโดยมีแรงขายทำกำไร AOT, KBANK, SCB และกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPN, BJC, CPALL และ BEAUTY อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อเด่นในกลุ่มก่อสร้างนำโดย CK, STEC และในกลุ่มพลังงานอย่าง PTTGC, PTTEP และกลุ่มอาหารอย่าง CPF, TU ส่งผลให้ ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,795 จุด (+2.4 จุด) ด้วย มุลค่าการซื้อขายสูงกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 7.8 หมื่นล้านบาท (มี Biglot GLAND มูลค่าสูงกว่า 2.4 พันล้านบาท )
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 ที่ 363 ล้านบาท และกลับมาเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 8,587 สัญญา
Investment theme
เริ่มเห็นสัญญาณ Sector rotation ไปยังกลุ่มที่ Laggard อย่างก่อสร้าง และโรงพยาบาล : หากนับตั้งแต่ช่วงต้น 4Q60 จนถึงปัจจุบันพบว่ากลุ่มก่อสร้างและกลุ่มโรงพยาบาล Laggard SET สูงกว่า 10% และ 21% ตามลำดับ เป็นผลมาจากการชะลอประมูลของงานภาครัฐ ,ต้นทุนวัตถุดิบปรับขึ้นและอื่นๆ ในขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลเป็นเหตุมาจาก 1) ผลประกอบการของกลุ่มโรงพยาบาลที่ว่าได้ผ่านจุดสูงสุดใน 3Q60 ไปแล้ว (Seasonal effect) และ 2) ตลาดคาดการณ์ค่าใช้จ่ายของกลุ่มจะสูงในช่วง 4Q60 จากการเตรียมความพร้อมในการขยายโรงพยาบาลรับจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้นในปี 2561 อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่เราสอบถามผู้บริหารพบว่า ค่าใช้จ่ายอาจไม่ได้สูงอย่างที่ตลาดคาด อีกทั้งตัวเลขจำนวนผู้ป่วยทั้งในประเทศและต่างประเทศยังคงเติบโตระดับ 5-10% โดยเรามีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มในช่วง 1Q61 จากฐานที่ต่ำและเป็นช่วงการปรับขึ้นของค่ารักษาพยาบาลส่งผลให้อัตรากำไรสูงขึ้น และมีโอกาสทำระดับสูงสุดในบางโรงพยาบาล ประกอบกับหุ้นใหญ่กลุ่มอื่นๆปรับตัวขึ้นเฉลี่ยสูงกว่า 20% ส่งผลให้ Upside เริ่มจำกัด เราคาดเห็น Sector rotation มายัง 2กลุ่มที่ Laggard พร้อมUpside ประมาณ 10-15% ในขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัว
Investment theme: เรามองว่ามีโอกาสเริ่มเข้าสู่ช่วงแกว่งตัวบริเวณ 1,780-1,820 โดยเราแนะแบ่งเงินส่วนหนึ่งเข้ามายังกลุ่มปันผลเช่น PTTGC, LH, SF, TISCO และทยอยสะสมหุ้นขนาดกลาง
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ครม.เห็นชอบโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 2 โดยผู้ที่ถือบัตรและมีรายได้ต่ำกว่า 3.0 หมื่นบาท / ปี จะได้วงเงินเพิ่มอีก 200บาท/เดือน และ 100 บาท/เดือน สำหรับผู้ที่มีรายได้ 3.0 หมื่นบาท ขึ้นไป / Brent ปรับตัวขึ้นต่อที่ 68.8 เหรียญ/บาร์เรล
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมาเป็นอีกหนึ่งวันที่ SET แกว่งตัวผันผวนโดยมีแรงขายทำกำไร AOT, KBANK, SCB และกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPN, BJC, CPALL และ BEAUTY อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อเด่นในกลุ่มก่อสร้างนำโดย CK, STEC และในกลุ่มพลังงานอย่าง PTTGC, PTTEP และกลุ่มอาหารอย่าง CPF, TU ส่งผลให้ ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,795 จุด (+2.4 จุด) ด้วย มุลค่าการซื้อขายสูงกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 7.8 หมื่นล้านบาท (มี Biglot GLAND มูลค่าสูงกว่า 2.4 พันล้านบาท )
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 ที่ 363 ล้านบาท และกลับมาเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 8,587 สัญญา
Investment theme
เริ่มเห็นสัญญาณ Sector rotation ไปยังกลุ่มที่ Laggard อย่างก่อสร้าง และโรงพยาบาล : หากนับตั้งแต่ช่วงต้น 4Q60 จนถึงปัจจุบันพบว่ากลุ่มก่อสร้างและกลุ่มโรงพยาบาล Laggard SET สูงกว่า 10% และ 21% ตามลำดับ เป็นผลมาจากการชะลอประมูลของงานภาครัฐ ,ต้นทุนวัตถุดิบปรับขึ้นและอื่นๆ ในขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลเป็นเหตุมาจาก 1) ผลประกอบการของกลุ่มโรงพยาบาลที่ว่าได้ผ่านจุดสูงสุดใน 3Q60 ไปแล้ว (Seasonal effect) และ 2) ตลาดคาดการณ์ค่าใช้จ่ายของกลุ่มจะสูงในช่วง 4Q60 จากการเตรียมความพร้อมในการขยายโรงพยาบาลรับจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้นในปี 2561 อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่เราสอบถามผู้บริหารพบว่า ค่าใช้จ่ายอาจไม่ได้สูงอย่างที่ตลาดคาด อีกทั้งตัวเลขจำนวนผู้ป่วยทั้งในประเทศและต่างประเทศยังคงเติบโตระดับ 5-10% โดยเรามีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มในช่วง 1Q61 จากฐานที่ต่ำและเป็นช่วงการปรับขึ้นของค่ารักษาพยาบาลส่งผลให้อัตรากำไรสูงขึ้น และมีโอกาสทำระดับสูงสุดในบางโรงพยาบาล ประกอบกับหุ้นใหญ่กลุ่มอื่นๆปรับตัวขึ้นเฉลี่ยสูงกว่า 20% ส่งผลให้ Upside เริ่มจำกัด เราคาดเห็น Sector rotation มายัง 2กลุ่มที่ Laggard พร้อมUpside ประมาณ 10-15% ในขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัว
Investment theme: เรามองว่ามีโอกาสเริ่มเข้าสู่ช่วงแกว่งตัวบริเวณ 1,780-1,820 โดยเราแนะแบ่งเงินส่วนหนึ่งเข้ามายังกลุ่มปันผลเช่น PTTGC, LH, SF, TISCO และทยอยสะสมหุ้นขนาดกลาง
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ครม.เห็นชอบโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 2 โดยผู้ที่ถือบัตรและมีรายได้ต่ำกว่า 3.0 หมื่นบาท / ปี จะได้วงเงินเพิ่มอีก 200บาท/เดือน และ 100 บาท/เดือน สำหรับผู้ที่มีรายได้ 3.0 หมื่นบาท ขึ้นไป / Brent ปรับตัวขึ้นต่อที่ 68.8 เหรียญ/บาร์เรล
Stock pick : BH
BH: ทยอยสะสม 230.0 บาท/หุ้น
หากนับตั้งแต่ 4Q60 พบว่า BH เป็นหุ้นใหญ่ที่ราคาหุ้น Laggard SET สูงกว่า18% สะท้อนมุมมองผลประกอบการ 4Q60 ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับซ่อมบำรุง เพื่อเพิ่มจำนวนเตียงจากผู้ป่วยนอก (OPD) เป็นผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งเรามองว่าราคาหุ้นได้ปรับลงสะท้อนประเด็นดังกล่าวไปแล้ว และมองเป็นผลกระทบในช่วงสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวเรามีมุมมองเชิงบวก สนับสนุนจาก 1) เป็นเรื่องปกติที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ทำเพื่อขยาย Margin(%) และ 2) คาดบริษัทปรับเพิ่มค่ารักษาพยาบาลประมาณ 5-6% ส่งผลให้คาด EBITDA margin(%) มีโอกาสทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 35%
คาดกำไรปี 2561 เติบโตประมาณ 10% ที่ 4.4 พันล้านบาท คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเหมาะสม 230.00 บาท/หุ้น
BH: ทยอยสะสม 230.0 บาท/หุ้น
หากนับตั้งแต่ 4Q60 พบว่า BH เป็นหุ้นใหญ่ที่ราคาหุ้น Laggard SET สูงกว่า18% สะท้อนมุมมองผลประกอบการ 4Q60 ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับซ่อมบำรุง เพื่อเพิ่มจำนวนเตียงจากผู้ป่วยนอก (OPD) เป็นผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งเรามองว่าราคาหุ้นได้ปรับลงสะท้อนประเด็นดังกล่าวไปแล้ว และมองเป็นผลกระทบในช่วงสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวเรามีมุมมองเชิงบวก สนับสนุนจาก 1) เป็นเรื่องปกติที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ทำเพื่อขยาย Margin(%) และ 2) คาดบริษัทปรับเพิ่มค่ารักษาพยาบาลประมาณ 5-6% ส่งผลให้คาด EBITDA margin(%) มีโอกาสทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 35%
คาดกำไรปี 2561 เติบโตประมาณ 10% ที่ 4.4 พันล้านบาท คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเหมาะสม 230.00 บาท/หุ้น
Trading idea – – สะสมกลุ่มสื่อนอกบ้าน (PLANB, MACO, VGI) เก็งกำไร PTT, PTTEP จากประเด็นราคาน้ำมันปรับตัวทำระดับสูงสุดในรอบ 37 เดือน
Technical View
พักฐานเพื่อรอดีดกลับเหมือนในอดีต?: กราฟราย 60 นาที ราคาทำรูปแบบการพักฐานเหมือนในอดีต คือ ทำเป็นแท่งเทียน Hammer แล้วแกว่งตัวออกข้างเพื่อรอเลือกทาง ซึ่งขณะนี้ Slow Stochastic เริ่มปรับเข้าหาเขต Oversold ด้วยเช่นเดียวกัน ระยะสั้นจึงมองว่า หากอ่อนตัวไม่หลุดแนวรับ 1784 ยังคงลุ้นการ Break Out ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1800 และ 1810 ได้ ระหว่างวันจังหวะอ่อนตัวสู่แนวรับ 1790 และ 1784 เป็นจุดที่น่าซื้อเพื่อ Trading กลยุทธ์การลงทุน 1) ลงทุนระยะสั้นหากไม่หลุด 1784 ยังคงแนะนำ Trading ส่วนการลงทุนระยะกลางหากไม่หลุด 1780 ยังแนะนำถือหุ้นต่อ 2) Trading ในกรอบ 1784-1810
แนวรับ : 1790, 1784 แนวต้าน : 1800, 1810
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : -
ปัจจัยในประเทศ : จับตาราคาพืชผลเกษตร (ข้าว, ยางพารา,ปาล์ม) /
วันนี้กระทรวงแรงงานประชุมประเด็นค่าแรงขั้นต่ำ
แนวรับ : 1790, 1784 แนวต้าน : 1800, 1810
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : -
ปัจจัยในประเทศ : จับตาราคาพืชผลเกษตร (ข้าว, ยางพารา,ปาล์ม) /
วันนี้กระทรวงแรงงานประชุมประเด็นค่าแรงขั้นต่ำ
หุ้นเทคนิค:
HMPRO (B 13.70, Tp 14.60, Cut 13.50)
PTTGC (B 91.50, Tp 96.00, Cut 90.50)
HMPRO (B 13.70, Tp 14.60, Cut 13.50)
PTTGC (B 91.50, Tp 96.00, Cut 90.50)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO4342
Research Department Tel. 02-658-5000
OO4342