- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 January 2018 17:07
- Hits: 3889
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> เก็งกำไรหุ้น Mid-Small Cap
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังปรับตัวบวกขึ้นทดสอบระดับ 1,800 จุดได้ตามคาดโดยมีจังหวะทะลุผ่านได้ระหว่างวัน แต่ไม่สามารถยืนเหนือได้ ณ สิ้นวัน หุ้นขนาดใหญ่เริ่มแรงขายทำกำไรออกมา สังเกตได้จากดัชนี SET50/SET100 ที่ปิดในแดนลบและเริ่มเห็นแรงซื้อเข้ามาในหุ้นรองลงมา สถาบันในประเทศยังเป็นฝ่ายซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 22 ติดต่อกันอีก 1,815 ลบ. (แต่เริ่ม Net Short เล็กน้อยในตลาดฟิวเจอร์ส) ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องอีก 2,030 ลบ. (และ Net Short ในตลาดฟิวเจอร์สสูงถึงกว่า 1.1 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะเริ่มแกว่งตัว Sideways โดยแม้จะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ยังทำ New High ต่อเนื่อง แต่เราเชื่อว่ากรอบการบวกของ SET คาดว่าจะเริ่มจำกัดบริเวณแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,800 จุด แม้ค่าเงินบาทจะยังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แต่เกิดจากการซื้อตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติ เรามองว่าในช่วงที่หุ้นใหญ่เริ่มพักตัว ตลาดจะเริ่มกลับมาสนใจหุ้นขนาดกลาง-เล็กมากขึ้นและคาดว่าจะเป็นเป้าในการถูกเก็งกำไรในระยะนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$581ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$406ล้าน ขณะที่ไหลออกไทยประเทศเดียว US$63ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค ตามคาดการณ์เศรษฐกิจโลกที่สดใส และมีการคาดการณ์ว่า Fed จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> SVOA <<
เรายังไม่ได้ทำบทวิเคราะห์ SVOA แต่มองว่าน่าสนใจทั้ง Valuation และการเติบโต โดยกำไร 9M17 อยู่ที่ 126 ลบ. +78% Y-Y จากการได้งานใหญ่ของภาครัฐฯ ซึ่งยังมีรับรู้ต่อเนื่องใน 4Q17 เบื้องต้นเราคาดกำไรสุทธิ 29 ลบ. หนุนกำไรทั้งปี 2017 สูงสุดในรอบ 10 ปีที่ 155 ลบ. +112% Y-Y ส่วนกำไรปี 2018 คาดโตตามการลงทุนของแบงก์ เพราะ SVOA เป็นผู้นำระบบ ATM, Payment, และ Digital Banking
ในเชิง Valuation ถือว่า Downside จำกัดมาก เพราะทั้ง LIT (ถือ 35%) และ IT (ถือ 31.96%) อยู่ในช่วงขาขึ้นทั้งคู่ โดยมูลค่าทั้ง 2 ตัวเมื่อคิดกลับมาที่ SVOA จะอยู่ที่ 1.34 บาท/หุ้น เท่ากับว่าที่ราคาปิดวันศุกร์ 1.95 บาท/หุ้น เป็นส่วนของ SVOA 0.61 บาท/หุ้น คิดเป็น Current PE บนงบเดี่ยวเพียง 6.8 เท่า
ราคาปัจจุบันซื้อขายบน Current PE งบรวมเพียง 12 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 19 เท่า หากให้ PE เท่าค่าเฉลี่ย และสมมติว่ากำไรปีนี้ไม่โต ราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ 3 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นบวกต่อการบริโภค ไม่เกิน 15 ม.ค. นี้คณะกรรมการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำจะสรุปการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำซึ่งจะมีผลทันทีสิ้นเดือนนี้ มีการคาดว่าค่าแรงขั้นต่ำจะปรับขึ้นราว 5% หรือ 2-15 บาท เรามองว่าผลกระทบสุทธิเป็นบวกต่อการบริโภคและเศรษฐกิจ เพราะหลายธุรกิจได้ปรับตัวนับแต่มีการขึ้นค่าแรงครั้งใหญ่ 40-90% เป็น 300 บาททั่วประเทศปี 2012 โดยลดแรงงานและใช้เครื่องจักรมากขึ้น บางธุรกิจที่ยังพึ่งพาแรงงานสูงเช่น ก่อสร้าง สิ่งทอ การประมง เกษตรและอาหาร แต่ค่าจ้างที่จ่ายก็สูงกว่าขั้นต่ำอยู่แล้ว ในทางตรงกันข้ามการขึ้นค่าแรงปี 2012 ทำให้การบริโภคภาคเอกชน 2Q12-2Q13 โตเฉลี่ย 1% Q-Q ต่อไตรมาส เทียบกับก่อนหน้านั้นที่โตไตรมาสละ 0.3% Q-Q การบริโภคที่ดีขึ้นส่งผลดีต่อ NPL ของแบงก์อีกทางหนึ่ง
(+) AAV เรามีมุมองบวกกับภาพรวมอุตสาหกรรมการบินที่ดีขึ้นในปี 2018 จากโมเมนตัมเชิงบวกของจำนวนนักท่องเที่ยวที่โตต่อเนื่อง และการฟื้นกลับมาโตโดดเด่นของนักท่องเที่ยวจีน โดย AAV ตั้งเป้าผู้โดยสารที่ 22.8 ล้านคน โต 15% Y-Y และรับเครื่องบินเพิ่มอีก 7 ลำ เป็น 63 ลำ รองรับการเพิ่มความถี่ และเปิดเส้นทางใหม่ท้ง Domestic, CLMV และอินเดีย รวมถึงเน้นเที่ยวบินข้ามภาค และผลักดันรายได้จากบริการเสริมเพิ่มขึ้น ขณะที่การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่มีผลต่อนโยบายและแผนธุรกิจเดิม อีกทั้ง ยังช่วยให้การบริหารงานมีความคล่องตัวมากขึ้น เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท โดยระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มกำไร 4Q17-1Q18 ที่จะโตแข็งแกร่งจาก High Season และได้ประโยชน์จากมาตรการภาษีกระตุ้นท่องเที่ยวเมื่อรอง
(+) ARROW เป็นหนึ่งใน Top Pick หุ้น MAI สำหรับการลงทุนใน 1Q18 จากความน่าสนใจทั้งในเชิง Valuation ที่ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 13 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 16 เท่า และกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ 18 เท่า รวมถึงผลประกอบการที่คาดว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2017 จากแรงกดดันของต้นทุนเหล็กที่ผ่อนคลายลง และยอดขายที่คาดว่าจะเร่งตัวตามภาคการก่อสร้าง ขณะที่ แนวโน้มกำไร 4Q17 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 23% Q-Q ทำจุดสูงสุดของปีที่ 59 ล้านบาท หนุนกำไรทั้งปี 2017 เป็นไปตามคาดการณ์เดิมของเราที่ 208 ล้านบาท ลดลง 21% Y-Y ก่อนจะกลับมาโต 24% Y-Y อยู่ที่ 259 ล้านบาทในปีนี้ เราแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายเท่ากับ 16.40 บาท อิง PE Multiplier 16 เท่า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
กลยุทธ์วันนี้ >> เก็งกำไรหุ้น Mid-Small Cap
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังปรับตัวบวกขึ้นทดสอบระดับ 1,800 จุดได้ตามคาดโดยมีจังหวะทะลุผ่านได้ระหว่างวัน แต่ไม่สามารถยืนเหนือได้ ณ สิ้นวัน หุ้นขนาดใหญ่เริ่มแรงขายทำกำไรออกมา สังเกตได้จากดัชนี SET50/SET100 ที่ปิดในแดนลบและเริ่มเห็นแรงซื้อเข้ามาในหุ้นรองลงมา สถาบันในประเทศยังเป็นฝ่ายซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 22 ติดต่อกันอีก 1,815 ลบ. (แต่เริ่ม Net Short เล็กน้อยในตลาดฟิวเจอร์ส) ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องอีก 2,030 ลบ. (และ Net Short ในตลาดฟิวเจอร์สสูงถึงกว่า 1.1 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะเริ่มแกว่งตัว Sideways โดยแม้จะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ยังทำ New High ต่อเนื่อง แต่เราเชื่อว่ากรอบการบวกของ SET คาดว่าจะเริ่มจำกัดบริเวณแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,800 จุด แม้ค่าเงินบาทจะยังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แต่เกิดจากการซื้อตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติ เรามองว่าในช่วงที่หุ้นใหญ่เริ่มพักตัว ตลาดจะเริ่มกลับมาสนใจหุ้นขนาดกลาง-เล็กมากขึ้นและคาดว่าจะเป็นเป้าในการถูกเก็งกำไรในระยะนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$581ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$406ล้าน ขณะที่ไหลออกไทยประเทศเดียว US$63ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค ตามคาดการณ์เศรษฐกิจโลกที่สดใส และมีการคาดการณ์ว่า Fed จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> SVOA <<
เรายังไม่ได้ทำบทวิเคราะห์ SVOA แต่มองว่าน่าสนใจทั้ง Valuation และการเติบโต โดยกำไร 9M17 อยู่ที่ 126 ลบ. +78% Y-Y จากการได้งานใหญ่ของภาครัฐฯ ซึ่งยังมีรับรู้ต่อเนื่องใน 4Q17 เบื้องต้นเราคาดกำไรสุทธิ 29 ลบ. หนุนกำไรทั้งปี 2017 สูงสุดในรอบ 10 ปีที่ 155 ลบ. +112% Y-Y ส่วนกำไรปี 2018 คาดโตตามการลงทุนของแบงก์ เพราะ SVOA เป็นผู้นำระบบ ATM, Payment, และ Digital Banking
ในเชิง Valuation ถือว่า Downside จำกัดมาก เพราะทั้ง LIT (ถือ 35%) และ IT (ถือ 31.96%) อยู่ในช่วงขาขึ้นทั้งคู่ โดยมูลค่าทั้ง 2 ตัวเมื่อคิดกลับมาที่ SVOA จะอยู่ที่ 1.34 บาท/หุ้น เท่ากับว่าที่ราคาปิดวันศุกร์ 1.95 บาท/หุ้น เป็นส่วนของ SVOA 0.61 บาท/หุ้น คิดเป็น Current PE บนงบเดี่ยวเพียง 6.8 เท่า
ราคาปัจจุบันซื้อขายบน Current PE งบรวมเพียง 12 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 19 เท่า หากให้ PE เท่าค่าเฉลี่ย และสมมติว่ากำไรปีนี้ไม่โต ราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ 3 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นบวกต่อการบริโภค ไม่เกิน 15 ม.ค. นี้คณะกรรมการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำจะสรุปการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำซึ่งจะมีผลทันทีสิ้นเดือนนี้ มีการคาดว่าค่าแรงขั้นต่ำจะปรับขึ้นราว 5% หรือ 2-15 บาท เรามองว่าผลกระทบสุทธิเป็นบวกต่อการบริโภคและเศรษฐกิจ เพราะหลายธุรกิจได้ปรับตัวนับแต่มีการขึ้นค่าแรงครั้งใหญ่ 40-90% เป็น 300 บาททั่วประเทศปี 2012 โดยลดแรงงานและใช้เครื่องจักรมากขึ้น บางธุรกิจที่ยังพึ่งพาแรงงานสูงเช่น ก่อสร้าง สิ่งทอ การประมง เกษตรและอาหาร แต่ค่าจ้างที่จ่ายก็สูงกว่าขั้นต่ำอยู่แล้ว ในทางตรงกันข้ามการขึ้นค่าแรงปี 2012 ทำให้การบริโภคภาคเอกชน 2Q12-2Q13 โตเฉลี่ย 1% Q-Q ต่อไตรมาส เทียบกับก่อนหน้านั้นที่โตไตรมาสละ 0.3% Q-Q การบริโภคที่ดีขึ้นส่งผลดีต่อ NPL ของแบงก์อีกทางหนึ่ง
(+) AAV เรามีมุมองบวกกับภาพรวมอุตสาหกรรมการบินที่ดีขึ้นในปี 2018 จากโมเมนตัมเชิงบวกของจำนวนนักท่องเที่ยวที่โตต่อเนื่อง และการฟื้นกลับมาโตโดดเด่นของนักท่องเที่ยวจีน โดย AAV ตั้งเป้าผู้โดยสารที่ 22.8 ล้านคน โต 15% Y-Y และรับเครื่องบินเพิ่มอีก 7 ลำ เป็น 63 ลำ รองรับการเพิ่มความถี่ และเปิดเส้นทางใหม่ท้ง Domestic, CLMV และอินเดีย รวมถึงเน้นเที่ยวบินข้ามภาค และผลักดันรายได้จากบริการเสริมเพิ่มขึ้น ขณะที่การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่มีผลต่อนโยบายและแผนธุรกิจเดิม อีกทั้ง ยังช่วยให้การบริหารงานมีความคล่องตัวมากขึ้น เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท โดยระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มกำไร 4Q17-1Q18 ที่จะโตแข็งแกร่งจาก High Season และได้ประโยชน์จากมาตรการภาษีกระตุ้นท่องเที่ยวเมื่อรอง
(+) ARROW เป็นหนึ่งใน Top Pick หุ้น MAI สำหรับการลงทุนใน 1Q18 จากความน่าสนใจทั้งในเชิง Valuation ที่ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 13 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 16 เท่า และกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ 18 เท่า รวมถึงผลประกอบการที่คาดว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2017 จากแรงกดดันของต้นทุนเหล็กที่ผ่อนคลายลง และยอดขายที่คาดว่าจะเร่งตัวตามภาคการก่อสร้าง ขณะที่ แนวโน้มกำไร 4Q17 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 23% Q-Q ทำจุดสูงสุดของปีที่ 59 ล้านบาท หนุนกำไรทั้งปี 2017 เป็นไปตามคาดการณ์เดิมของเราที่ 208 ล้านบาท ลดลง 21% Y-Y ก่อนจะกลับมาโต 24% Y-Y อยู่ที่ 259 ล้านบาทในปีนี้ เราแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายเท่ากับ 16.40 บาท อิง PE Multiplier 16 เท่า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8ม.ค.- ยูโรโซน: Economic confidence (ธ.ค.)
11ม.ค.- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
12ม.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
15ม.ค.- จีน: 4Q17 GDP
23ม.ค.- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJคาดคงดอกเบี้ยที่ -0.10%
25ม.ค.- ยูโรโซน: ประชุม ECBคาดคงดอกเบี้ยที่ 0.00%
26 ม.ค.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ยังปิดพุ่งขึ้นทำ New High ได้เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน แม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ธ.ค. จะออกมาต่ำกว่าคาด แต่ทำให้ตลาดคาดว่า FED จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกได้เช่นกันโดยตลาดตอบรับในเชิงบวกกับตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซนที่ออกมาใกล้เคียงคาด
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในกรอบแคบค่อนไปในแดนบวก โดยยังได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ยังพุ่งทำ New High ต่อเนื่อง
(+) ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.08-32.20 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับลง 0.57 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 61.44 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเริ่มมีแรงขายทำกำไรหลังจากที่คาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันก่อนหน้า อย่างไรก็ตามประเด็นความไม่สงบในอิหร่านยังจำกัดการปรับลงของราคา
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดบวก 0.70 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,322.30 ดอลลาร์/ออนซ์ บวกเป็นวันที่ 11 ติดต่อกันหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ธ.ค. ของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดคาดว่า FED อาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO4260
11ม.ค.- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
12ม.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
15ม.ค.- จีน: 4Q17 GDP
23ม.ค.- ญี่ปุ่น: ประชุม BOJคาดคงดอกเบี้ยที่ -0.10%
25ม.ค.- ยูโรโซน: ประชุม ECBคาดคงดอกเบี้ยที่ 0.00%
26 ม.ค.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ยังปิดพุ่งขึ้นทำ New High ได้เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน แม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ธ.ค. จะออกมาต่ำกว่าคาด แต่ทำให้ตลาดคาดว่า FED จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกได้เช่นกันโดยตลาดตอบรับในเชิงบวกกับตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซนที่ออกมาใกล้เคียงคาด
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในกรอบแคบค่อนไปในแดนบวก โดยยังได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ยังพุ่งทำ New High ต่อเนื่อง
(+) ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.08-32.20 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับลง 0.57 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 61.44 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยเริ่มมีแรงขายทำกำไรหลังจากที่คาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันก่อนหน้า อย่างไรก็ตามประเด็นความไม่สงบในอิหร่านยังจำกัดการปรับลงของราคา
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดบวก 0.70 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,322.30 ดอลลาร์/ออนซ์ บวกเป็นวันที่ 11 ติดต่อกันหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ธ.ค. ของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดคาดว่า FED อาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO4260