- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 01 September 2014 16:16
- Hits: 2292
บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Outlook
ครม.ใหม่หนุน SET ทดสอบแนวต้านย่อย 1,570 +/- จุด: SET เคลื่อนไหวแคบช่วงปลายสัปดาห์ ปิดตลาดที่ 1,561.63 จุด +0.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.9 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิ 29 ล้าบาท...สำหรับแนวโน้ม SET วันนี้คาดว่าจะปรับสูงขึ้นทดสอบแนวต้านย่อย 1,570 +/- จุด หลังโปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่แล้วมี มรว.ปรีดิยาธร เป็นรองนายกฯ ดูแลด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ระยะสัปดาห์คงเป้าหมายการปรับสูงขึ้นที่ 1,580-1,600 จุด เหมือนเดิม (ดูรายงาน The Quant & The Tactical วันที่ 1 ก.ย.) ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) เศรษฐกิจฟื้นตัวตั้งแต่ 3Q14 2) การเมืองมีเสถียรภาพ 3) กำไรบริษัทจดทะเบียนเร่งตัวขึ้นเป็น +15% ในปี 2015-16 และ 4) แรงกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติจำกัด
“ซื้อ” กลุ่มรับเหมาฯ และ “เก็งกำไร” กลุ่มเดินเรือ: เราแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มรับเหมาฯ (Overweight) อย่าง CK และ STEC ที่คาดการณ์ราคาหุ้น Outperform ตลาดหลังการเมืองมีเสถียรภาพ หนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯ รวมไปถึงกลุ่มธนาคาร อย่าง KBANK KTB ขณะที่แนะนำ “เก็งกำไร” กลุ่มเดินเรืออย่าง TTA (ต้าน 24.4) PSL (ต้าน 28.25) ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน หลังดัชนี BDI ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง
Tactical Portfolio (1-3 months)
TNS แนะนำ AOT, BGH, BTS, CPALL, CK, EA, GFPT, SAMART, SPALI และ STEC เป็นหุ้นใน Tactical Portfolio
Tactical Portfolio ให้อัตราผลตอบแทน +2.6% w-w: Tactical Portfolio ให้อัตราผลตอบแทน +2.6% w-w (25 – 29 ส.ค.2014) ดีกว่า SET ที่ให้อัตราผลตอบแทน +0.30% w-w อยู่ 2.30% โดยหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนดีที่สุดใน Tactical Portfolio ได้แก่ GFPT, BGH และ AOT โดยให้อัตราผลตอบแทน 4-9.7% ขณะที่ SAMART และ CK ให้อัตราผลตอบแทนต่ำที่สุดใน Tactical Portfolio ซึ่งเรามองว่าเป็นการ “พักฐาน” หลังจากราคาหุ้นทั้ง 2 ตัวปรับสูงขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่ถ้าพิจารณาในเชิงกลยุทธ์เราแนะนำ “ซื้อ” ทั้ง SAMART และ CK ด้วย Momentum กำไรที่คาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้นต่อเนื่อง ตามการบริโภค และการลงทุนภาครัฐฯ ที่ฟื้นตัว...ทั้งนี้ตั้งแต่จัดทำ Tactical Portfolio เมื่อวันที่ 13 ม.ค.14 ให้อัตราผลตอบแทน 48.53% ขณะที่ SET ให้อัตราผลตอบแทน 23.56% หรือให้อัตราผลตอบแทนดีกว่า SET อยู่ 20.21%
Technical
ตลาดมีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นต่อ : ดัชนี SET ทำยอดสูงสุดใหม่ที่ 1570 จุด แล้วปรับตัวลงไม่ต่ำกว่า 1550 จุด และยังคงเป้าหมายแนวโน้มหลักขึ้นสู่ระดับ 1600 และ 1650 จุด ตามลำดับ สำหรับวันนี้คาดว่าดัชนี SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1555-1565 จุด
หุ้นที่แนะนำซื้อ : TPIPL จังหวะดีดตัวแรงกลับขึ้นมาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 7-14-21 วัน เป็นสัญญาณกลับตัวขึ้น โดยคาดว่าจะมีโอกาสขึ้นทำยอดสูงสุดใหม่ได้ที่ระดับ 17.00 บาท TTA ขึ้นแรงทะลุกรอบแนวต้าน 22.80 บาท เป็นลักษณะการขึ้นอย่างต่อเนื่อง จังหวะซื้อตาม คาดว่าจะมีแนวโน้มขึ้นต่อไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 24.00 และ 25.00 บาท TRUE ดีดตัวกลับขึ้นมาทะลุแนวต้านย่อย 11.00 และ 11.50 บาท คาดว่าราคาจะขึ้นต่อไปทำยอดสูงสุดใหม่ ด้วยเป้าหมาย 12.00 บาท และ 13.00 บาท
TFEX Recommendation
SET50 Futures: แนะนำ “Trading” ในกรอบ 1,030-1,044 จุด สำหรับสัญญา S50U14 ขณะที่การปรับสูงขึ้นเหนือ 1,044 จุด จะเป็นสัญญาณ “เปิด” สถานะ Long กลับอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายการปรับสูงขึ้นไปที่แนวต้านเดิมที่เคยให้ไว้บริเวณ 1,050-1,060 จุด
Gold Futures: แนะนำ “ถือ” สถานะ Short สัญญา GFV14 โดยคงเป้าหมายการปรับลดลงที่ 19,250 บาท หรือถัดไปที่ 18,600 บาท ขณะที่กำหนด Trailing Stop ที่ 19,750 บาท
Oil Futures: แนะนำ “Trading” ในกรอบ 3280-3330 บาท สำหรับสัญญา BRU14 รอยืนยันทิศทางระยะสัปดาห์ไปก่อน โดยแม้ว่าจะเกิดสัญญาณ “ฟื้นตัว” ระยะสั้น ของราคาน้ำมันดิบ Brent อย่างไรก็ตามการปรับสูงขึ้นยังมี Upside จำกัดที่บริเวณแนวต้าน 3330
Thai Strategy Team
นพดล พิริยวุฒิ
อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล