- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 May 2014 23:25
- Hits: 3350
บล.เคที ซีมิโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ผันผวน-เลือกเก็งกำไรรายตัว
Highlight
ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ เปิดลง ตามแรงขายทำกำไรหลังดัชนีฯ ปรับขึ้นแรง ส่วนข่าวดีคือ ญี่ปุ่นรายงาน 1Q57 GDP เติบโตกว่าคาด
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ : สหรัฐ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน เม.ย. (คาด +0.3%m-m Vs มี.ค. 0.2 ยุโรป จีดีพีไตรมาส 1/57 คาด 0.4% qoq (0.2% ไตรมาส 4/56) อัตราเงินเฟ้อเดือน เม.ย. คาด 0.3% qoq (0.2% มี.ค.)
+วันทำการล่าสุด นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อ +189 ลบ. (จากขายสะสม 2 วันรวม -3.13 พันลบ.) ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อต่อ +1.28 พันลบ. (ซื้อสะสม 3 วัน รวม +3.09 พันลบ.)
-การเมือง กกต.และรัฐบาล เลื่อนวันหารือประเด็นการเลือกตั้ง เป็นวันนี้ ขณะหลายฝ่ายเสนอรัฐบาลลาออก เพื่อตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล ขณะพรรคเพื่อไทยย้ำไม่มีกฎหมายรองรับ
MSCI รายไตรมาส ประกาศเช้านี้ เพิ่ม BH ใน Global Standard Index และ BJCHI MEGA TTCL NYT ใน Small Cap Indexes และถอด GSTEL GRAMMY TUF SITHAI UMI ออกจาก Small Cap Indexes
คาดดัชนีฯ วันนี้ ผันผวน แนวรับ1380จุด แนวต้าน1403/1410 จุด การเมืองยังเป็นความเสี่ยง แต่โมเมนตั้มเก็งกำไรหุ้นรายตัว SAWAD ICHI และหุ้นเพิ่มคำนวณ MSCI ช่วยหนุนตลาด
กลยุทธ์: รายเดือน แนะนำ ทยอยขายลดพอร์ต (ถือเงินสด 60%) ส่วนระยะสั้น แนะนำ เล่นเก็งกำไรรายตัวหุ้นผลประกอบการดีในไตรมาสแรก วันนี้
แนะนำ QH JAS SAMART และ BH BJCHI MEGA TTCL NYT (เข้าคำนวณดัชนี MSCI)
หุ้นในกระแส:
หุ้นโมเมนตัมบวก (ขึ้นเกิน 6.0%) ได้แก่ SAWAD ICHI PAF SUPER KTIS SUTHA KTC SPCG หุ้นที่ลงกว่า 2.0% MFEC SRICHA AJD WORK
NVDR (หน่วย: ลบ.) สูงสุดด้านซื้อ ได้แก่ PTTEP+482 TRUE+385 BANPU+133 ด้านขาย BBL-348 KBANK-86
หลักทรัพย์ที่มี Short Sell สูงสุด (หน่วย:ล้านบาท) ได้แก่ KBANK 108 BANPU 59 SCC 14
วันนี้หุ้น OTO เข้าซื้อขายในตลาดใหม่ ราคา IPO 5.40 บาท ราคา Par 1.00 บาท เป็นบริษัทลูกของ SAMART ทำธุรกิจ 1)รับจ้างบริการศูนย์ข้อมูล 2) ออกแบบ พัฒนา และติดตั้งระบบศูนย์บริการข้อมูลแบบเบ็ดเสร็จ
Market Outlook
คาดดัชนีฯ วันนี้ ผันผวน แรงหนุนหุ้นบลูชิพอาจอ่อนแรงตากการอ่อนตัวของตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน แต่กระแสเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็ก-กลาง โดยเฉพาะหุ้น IPO ที่เข้าตลาดปีนี้ (ICHI SAWAD KTIS SUTHA) ช่วยหนุนตลาดแนะนำเก็งกำไร หุ้นมีข่าวดี BH BJCHI MEGA TTCL NYT ถูกเพิ่มคำนวณในดัชนีฯ MSCI
คาดดัชนีฯ วันนี้ ผันผวน แนวต้าน 1403/1410 จุด ปัจจัยการเมืองในประเทศยังเป็นความเสี่ยง ลุ้นการเจรจาเลือกตั้งระหว่างกกต. และรัฐบาลที่เลื่อนมาเป็นวันนี้ ด้านต่างประเทศมีแรงขายทำกำไรสลับเข้ามาหลังตลาดหุ้นโลกปรับขึ้นแรง เราคงคำแนะนำ เลือกลงทุนหุ้นกลุ่มปันผลดี ยิลด์เฉลี่ยมากกว่า 4% ส่วนหุ้นรายตัว แนะนำเก็งกำไร หุ้นผลประกอบการดี มีข่าวบวก (BH BJCHI MEGA TTCL NYT เข้าคำนวณในดัชนีฯ MSCI )
การเมืองในประเทศ ยังรอประเด็นเลือกตั้ง การหารือระหว่างกกต. และรัฐบาลเรื่องประเด็นการเลือกตั้งถูกเลื่อนมาเป็นวันนี้ กกต. เตรียมเสนอให้ พ.ร.ฎ. ให้อำนาจกกต. ในการเลื่อนวันเลือกตั้งจาก 3 ปัจจัย (รับสมัคร ส.ส.ทั้ง 375เขตไม่ได้-มีปัญหาบัตรเลือกตั้ง-เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดวุ่นวาย) หากการเลือกตั้งเลื่อนออกไปมาจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจและการปรับลดกำไรบจ. รอบใหม่ ด้านความเสี่ยงเหตุรุนแรงเพิ่มหลังมีการยิงเอ็ม 79 ใส่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในเพื้นที่ชุมนุมกลุ่ม กปปส. มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
รายงาน MSCI review เพิ่ม BH เข้าดัชนี MSCI global standard ส่วนดัชนี MSCI global small cap เพิ่ม BJCHI MEGA NYT TTCL หุ้นที่ออกจากดัชนี MSCI global small cap BH GSTEL GRAMMY SITHAI TUF UMI
SET Index Consensus: ผลสำรวจสมาคมนักวิเคราะห์คงเป้าดัชนี 1,473 จุด กำไรบจ.เหลือ 11% เหตุการเมืองกดดันตลาด แนะนักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุน เนื่องจากดัชนีตอบรับข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว
ต่างประเทศ ตลาดสหรัฐ มีแรงขายทำกำไรออกมา ด้านปัญหายูเครนวิกฤติยูเครนลดความตึงหลังรัสเซียยกเลิกคำขู่จะไม่ยอมจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้ยูเครน ถ้าหากยูเครนไม่จ่ายเงินล่วงหน้าสำหรับเดือน มิ.ย. ด้านญี่ปุ่น รานงาน 1Q57 GDP ออกมาดีกว่าคาด +5.9%y-y (Vs คาด +4.2%y-y) ซึ่งเป็นอัตราเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ 3Q11 และหากเทียบ q-q เติบโต 1.5% (Vs คาด +1%q-q)
กลยุทธ์ลงทุน: ทยอยขายทำกำไร สำหรับการลงทุนระยะ 2 เดือน(ความเสี่ยงขาลงอยู่ที่ 1314/1300 จุด) ส่วนการลงทุนระยะสั้น แนะนำเก็งกำไรสั้น รายตัว QH JAS SAMART BH หรือรอซื้อบริเวณแนวรับ 1350 จุด เน้นหุ้นปันผลดี ยิลด์เฉลี่ยสูงกว่า 4% แนะนำ BTS INTUCH ADVANC
*ระยะเดือน (ดูรายงาน Monthly เดือน พ.ค.) ถือเงินสด 60% ของพอร์ต เน้นเลือกลงทุนหุ้นปันผลสูง มีประเด็นบวก แนะนำลงทุน BTS INTUCH (Dividend Play) GFPT PSL BANPU IVL (Global play) STPI TTCL JAS RS (ประเด็นบวกระยะสั้น)
ทางเทคนิค : ดีดตัวกลับได้ดีกว่าคาด
ภาพใหญ่ระยะ 2 ปี ของทิศทางดัชนีฯ ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ใน Downtrend Channel กรอบ 1150-1400 จุด ส่วนระยะสั้น วานนี้ดัชนีฯ ดีดกลับได้ดีหลังทดสอบแนวรับเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลาง-ยาว (SMA 50/200 วัน) ที่บริเวณ 1370-1375 จุด ประกอบกับวอลุ่มที่หนาแน่นขึ้น ทำให้มีโอกาสทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1400-1403 จุด แนวต้านถัดไป 1410 จุด หากไม่ผ่านยังมีโอกาสปรับเป็นขาลงได้ใหม่ โดยมีแนวร้บที่ 1370/1350 จุด ขณะที่แนวรับหลักอยู่ 1314/1300 จุด
ประเด็นจับตา
-1. ประเด็นการเมือง: วันนี้กกต. หารือรัฐบาลประเด็นเลือกตั้ง
ประเด็นการเมือง (Update):
"สุเทพ"เผย กปปส. พร้อมปฏิบัติการทวงคืนอธิปไตย 17 พ.ค. หากวุฒิฯหานายกฯใหม่ไม่ได้ กปปส.ประกาศหากวุฒิสภาไม่สามารถดำเนินการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ กปปส.จะปฏิบัติการเรียก คืนอำนาจอธิปไตยมาเป็นของประชาชน โดยประชาชนเอง ซึ่งจะเริ่มดำเนินการ ในช่วงวันที่ 17-18 พ.ค.นี้
เปิด 3 ปมเลื่อนเลือกตั้งกกต. ชงรัฐขอมีอำนาจใน พ.ร.ฎ. รัฐบาลขอกกต.เลื่อนถกพ.ร.ฎ.เลือกตั้งเป็น วันนี้ ขณะที่กกต.เตรียมยก 3 ปัจจัยขอมีอำนาจเลื่อนวันหย่อนบัตรบรรจุไว้ในพ.ร.ฎ. "รับสมัครส.ส.ทั้ง 375เขตไม่ได้-มีปัญหาบัตรเลือกตั้ง-เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดวุ่น" เผยเหตุเบรกย้าย "คำรณวิทย์" ไปภาค 5 หวั่นเอื้อประโยชน์เลือกตั้ง
"นิวัฒน์ธำรง" ไม่ปฏิเสธข้อเสนอนายกฯคนกลาง แต่ต้องมีกม.รองรับ,พร้อมคุยวุฒิสภา นายนิวัฒน์ธำรง ระบุว่า รัฐบาลไม่ปฏิเสธข้อเสนอนายกรัฐมนตรีคนกลาง เพียงแต่ต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายรองรับเท่านั้น เขายังย้ำว่า นายกรัฐมนตรีรักษาการ มีอำนาจเทียบเท่านายกรัฐมนตรีทุกประการ โดยสามารถเสนอทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งได้ และรัฐบาลพร้อม พูดคุยกับวุฒิสภาเพื่อทางออกให้กับประเทศ
2. การประกาศผลประกอบการ 1Q57F ของบจ. คาดว่าจะส่งผลต่อหลักทรัพย์รายบริษัทฯ ในสัปดาห์นี้
Thai-บจ. จะสิ้นสุดฤดูประกาศผลประกอบการภายในสัปดาห์นี้ (15 พ.ค.)
USA: การประกาศผลประกอบการ 1Q57 ของบจ. สหรัฐฯ
บจ. สหรัฐฯ ประกาศผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาแล้ว โดยรายงาน 453 บจ.ที่คำนวณในดัชนี S&P 500ที่ผ่านมา พบว่า มีจำนวน 76% ที่รายงานกำไรดีกว่าคาด และ 53% รายงานรายได้ดีกว่าคาด โดยรายงานกำไรโดยเฉลี่ยดีขึ้น 5.5% yoy และรายได้ดีขึ้น 3.0% yoy ทั้งนี้ บริษัทฯ ใหญ่ที่จะทยอยประกาศผลประกอบการในช่วงสัปดาห์นี้ เช่น, CISCO, WAL-MART ฯลฯ
3. MSCI : MSCI Equity Indexes May 2014 Index Review ประกาศเช้านี้
1.MSCI Global Standard Indexes : อิงจากการคำนวณ ขนาด Market Cap และมูลค่าการซื้อขาย มีเพิ่มการคำนวณ 58 หลักทรัพย์และถอดออก 45 หลักทรัพย์ ในดัชนี MSCI ACWI Index โดยบจ.ขนาดใหญ่สุด 3อันดับ ที่เพิ่มการคำนวณใน World Index ได้แก่ 1.Intesa Sanpaolo Rnc อิตาลี 2. Twitter (USA) 3.American Airlines Group (USA) และ 3 บริษัทที่เพิ่มคำนวณในMSCI Emerging Markets Index ได้แก่ 1.Qatar National Bank (Qatar) 2.Industries Qatar (Qatar) 3.National Bank of Abu Dhabi (UAE)
สถิติชี้หุ้นที่เข้า MSCI Global Standard จะให้ผลตอบแทนเฉลี่บสูงถึง 9% หากซื้อตั้งแต่วันที่ประกาศและไปขายช่วงเย็นวันที่มีผลบังคับใช้ สำหรับรอบนี้คือ 30 พค.57
- ผลการศึกษา 5 ปีหลังสุด พบว่า หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้าไปเพิ่มในการคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard Index มักปรับเพิ่มขึ้นก่อนมีการนำเข้าไปคำนวอย่างเป็นทางการเสมอ โดยเมื่อซื้อตั้งแต่วันประกาศ หรือราว 1.5-2 สัปดาห์ก่อนมีผลบังคับใช้จริง จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 9% ด้วยโอกาสสูงราว 80% และหลังจากนั้น ราคาก็จะปรับตัวลดลง
- จากการศึกษาข้อมูลในอดีต (Back Test) ของหุ้นที่ถูกคัดเข้าดัชนี MSCI Global Standard Indexพบว่า หลังวันประกาศ 1-3 วัน ราคาหุ้นมักตอบรับเชิงบวก ปรับตัวขึ้นเฉลี่ยราว 4% ด้วยโอกาสสูงราว 80% และหากซื้อตั้งแต่วันที่เริ่มนำเข้าคำนวณราว 1.5-2 สัปดาห์ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +8.7% ด้วยโอกาสสูงถึง 80%
กลยุทธ์ลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะสั้น สามารถเล่นได้ 2 รอบ คือ
- ซื้อหุ้นเพิ่มการคำนวณใน MSCI Global Standard Index ในวันประกาศและขายทำกำไรใน 2-3 วัน เพราะราคาหุ้นจะแกว่งตัวขึ้นเฉลี่ยราว 3-4%
- และอีกช่วงนึงคือ ไปรอซื้อวันก่อนถูกนำเข้าคำนวณ(รอบนี้คาดมีผลบังคับใช้ 30 พค.57) 1 วัน และขายทำกำไรวัน Effective Date จะให้ผลตอบแทนราว 5% หรือหากเป็นนักลงทุนที่เล่นรอบใหญ่ แนะนำให้ซื้อสะสมหุ้นเข้า MSCI Global Standard Index นับจากวันประกาศ แล้วไปขายวันมีผลบังคับใช้จริง (Effective Date) จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8.7%
2.MSCI Global Small Cap Indexes : มีเพิ่มการคำนวณ 417 หลักทรัพย์และถอดออก 312 หลักทรัพย์ ในดัชนี MSCI ACWI Small Cap Index ทั้งนี้ดัชนีกลุ่ม Small Cap Indexes จะเน้นหุ้นขนาดเล็กและกลาง เพื่อให้ดัชนี MSCI Thailand ครอบคลุม 85% ของตลาดหุ้นไทยทั้งหมด อิง หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายต่อวันสูง (Average Daily Turnover) เป็นเกณฑ์หลัก และขนาดของ Market Cap เป็นเกณฑ์รองสำหรับ MSCI Thailand มี 4 บจที่ได้เพิ่มในการคำนวณ ได้แก่ BJCHI MEGA NYT TTCL และมี 6 บจ.ที่ถูกถอดถอน ได้แก่ BH(ย้ายไป Global Index) GSTEEL GRAMMY SITHAI TUF UMI
สถิติชี้หุ้นที่เข้า MSCI Small Cap Index ไม่ค่อยให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นนัก อิงจากการซื้อ 1 วันก่อนคำนวณ และขายวัน Effective จะให้ผลตอบแทนดีที่สุดราว 1.4% เท่านั้น ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ ควรเลือกเก็งกำไรเป็นรายบริษัท และยังคงแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นที่ถูกคัดออกเพราะราคามักปรับตัวลงเช่นกัน
4.รายงานเศรษฐกิจสำคัญสัปดาห์นี้
ภายในสัปดาห์นี้: จีน ยอดสินเชื่อสกุลหยวน เดือน เม.ย. 8 แสนล้านหยวน (Vs 1.05 ล้านล้านหยวน ใน มี.ค.)
วันพฤหัสบดี : สหรัฐ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน เม.ย. (คาด +0.3%m-m Vs มี.ค. 0.2%) หรือ 2.0%y-y Vs มีค 1.5%y-y) ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ค. (คาด 5.5 Vs เม.ย. 1.29) การผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือน เม.ย. (คาด +0.2%m-m Vs มี.ค. +0.7% การใช้กำลังการผลิตคงที่ที่ 79.2%) เฟด สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือน พ.ค. (คาด 15.4 Vs เม.ย.16.6) รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยุโรป จีดีพีไตรมาส 1/57 คาด 0.4% qoq (0.2% ไตรมาส 4/56) อัตราเงินเฟ้อเดือน เม.ย. คาด 0.3% qoq (0.2% มี.ค.)
วันศุกร์ : สหรัฐ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน (คาด +1.015 ล้านยูนิต มีค +0.997 ล้านยูนิต) และการอนุญาตก่อสร้างเดือน เม.ย. รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือน พ.ค. ยุโรป ดุลการค้าเดือน มี.ค. คาด เกินดุล 1.6 หมื่นล้านยูโร (1.36 หมื่นล้านยูโร ก.พ.)
Economic Calendar
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจวันทำการผ่านมา:
สหรัฐเผยดัชนี PPI เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือน เม.ย. กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2012 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือน มี.ค. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.5%ในเดือน เม.ย. หลังเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน มี.ค.
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
Global Momentum
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นำลงโดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย
วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลดลง โดยดัชนี DJIA ปิดร่วงลง 101.47 จุดหรือ -0.61% สู่ระดับ 16,613.97 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 8.92 จุดหรือ -0.47% สู่ระดับ 1,888.53 จุด และ Nasdaq ปิดดิ่งลง 29.54 จุด หรือ -0.72% สู่ระดับ 4,100.63 จุด โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ร่วงลงจากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่หุ้นขนาดเล็กเริ่มปรับตัวลงอีกครั้งและหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง ดัชนี S&P หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 1.1% และนำดัชนี S&P ร่วงลง ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกติดลบ 1.1%
นัก วิเ ค ร า ะ ห์บ า ง ร า ย กำ ลัง มุ่ง ค ว า ม ส น ใ จ ไ ป ที่ผ ล ป ร ะ ก อ บ ก า ร ข อ ง บ ริษัท ค้า ป ลีกเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังมีเสถียรภาพหลังอ่อนแอลงในช่วงฤดูหนาว หุ้นไอบีเอ็มดิ่งลง 1.8% หลังคาดว่าผลกำไรด้านฮาร์ดแวร์จะทรงตัวในปีนี้ ซึ่งถ่วงดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ลงมากที่สุด-
+ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดคละในกรอบแคบ
วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ FTSE ปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 5.41 จุด หรือ +0.08% สู่ 6,878.49จุด ดัชนี CAC40 ปิดย่อลง 3.98 จุด หรือ -0.09% สู่ 4,501.04 จุด และ DAX ปิดย่อ 0.04 จุด หรือ -0.0004% สู่ 9,754.39 จุด เพื่อรอดูท่าทีของ ECB จะออกมาตรการผ่อนคลายการเงินหรือไม่ ในการ
ประชุมเดือนมิย.
+ราคาน้ำมันดิบ ปิดสูงขึ้น หลังสต๊อคน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง
วันพุธ Brent ส่งมอบ มิ.ย. ปรับขึ้น 0.95 ดอลลาร์ สู่ 110.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน Nymex ส่งมอบ มิย. เพิ่มขึ้น 0.67 ดอลลาร์ มาปิด ตลาดที่ 102.37 ดอลลาร์ต่อ บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ต่างก็ปรับขึ้นมาปิดตลาดที่ระดับปิดสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ในวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจากการลดลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เมืองคุชชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันตามสัญญาในตลาด NYMEX
+ราคาทองคำ ปิดพุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ 2 พ.ค. ลุ้นอีซีบีอาจออกมาตรการผ่อนคลายการเงิน
วันทำการที่ผานมา ราคาสัญญาทองเดือนมิถุนายน ปิดตลาดพุ่งขึ้น 11.10 ดอลล์ หรือ 0.86 % สู่ 1,305.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากข่าวอีซีบีเตรียมออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเร็วๆนี้ ฉุดค่าเงินดอลล์สหรัฐฯอ่อนค่าลง และได้รับผลบวกเชิงอ้อมจากการพุ่งข้นของราคา พัลลาเดียม พุ่งขึ้นรอบ 2.5ปี จากปัญหาแรงงานจากแหล่งผู้ผลิตใหญ่ แอฟริกาใต้
+ ดัชนีค่าระวางเรือ Baltic Dry Index กลับมาปิดบวกวันแรก หลังร่วง 4 วัน
วันทำการที่ผานมา ดัชนี Baltic Dry Index ปิดเพิ่มขึ้น 20 จุด หรือ 2.04% เป็น 1002 จุด หลังจาก ปี 56 เพิ่มขึ้น +28.14%y-y เป็น 2227 จุด (จาก 1738 จุด ณ สิ้นปี 55) โดยระดับสูงสุดอยู่ที่ 2337 จุด เมื่อ 12/12/56 และระดับต่ำสุดอยู่ที่ 698 จุดเมื่อ 2/1/56 ขณะที่ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 554 กลุ่มเรือ (Shipping) คาดผ่านจุดต่ำสุด Bottom Out และฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก (แนะนำ เก็งกำไร PSL TP Consensus 22.84-27.25 บาท TTA TP Consensus 22.83-27.25 บาท)
ถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย, no. 14501
[email protected]
02-624-6244
ธิดารัตน์ ผโลดม, no. 16564
[email protected]
02-624-6270