- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 03 January 2018 17:58
- Hits: 4095
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
SET INDEX
1753.71 +10.42 (+0.60) // Vol. 45,371
ยืน 1753 จุดได้มีโอกาสไปต่อ 1760-1764 จุด กรอบ 1743-1760
ดัชนีตลอดปี 2017 มีทิศทางที่เป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยปรับตัวขึ้นถึง 235 จุด (1528-1763) และทำปิดสิ้นปีที่ 1753 จด ซึ่งทำปิดสูงสุดในรอบ 23 ปี เป็นสัญญาณที่ดี ที่ดัชนีน่าจะเดินหน้าต่อขึ้นทดสอบ High ของการมีดัชนีที่ 1789 จุดได้ในปี 2018
จากภาพดัชนีวันสุดท้ายของปี ฟื้นตัวจากการทิ้งตัวลงหนักจากวันก่อนหน้า กลับขึ้นมายืน 1750 จุด และทำปิดที่จุดสูงสุดของวันที่ 1753 จุด เป็นการดีดกลับขึ้นมา 2 ใน 3 จากยอด 1763 ลงมา 1735 ทำให้ภาพของดัชนีดูเหมือนจะไปต่อ หากยืน 1753 ได้ แนวต้านถัดไป 1760-1764 ในทางกลับกันหากยืนไม่ได้มีโอกาสพักตัวระยะสั้น ซึ่งเราให้น้ำหนักอย่างหลังเนื่องจาก มี Gap ที่เพิ่งเปิดมีความกว้าง 2.58 จุด (1743.29-1745.87)
แนวรับ 1743-1748
แนวต้าน 1758-1760 // 1764
SET INDEX
1753.71 +10.42 (+0.60) // Vol. 45,371
ยืน 1753 จุดได้มีโอกาสไปต่อ 1760-1764 จุด กรอบ 1743-1760
ดัชนีตลอดปี 2017 มีทิศทางที่เป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยปรับตัวขึ้นถึง 235 จุด (1528-1763) และทำปิดสิ้นปีที่ 1753 จด ซึ่งทำปิดสูงสุดในรอบ 23 ปี เป็นสัญญาณที่ดี ที่ดัชนีน่าจะเดินหน้าต่อขึ้นทดสอบ High ของการมีดัชนีที่ 1789 จุดได้ในปี 2018
จากภาพดัชนีวันสุดท้ายของปี ฟื้นตัวจากการทิ้งตัวลงหนักจากวันก่อนหน้า กลับขึ้นมายืน 1750 จุด และทำปิดที่จุดสูงสุดของวันที่ 1753 จุด เป็นการดีดกลับขึ้นมา 2 ใน 3 จากยอด 1763 ลงมา 1735 ทำให้ภาพของดัชนีดูเหมือนจะไปต่อ หากยืน 1753 ได้ แนวต้านถัดไป 1760-1764 ในทางกลับกันหากยืนไม่ได้มีโอกาสพักตัวระยะสั้น ซึ่งเราให้น้ำหนักอย่างหลังเนื่องจาก มี Gap ที่เพิ่งเปิดมีความกว้าง 2.58 จุด (1743.29-1745.87)
แนวรับ 1743-1748
แนวต้าน 1758-1760 // 1764
Technical Analyst : พรรณนภา เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
" มีลุ้นบวกต่อตามตลาดเอเซีย "
ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ คาดดัชนีฯ จะผันผวน และมีโอกาสเดินหน้าต่อ ประเมินกรอบเคลื่อนไหวของดัชนีฯสัปดาห์นี้ไว้ที่ 1740-1770 จุด .... ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ เปิดทำการเพียง 3 วัน แม้คาดจะมีแรงขายทำกำไรช่วงสั้น แต่ด้วยดัชนีตลาดหุ้นเอเซียที่ส่วนใหญ่เปิดซื้อขายในแดนบวกในวันแรก ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ขึ้นแตะ $60 เหรียญ จะเป็นแรงหนุนให้กับตลาดหุ้นไทยด้วย
กลยุทธ์ลงทุน : ด้วยเรามองตลาดและ หุ้นกลุ่มหลักยังมีโอกาสไปต่อ แต่อาจสลับกลุ่มเล่นในแต่ละวัน เรามุ่งไปที่หุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวมากขึ้น หุ้น Top Picks สัปดาห์นี้ ของเรา ได้แก่ RS ที่ก้าวเข้าสู่ธุรกิจความงามที่มี margin สูง ส่วนหุ้น DELTA* เราให้ความสนใจหลังราคาปรับตัวลงมามาก แต่ธุรกิจของบริษัทอยู่ใน trend ที่มีการเติบโต คือ EV car และ internet of things ส่วนหุ้นในกลุ่มอื่น ประกอบด้วย SAT, PTTEP และภาพตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index สัปดาห์ก่อนปิดที่ระดับ 1,753.71 จุด ปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 11.63 จุด หรือ +0.67% ตลาดสามารถปรับตัวขึ้นได้จากแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน ซึ่งคาดว่าได้แรงซื้อจากเม็ดเงิน LTF/RMF ในช่วงปลายปี ด้านปัจจัยต่างประเทศและในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆที่มีนัยสำคัญเข้ามากระทบตลาด
ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ คาดดัชนีฯ จะผันผวน และมีโอกาสเดินหน้าต่อ ประเมินกรอบเคลื่อนไหวของดัชนีฯสัปดาห์นี้ไว้ที่ 1740-1770 จุด .... ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ เปิดทำการเพียง 3 วัน แม้คาดจะมีแรงขายทำกำไรช่วงสั้น แต่ด้วยดัชนีตลาดหุ้นเอเซียที่ส่วนใหญ่เปิดซื้อขายในแดนบวกในวันแรก ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ขึ้นแตะ $60 เหรียญ จะเป็นแรงหนุนให้กับตลาดหุ้นไทยด้วย
กลยุทธ์ลงทุน : ด้วยเรามองตลาดและ หุ้นกลุ่มหลักยังมีโอกาสไปต่อ แต่อาจสลับกลุ่มเล่นในแต่ละวัน เรามุ่งไปที่หุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวมากขึ้น หุ้น Top Picks สัปดาห์นี้ ของเรา ได้แก่ RS ที่ก้าวเข้าสู่ธุรกิจความงามที่มี margin สูง ส่วนหุ้น DELTA* เราให้ความสนใจหลังราคาปรับตัวลงมามาก แต่ธุรกิจของบริษัทอยู่ใน trend ที่มีการเติบโต คือ EV car และ internet of things ส่วนหุ้นในกลุ่มอื่น ประกอบด้วย SAT, PTTEP และภาพตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index สัปดาห์ก่อนปิดที่ระดับ 1,753.71 จุด ปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 11.63 จุด หรือ +0.67% ตลาดสามารถปรับตัวขึ้นได้จากแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน ซึ่งคาดว่าได้แรงซื้อจากเม็ดเงิน LTF/RMF ในช่วงปลายปี ด้านปัจจัยต่างประเทศและในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆที่มีนัยสำคัญเข้ามากระทบตลาด
ปัจจัยที่ควรติดตาม
ปัจจัยต่างประเทศ / ราคาน้ำมันดิบ
ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญได้คลี่คลายลง - สัปดาห์นี้ ยังไม่มีปัจจัยต่างประเทศสำคัญเข้ามากระทบตลาด โดยที่ผ่านมาปัจจัยต่างๆได้คลี่คลายลงทั้งเรื่องกฏหมายปฎิรูปภาษีทรัมป์และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบสามารถปรับตัวขึ้นได้ - ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นแตะ $60 เหรียญ หลังมีการประท้วงรัฐบาลโดยประชาชนอิหร่าน ที่อาจลามไปถึงการผลิตน้ำมันของอิหร่านเอง และตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่ลดลง แม้อาจมีผลช่วงสั้นๆ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ ยังคงตอบรับต่อการลดกำลังผลิตของ OPEC อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง โดย Dollar Index ลดลง 1.6% ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา ทั้งราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและการอ่อนค่าของดอลล่าร์ เป็นบวกต่อหุ้นน้ำมันและปิโตรเคมีในช่วงนี้ด้วย
ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกการเกษตร- สัปดาห์นี้ติดตามตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯที่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่ผ่านมาในทุกธุรกิจต่างๆที่ไม่รวมอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งจะประกาศวันที่ 05/01/2018 ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 190,000 ราย
ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญได้คลี่คลายลง - สัปดาห์นี้ ยังไม่มีปัจจัยต่างประเทศสำคัญเข้ามากระทบตลาด โดยที่ผ่านมาปัจจัยต่างๆได้คลี่คลายลงทั้งเรื่องกฏหมายปฎิรูปภาษีทรัมป์และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบสามารถปรับตัวขึ้นได้ - ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้นแตะ $60 เหรียญ หลังมีการประท้วงรัฐบาลโดยประชาชนอิหร่าน ที่อาจลามไปถึงการผลิตน้ำมันของอิหร่านเอง และตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่ลดลง แม้อาจมีผลช่วงสั้นๆ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ ยังคงตอบรับต่อการลดกำลังผลิตของ OPEC อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง โดย Dollar Index ลดลง 1.6% ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา ทั้งราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและการอ่อนค่าของดอลล่าร์ เป็นบวกต่อหุ้นน้ำมันและปิโตรเคมีในช่วงนี้ด้วย
ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกการเกษตร- สัปดาห์นี้ติดตามตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯที่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่ผ่านมาในทุกธุรกิจต่างๆที่ไม่รวมอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งจะประกาศวันที่ 05/01/2018 ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 190,000 ราย
ปัจจัยในประเทศ
ติดตามมติ ครม. - คาดว่าที่ประชุม ครม. ในสัปดาห์นี้อาจจะมีประเด็นกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาเพิ่มเติม โดยในช่วงก่อนหน้านี้ ภาครัฐมีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 โครงการ รวมมูลค่าสูงถึง 346,940 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อยในพื้นที่ภูมิภาค
การเก็งกำไรงบการเงินสำหรับช่วง 4Q17 - มองว่าสัปดาห์หน้าจะเข้าสู่ฤดูกาลทำ preview สำหรับผลประกอบการช่วง 4Q17 โดยเฉพาะกลุ่ม Bank
หุ้นใหม่เข้า SET50, SET100 วันแรก - วันพุธนี้จะเป็นวันแรกที่มีการนำหุ้นใหม่เข้ามาคำนวนใน SET 50, SET 100 โดนมีรายละเอียดดังนี้
หุ้นเข้า SET50 : TPIPP, SAWAD, CENTEL, BCP, BEAUTY, WHA
หุ้นออก SET50 : TPIPL, SCCC, DELTA, BLA, GLOW, RATCH
หุ้นเข้า SET100 : WHAUP, UV, TPIPP, STA, SGP, ORI, HANA, ESSO, GGC, JMART, JWD, MC, PSL
หุ้นออก SET100 : STPI, SCCC, S, PTL, PLANB, MALEE, LHBANK, DELTA, BLA, GLOW, RATCH, THANI, VGI
Stock Picks of The Week 3-5 January 2018
RS :
ราคาปิด 27.75 บาท ราคาเหมาะสม 30.00 บาท
เรามองว่า RS เป็นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอยู่มาก จาก 1) คาดกำไรสุทธิสำหรับช่วง 4Q17 โดดเด่นที่สุดในกลุ่มทีวีดิจิทอล โดยคาดไว้ที่ 91 ล้านบาท พลิกกลับมามีกำไร YoY แต่ลดลง -27% QoQ, 2) ธุรกิจใหม่อย่าง Health & Beauty คาดจะเติบโตแบบก้าวกระโดด ถึง 532% YoY รวมถึงแผนการขยายธุรกิจดังกล่าวไปต่างประเทศ โดยเริ่มจากกลุ่ม CLMV
KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,570 ล้านบาท (+139% YoY) และ ปี 2018 ที่ 1,167 ล้านบาท (+55% YoY) จากรายได้ธุรกิจ H&B ที่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยคาดว่าปี 2018 จะเติบโตจากธุรกิจสื่อจะฟื้นตัวดีขึ้นจากการปรับกลยุทธ์การขายโฆษณาใหม่
ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 30.00 บาท
DELTA :
ราคาปิด 73.25 บาท ราคาเหมาะสม 85.17 บาท
มองว่า DELTA ปรับตัวลงแรงมากเกินไป ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เริ่มเห็นแรงซื้อเข้ามามากในหุ้น DELTA ในขณะที่ DELTA มีปัจจัยหนุนระยะยาวจากการพัฒนาสินค้าที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและการเข้ามาของ internet of things
Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 5,825 ล้านบาท (+6% YoY) และ ปี 2018 ที่ 6,432 ล้านบาท (+10% YoY) แม้ว่าผลประกอบการยังไม่โดดเด่นนัก แต่ DELTA เป็นหุ้นที่มีเงินสดในมือสูง และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอที่ประมาณ 3.5% ต่อปี
ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 27.50 บาท
Weekly Portfolio 3-5 January 2018
หุ้น เหตุผล
RS(ราคาปิด 27.75) เรามองว่า RS เป็นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอยู่มาก จาก 1) คาดกำไรสุทธิสำหรับช่วง 4Q17 โดดเด่นที่สุดในกลุ่มทีวีดิจิทอล โดยคาดไว้ที่ 91 ล้านบาท พลิกกลับมามีกำไร YoY แต่ลดลง -27% QoQ, 2) ธุรกิจใหม่อย่าง Health & Beauty คาดจะเติบโตแบบก้าวกระโดด ถึง 532% YoY รวมถึงแผนการขยายธุรกิจดังกล่าวไปต่างประเทศ โดยเริ่มจากกลุ่ม CLMV .... KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,570 ล้านบาท (+139% YoY) และ ปี 2018 ที่ 1,167 ล้านบาท (+55% YoY) จากรายได้ธุรกิจ H&B ที่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยคาดว่าปี 2018 จะเติบโตจากธุรกิจสื่อจะฟื้นตัวดีขึ้นจากการปรับกลยุทธ์การขายโฆษณาใหม่ .... (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 30.00 บาท)
DELTA*(ราคาปิด 73.25) มองว่า DELTA ปรับตัวลงแรงมากเกินไป ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เริ่มเห็นแรงซื้อเข้ามามากในหุ้น DELTA ในขณะที่ DELTA มีปัจจัยหนุนระยะยาวจากการพัฒนาสินค้าที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและการเข้ามาของ internet of things .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 5,825 ล้านบาท (+6% YoY) และ ปี 2018 ที่ 6,432 ล้านบาท (+10% YoY) แม้ว่าผลประกอบการยังไม่โดดเด่นนัก แต่ DELTA เป็นหุ้นที่มีเงินสดในมือสูง และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอที่ประมาณ 3.5% ต่อปี .... (ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 27.50 บาท)
SAT(ราคาปิด 21.80) จากตัวเลขยอดขายรถในประเทศและส่งออกที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลบวกต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ .. มองว่า SAT มีความน่าสนใจจากผลประกอบการที่เติบโตได้ดี ช่วง 3Q17 SAT รายงานกำไรสุทธิที่ 225 ล้านบาท ดีกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 34% YoY และ 67% QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้นและรายได้ที่ดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ .... KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 และ 2018 ที่ 695 ล้านบาท และ 777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY และ 12% YoY ตามลำดับ จากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาดเดิม ทั้งนี้ เราประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมไทยในปี 2017 ยอดการผลิตรถยนต์จะทรงตัวจากปี 2016 ราว 1.93 ล้านคัน …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 23.00 บาท)
PTTEP*(ราคาปิด 100.00) ด้วยทมุมมองที่ว่าราคาน้ำมันดิบจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจากทั้งสต็อคน้ำมันดิบที่ลดลง และความขัดแย้งในลิเบีย และปัญหาภายในของอิหร่าน ประเด็นดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันอย่าง PTTEP นอกจากนี้ PTTEP ยังได้ผลบวกจากการประมูลสัมปทานบงกชและเอราวัณ ก่อนหน้านี้ คาดว่าจะมีการกำหนด TOR ในเดือน ก.พ. 2018 ซึ่งถือว่าออกมาเร็ว .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 26,430 ล้านบาท (+106% YoY) และ ปี 2018 ที่ 29,522 ล้านบาท (+12% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 101.27 บาท)
CENTEL(ราคาปิด 58.25) เรามองว่า CENTEL จะได้รับผลบวกจากทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้นและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง .... เรามองภาพรวมของธุรกิจอาหารและโรงแรมในเดือน ต.ค. - พ.ย. เติบโตได้ดี จากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศและฐานต่ำในปีก่อน .... KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 2,032 ล้านบาท เติบโต +10% YoY และปี 2018 ที่ 2,260 ล้านบาท (+11% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 57.00 บาท)
Stock Picks last 4 weeks 2 - 5 January 2018
เกิดอะไรขึ้นในอาทิตย์ที่ผ่านมา?
สำหรับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในอาทิตย์ที่ผ่านมา ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากเป็นช่วงก่อนวันหยุดยาว ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางตลอดทั้งสัปดาห์
เราควรจับตาดูอะไร?
ตลาดสหรัฐฯ ติดตามFOMC Minute ในวันที่ 4 มกราคม โดยคาดว่าจะยืนยันการปรับประมาณการเพิ่มเติมในปี 2018 - 2019 ตลอดจนมุมมองเงินเฟ้อที่ฟื้นตัวดีขึ้น ในขณะที่ตัวเลขอื่นๆ เริ่มจากวันที่ 3 มกราคมจะมีการรายงาน ISM PMI คาดว่าจะออกมาที่ 58.1 ทรงตัวจากช่วงก่อนหน้าที่ 58.2 และในวันที่ 4 จะมีการรายงาน ADP employment change โดยคาดว่าจะทรงตัวที่ 190K และในวันที่ 5 จะมีการรายงานดุลการค้าคาดว่าจะออกมาขาดดุล 48 พันล้านเหรียญ ลดการดุลลงจากช่วงก่อนหน้า และอัตราการว่างงานคาดว่าจะออกมาที่ 4.1% คงที่จากช่วงก่อนหน้า และ ISM PMI นอกภาคการผลิต คาดว่าจะทรงตัวเช่นกันที่ 57.6
ตลาดยุโรป ติดตามการรายงานอัตราการว่างงาน ในวันที่ 3 มกราคมคาดว่าจะออกมาที่ 5.6% ทรงตัวจากช่วงก่อนหน้า
ทางเอเซีย จะมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของไทยในวันที่ 3 โดยคาดว่าจะออกมาที่ 0.65% ทรงตัวจากช่วงก่อนหน้า ในขณะที่เงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะออกมาทรงตัวเช่นกันที่ 1% ในขณะที่ทางจีนวันที่ 2 มกราคมจะรายงาน Caixin PMI คาดว่าจะออกมาที่ 50.6 ทรงตัวจากช่วงก่อนหน้า
แนะนำการจัดสรรสัดส่วนการลงทุน
แนะนำการลงทุนเพิ่มเติมในตลาดหุ้นยุโรป,อินเดียและกองทุนโครงสร้างพื้นฐานในไทยพร้อมทั้งปรับลดการลงทุนในเงินฝากและหุ้นกู้เอกชน โดยเรายังคงชอบการลงทุนในหุ้นสามัญมากกว่าตราสารหนี้
Strategy & Product Development Department
Strategist : Chatree Rojana-arpa,CFA, FRM
[email protected]
+662 648 1747
Analyst: Visakorn Kirivan
[email protected]
+662 648 1454
OO4080
ติดตามมติ ครม. - คาดว่าที่ประชุม ครม. ในสัปดาห์นี้อาจจะมีประเด็นกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาเพิ่มเติม โดยในช่วงก่อนหน้านี้ ภาครัฐมีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 โครงการ รวมมูลค่าสูงถึง 346,940 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อยในพื้นที่ภูมิภาค
การเก็งกำไรงบการเงินสำหรับช่วง 4Q17 - มองว่าสัปดาห์หน้าจะเข้าสู่ฤดูกาลทำ preview สำหรับผลประกอบการช่วง 4Q17 โดยเฉพาะกลุ่ม Bank
หุ้นใหม่เข้า SET50, SET100 วันแรก - วันพุธนี้จะเป็นวันแรกที่มีการนำหุ้นใหม่เข้ามาคำนวนใน SET 50, SET 100 โดนมีรายละเอียดดังนี้
หุ้นเข้า SET50 : TPIPP, SAWAD, CENTEL, BCP, BEAUTY, WHA
หุ้นออก SET50 : TPIPL, SCCC, DELTA, BLA, GLOW, RATCH
หุ้นเข้า SET100 : WHAUP, UV, TPIPP, STA, SGP, ORI, HANA, ESSO, GGC, JMART, JWD, MC, PSL
หุ้นออก SET100 : STPI, SCCC, S, PTL, PLANB, MALEE, LHBANK, DELTA, BLA, GLOW, RATCH, THANI, VGI
Stock Picks of The Week 3-5 January 2018
RS :
ราคาปิด 27.75 บาท ราคาเหมาะสม 30.00 บาท
เรามองว่า RS เป็นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอยู่มาก จาก 1) คาดกำไรสุทธิสำหรับช่วง 4Q17 โดดเด่นที่สุดในกลุ่มทีวีดิจิทอล โดยคาดไว้ที่ 91 ล้านบาท พลิกกลับมามีกำไร YoY แต่ลดลง -27% QoQ, 2) ธุรกิจใหม่อย่าง Health & Beauty คาดจะเติบโตแบบก้าวกระโดด ถึง 532% YoY รวมถึงแผนการขยายธุรกิจดังกล่าวไปต่างประเทศ โดยเริ่มจากกลุ่ม CLMV
KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,570 ล้านบาท (+139% YoY) และ ปี 2018 ที่ 1,167 ล้านบาท (+55% YoY) จากรายได้ธุรกิจ H&B ที่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยคาดว่าปี 2018 จะเติบโตจากธุรกิจสื่อจะฟื้นตัวดีขึ้นจากการปรับกลยุทธ์การขายโฆษณาใหม่
ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 30.00 บาท
DELTA :
ราคาปิด 73.25 บาท ราคาเหมาะสม 85.17 บาท
มองว่า DELTA ปรับตัวลงแรงมากเกินไป ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เริ่มเห็นแรงซื้อเข้ามามากในหุ้น DELTA ในขณะที่ DELTA มีปัจจัยหนุนระยะยาวจากการพัฒนาสินค้าที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและการเข้ามาของ internet of things
Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 5,825 ล้านบาท (+6% YoY) และ ปี 2018 ที่ 6,432 ล้านบาท (+10% YoY) แม้ว่าผลประกอบการยังไม่โดดเด่นนัก แต่ DELTA เป็นหุ้นที่มีเงินสดในมือสูง และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอที่ประมาณ 3.5% ต่อปี
ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 27.50 บาท
Weekly Portfolio 3-5 January 2018
หุ้น เหตุผล
RS(ราคาปิด 27.75) เรามองว่า RS เป็นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอยู่มาก จาก 1) คาดกำไรสุทธิสำหรับช่วง 4Q17 โดดเด่นที่สุดในกลุ่มทีวีดิจิทอล โดยคาดไว้ที่ 91 ล้านบาท พลิกกลับมามีกำไร YoY แต่ลดลง -27% QoQ, 2) ธุรกิจใหม่อย่าง Health & Beauty คาดจะเติบโตแบบก้าวกระโดด ถึง 532% YoY รวมถึงแผนการขยายธุรกิจดังกล่าวไปต่างประเทศ โดยเริ่มจากกลุ่ม CLMV .... KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,570 ล้านบาท (+139% YoY) และ ปี 2018 ที่ 1,167 ล้านบาท (+55% YoY) จากรายได้ธุรกิจ H&B ที่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยคาดว่าปี 2018 จะเติบโตจากธุรกิจสื่อจะฟื้นตัวดีขึ้นจากการปรับกลยุทธ์การขายโฆษณาใหม่ .... (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 30.00 บาท)
DELTA*(ราคาปิด 73.25) มองว่า DELTA ปรับตัวลงแรงมากเกินไป ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เริ่มเห็นแรงซื้อเข้ามามากในหุ้น DELTA ในขณะที่ DELTA มีปัจจัยหนุนระยะยาวจากการพัฒนาสินค้าที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและการเข้ามาของ internet of things .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 5,825 ล้านบาท (+6% YoY) และ ปี 2018 ที่ 6,432 ล้านบาท (+10% YoY) แม้ว่าผลประกอบการยังไม่โดดเด่นนัก แต่ DELTA เป็นหุ้นที่มีเงินสดในมือสูง และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอที่ประมาณ 3.5% ต่อปี .... (ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 27.50 บาท)
SAT(ราคาปิด 21.80) จากตัวเลขยอดขายรถในประเทศและส่งออกที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลบวกต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ .. มองว่า SAT มีความน่าสนใจจากผลประกอบการที่เติบโตได้ดี ช่วง 3Q17 SAT รายงานกำไรสุทธิที่ 225 ล้านบาท ดีกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 34% YoY และ 67% QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้นและรายได้ที่ดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ .... KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 และ 2018 ที่ 695 ล้านบาท และ 777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY และ 12% YoY ตามลำดับ จากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาดเดิม ทั้งนี้ เราประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมไทยในปี 2017 ยอดการผลิตรถยนต์จะทรงตัวจากปี 2016 ราว 1.93 ล้านคัน …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 23.00 บาท)
PTTEP*(ราคาปิด 100.00) ด้วยทมุมมองที่ว่าราคาน้ำมันดิบจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจากทั้งสต็อคน้ำมันดิบที่ลดลง และความขัดแย้งในลิเบีย และปัญหาภายในของอิหร่าน ประเด็นดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันอย่าง PTTEP นอกจากนี้ PTTEP ยังได้ผลบวกจากการประมูลสัมปทานบงกชและเอราวัณ ก่อนหน้านี้ คาดว่าจะมีการกำหนด TOR ในเดือน ก.พ. 2018 ซึ่งถือว่าออกมาเร็ว .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 26,430 ล้านบาท (+106% YoY) และ ปี 2018 ที่ 29,522 ล้านบาท (+12% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 101.27 บาท)
CENTEL(ราคาปิด 58.25) เรามองว่า CENTEL จะได้รับผลบวกจากทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้นและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง .... เรามองภาพรวมของธุรกิจอาหารและโรงแรมในเดือน ต.ค. - พ.ย. เติบโตได้ดี จากการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศและฐานต่ำในปีก่อน .... KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 2,032 ล้านบาท เติบโต +10% YoY และปี 2018 ที่ 2,260 ล้านบาท (+11% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 57.00 บาท)
Stock Picks last 4 weeks 2 - 5 January 2018
เกิดอะไรขึ้นในอาทิตย์ที่ผ่านมา?
สำหรับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในอาทิตย์ที่ผ่านมา ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากเป็นช่วงก่อนวันหยุดยาว ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางตลอดทั้งสัปดาห์
เราควรจับตาดูอะไร?
ตลาดสหรัฐฯ ติดตามFOMC Minute ในวันที่ 4 มกราคม โดยคาดว่าจะยืนยันการปรับประมาณการเพิ่มเติมในปี 2018 - 2019 ตลอดจนมุมมองเงินเฟ้อที่ฟื้นตัวดีขึ้น ในขณะที่ตัวเลขอื่นๆ เริ่มจากวันที่ 3 มกราคมจะมีการรายงาน ISM PMI คาดว่าจะออกมาที่ 58.1 ทรงตัวจากช่วงก่อนหน้าที่ 58.2 และในวันที่ 4 จะมีการรายงาน ADP employment change โดยคาดว่าจะทรงตัวที่ 190K และในวันที่ 5 จะมีการรายงานดุลการค้าคาดว่าจะออกมาขาดดุล 48 พันล้านเหรียญ ลดการดุลลงจากช่วงก่อนหน้า และอัตราการว่างงานคาดว่าจะออกมาที่ 4.1% คงที่จากช่วงก่อนหน้า และ ISM PMI นอกภาคการผลิต คาดว่าจะทรงตัวเช่นกันที่ 57.6
ตลาดยุโรป ติดตามการรายงานอัตราการว่างงาน ในวันที่ 3 มกราคมคาดว่าจะออกมาที่ 5.6% ทรงตัวจากช่วงก่อนหน้า
ทางเอเซีย จะมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของไทยในวันที่ 3 โดยคาดว่าจะออกมาที่ 0.65% ทรงตัวจากช่วงก่อนหน้า ในขณะที่เงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะออกมาทรงตัวเช่นกันที่ 1% ในขณะที่ทางจีนวันที่ 2 มกราคมจะรายงาน Caixin PMI คาดว่าจะออกมาที่ 50.6 ทรงตัวจากช่วงก่อนหน้า
แนะนำการจัดสรรสัดส่วนการลงทุน
แนะนำการลงทุนเพิ่มเติมในตลาดหุ้นยุโรป,อินเดียและกองทุนโครงสร้างพื้นฐานในไทยพร้อมทั้งปรับลดการลงทุนในเงินฝากและหุ้นกู้เอกชน โดยเรายังคงชอบการลงทุนในหุ้นสามัญมากกว่าตราสารหนี้
Strategy & Product Development Department
Strategist : Chatree Rojana-arpa,CFA, FRM
[email protected]
+662 648 1747
Analyst: Visakorn Kirivan
[email protected]
+662 648 1454
OO4080