- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 03 January 2018 17:25
- Hits: 3550
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อปีที่ผ่านมา SET ปิดที่ระดับสูงสุดของปีที่ 1,753.7 จุด สูงสุดในรอบ 23ปี ปรับตัวขึ้น 210 จุด (+13.6%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 4.77 หมื่นล้านบาท (-4.9%YoY) ในขณะที่มูลค่าตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้น 16% เป็น 17.5 ล้านล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันเป็นผู้ซื้อสุทธิ 1 แสนล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายทำกำไร 2.5 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นที่เป็นตัวดันดัชนีขึ้นมากที่สุด 5 บริษัทได้แก่ AOT, PTT, KBANK, ADVANC, CPALL และกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นเด่นได้แก่ ปิโตรเคมี (+42%) , ขนส่ง (+37%) และท่องเที่ยว (+33%)
Market summary
เมื่อปีที่ผ่านมา SET ปิดที่ระดับสูงสุดของปีที่ 1,753.7 จุด สูงสุดในรอบ 23ปี ปรับตัวขึ้น 210 จุด (+13.6%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 4.77 หมื่นล้านบาท (-4.9%YoY) ในขณะที่มูลค่าตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้น 16% เป็น 17.5 ล้านล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันเป็นผู้ซื้อสุทธิ 1 แสนล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายทำกำไร 2.5 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นที่เป็นตัวดันดัชนีขึ้นมากที่สุด 5 บริษัทได้แก่ AOT, PTT, KBANK, ADVANC, CPALL และกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นเด่นได้แก่ ปิโตรเคมี (+42%) , ขนส่ง (+37%) และท่องเที่ยว (+33%)
Investment theme
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในช่วง 1Q61 คาดหุ้นใหญ่ยังคงผลักดันตลาด : เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SET ในช่วงไตรมาส 1 สนับสนุนจากทั้งปัจจัยในประเทศและปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ 1) ในช่วง 2สัปดาห์ที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อการบริโภคในประเทศ จากหลายมาตรการภาครัฐที่เร่งแก้ไขปัญหากลุ่มคนกำลังซื้อต่ำ ผ่านทางกระทรวงเกษตรช่วยดูแลราคาสินค้าเกษตรหลักของประเทศ , กระตุ้นการบริโภคเมืองรอง และช่วยเหลือ SME ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อ GDP มากกว่า 55% และ 2) เป็นช่วงที่หลายเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจกลับมาเดินเครื่องพร้อมๆกัน และสามารถคาดหวังการเติบโตเมื่อเทียบกับ 1Q60 ได้จากฐานที่ต่ำ (GDP เติบโต 3.3%, ส่งออก (USD) เติบโต 4.9% การลงทุนเอกชน -1.1% การใช้จ่ายภาครัฐ +0.3% ) ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเริ่มกลับมาน่ากังวล จากทั้งฝั่งการเมืองในยุโรป (สเปน, เยอรมัน และอิตาลี) และปัญหาคาบสมุทรเกาหลี ภายหลังสหประชาชาติและสหรัฐลงความเห็นเพิ่มระดับการตัดความสัมพันธ์และหยุดการส่งน้ำมันให้เกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกทางอ้อมต่อการลงทุนในเอเชียใต้ 1111
Investment theme: จากปัจจัยที่ได้กล่าวมา ทำให้เราคาดว่า SET มีโอกาสที่จะปรับขึ้นทดสอบระดับสูงสุดที่บริเวณ 1,789 จุดในช่วงไตรมาส 1 โดยเราคงคำแนะนำการลงทุนในหุ้นใหญ่ในกลุ่ม ค้าปลีก (BJC, CPN) กลุ่มพลังงาน (PTT, BCP) กลุ่มอสังหา (LPN, AP) และสำหรับหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เราแนะนำกลุ่ม Logistic อย่าง WICE, PORT กลุ่ม Out of home media อย่าง MACO
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในช่วง 1Q61 คาดหุ้นใหญ่ยังคงผลักดันตลาด : เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ SET ในช่วงไตรมาส 1 สนับสนุนจากทั้งปัจจัยในประเทศและปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ 1) ในช่วง 2สัปดาห์ที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อการบริโภคในประเทศ จากหลายมาตรการภาครัฐที่เร่งแก้ไขปัญหากลุ่มคนกำลังซื้อต่ำ ผ่านทางกระทรวงเกษตรช่วยดูแลราคาสินค้าเกษตรหลักของประเทศ , กระตุ้นการบริโภคเมืองรอง และช่วยเหลือ SME ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อ GDP มากกว่า 55% และ 2) เป็นช่วงที่หลายเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจกลับมาเดินเครื่องพร้อมๆกัน และสามารถคาดหวังการเติบโตเมื่อเทียบกับ 1Q60 ได้จากฐานที่ต่ำ (GDP เติบโต 3.3%, ส่งออก (USD) เติบโต 4.9% การลงทุนเอกชน -1.1% การใช้จ่ายภาครัฐ +0.3% ) ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเริ่มกลับมาน่ากังวล จากทั้งฝั่งการเมืองในยุโรป (สเปน, เยอรมัน และอิตาลี) และปัญหาคาบสมุทรเกาหลี ภายหลังสหประชาชาติและสหรัฐลงความเห็นเพิ่มระดับการตัดความสัมพันธ์และหยุดการส่งน้ำมันให้เกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกทางอ้อมต่อการลงทุนในเอเชียใต้ 1111
Investment theme: จากปัจจัยที่ได้กล่าวมา ทำให้เราคาดว่า SET มีโอกาสที่จะปรับขึ้นทดสอบระดับสูงสุดที่บริเวณ 1,789 จุดในช่วงไตรมาส 1 โดยเราคงคำแนะนำการลงทุนในหุ้นใหญ่ในกลุ่ม ค้าปลีก (BJC, CPN) กลุ่มพลังงาน (PTT, BCP) กลุ่มอสังหา (LPN, AP) และสำหรับหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เราแนะนำกลุ่ม Logistic อย่าง WICE, PORT กลุ่ม Out of home media อย่าง MACO
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – เยอรมันรายงาน PMI ภาคการผลิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 63.3 / ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องที่ 32.4 ต่ำสุดในรอบ 33เดือน
เมื่อคืนที่ผ่านมา – เยอรมันรายงาน PMI ภาคการผลิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 63.3 / ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องที่ 32.4 ต่ำสุดในรอบ 33เดือน
Stock pick : TISCO
TISCO: ทยอยสะสม 105 บาท/หุ้น
ภายหลังการรวมพอร์ตสินเชื่อของ Standard chartered เข้ามาส่งผลให้ Loan growth (%) ไตรมาส 4 เติบโตสูงกว่า 17%QoQ +12%YoY ในขณะที่กลุ่มเติบโต 1.5%QoQ,3.0%YoY ถือว่าเติบโตเด่นเมื่อเทียบกับกลุ่ม
TISCO ถือเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารที่เราให้ Upside สูงที่สุดในกลุ่มที่ประมาณ 19% เราคาดกำไร 2561 เติบโตสูงสุดในกลุ่ม 18% ที่ 7.3 พันล้านบาท (ค่าเฉลี่ยกลุ่ม +8%YoY) เนื่องด้วยการเติบโตแบบ Inorganic growth ในขณะที่ ROE(%) สูงที่สุดในกลุ่มที่ 20.3% (ค่าเฉลี่ยกลุ่มประมาณ 11.2%) พร้อมปันผลสูงกว่า 5%
Trading idea – – รอซื้อหุ้น SET50 อย่าง BJC , PTT ภายหลังเราคาดอาจถูกขายทำกำไรจาก LTF ในช่วงเดือนมกราคม / กลุ่มพลังงานมี Upisde จากการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบ (PTT,PTTEP)
TISCO: ทยอยสะสม 105 บาท/หุ้น
ภายหลังการรวมพอร์ตสินเชื่อของ Standard chartered เข้ามาส่งผลให้ Loan growth (%) ไตรมาส 4 เติบโตสูงกว่า 17%QoQ +12%YoY ในขณะที่กลุ่มเติบโต 1.5%QoQ,3.0%YoY ถือว่าเติบโตเด่นเมื่อเทียบกับกลุ่ม
TISCO ถือเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารที่เราให้ Upside สูงที่สุดในกลุ่มที่ประมาณ 19% เราคาดกำไร 2561 เติบโตสูงสุดในกลุ่ม 18% ที่ 7.3 พันล้านบาท (ค่าเฉลี่ยกลุ่ม +8%YoY) เนื่องด้วยการเติบโตแบบ Inorganic growth ในขณะที่ ROE(%) สูงที่สุดในกลุ่มที่ 20.3% (ค่าเฉลี่ยกลุ่มประมาณ 11.2%) พร้อมปันผลสูงกว่า 5%
Trading idea – – รอซื้อหุ้น SET50 อย่าง BJC , PTT ภายหลังเราคาดอาจถูกขายทำกำไรจาก LTF ในช่วงเดือนมกราคม / กลุ่มพลังงานมี Upisde จากการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบ (PTT,PTTEP)
Technical View
ยืนเหนือเส้น EMA5 วัน ลุ้น Break Out : ภายหลังเกิดแท่งเทียนหางยาว ดัชนีสามารถดีดตัวกลับมายืนเหนือเส้น EMA5วันที่ 1748 ด้วยแรงซื้อกลับของหุ้น Big Cap. หลากหลายกลุ่ม ประกอบกับ MACD ที่ยังคงส่งสัญญาณบวก ทำให้แนวโน้มขาขึ้นยังคงเป็นต่อ ระยะสั้นยังคงลุ้นการปรับตัวขึ้น มองแนวต้านเป็นขั้นๆ ที่ 1756 (กรอบบน Uptrend) และ 1763-1765 ตามลำดับ แต่หากหลุด 1748 จะมีโอกาสแกว่งลงทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1740 กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ถือหุ้นแล้วพิจารณาแรงขายที่แนวต้านขาย หากมีมาก แนะนำขายทำกำไรบางส่วน และ Let Profit Run บางส่วน 2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1748-1765
แนวรับ : 1748, 1740 แนวต้าน : 1756, 1765
ยืนเหนือเส้น EMA5 วัน ลุ้น Break Out : ภายหลังเกิดแท่งเทียนหางยาว ดัชนีสามารถดีดตัวกลับมายืนเหนือเส้น EMA5วันที่ 1748 ด้วยแรงซื้อกลับของหุ้น Big Cap. หลากหลายกลุ่ม ประกอบกับ MACD ที่ยังคงส่งสัญญาณบวก ทำให้แนวโน้มขาขึ้นยังคงเป็นต่อ ระยะสั้นยังคงลุ้นการปรับตัวขึ้น มองแนวต้านเป็นขั้นๆ ที่ 1756 (กรอบบน Uptrend) และ 1763-1765 ตามลำดับ แต่หากหลุด 1748 จะมีโอกาสแกว่งลงทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1740 กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ถือหุ้นแล้วพิจารณาแรงขายที่แนวต้านขาย หากมีมาก แนะนำขายทำกำไรบางส่วน และ Let Profit Run บางส่วน 2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1748-1765
แนวรับ : 1748, 1740 แนวต้าน : 1756, 1765
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : จับตาความตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลี ภายหลังหลายประเทศ รวมถึง UN เพิ่มระดับการกีดกันการค้า (งดการส่งน้ำมัน) และอื่นๆอีกมาก / จีนรายงานตัวเลข PMI เดือนธ.ค.
ปัจจัยในประเทศ : จับตาราคาพืชผลเกษตร (ข้าว,ยางพารา,ปาล์ม)
ปัจจัยต่างประเทศ : จับตาความตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลี ภายหลังหลายประเทศ รวมถึง UN เพิ่มระดับการกีดกันการค้า (งดการส่งน้ำมัน) และอื่นๆอีกมาก / จีนรายงานตัวเลข PMI เดือนธ.ค.
ปัจจัยในประเทศ : จับตาราคาพืชผลเกษตร (ข้าว,ยางพารา,ปาล์ม)
หุ้นเทคนิค:
CPN (B 84.00, Tp 90.00, Cut 83.00)
PTT (B 436.00, Tp 450.00, Cut 430.00)
CPN (B 84.00, Tp 90.00, Cut 83.00)
PTT (B 436.00, Tp 450.00, Cut 430.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO4072
Research Department Tel. 02-658-5000
OO4072