- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 December 2017 17:10
- Hits: 7653
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
(ดัชนีฯ) ได้เวลาพัก
คาดดัชนีฯวันนี้ "พักฐานลงจำกัด" ในกรอบ แนวรับ 1,743 จุด และคงแนวต้าน Trend line หลักบริเวณ 1,760 จุด คาดกลุ่มพลังงาน โรงไฟฟ้า โรงกลั่น จะพักฐานระยะสั้น หลังแรลรี่มานานกว่า 3 สัปดาห์
ส่วนข่าวบวกหนุนดัชนีฯ คาดกลุ่มมือถือจะสลับขึ้นเล่นแทน โดย TRUE ADVANC มีประเด็นบวก ลุ้น คสช.อนุมัติ การแบ่งจ่ายค่าใบอนุญาต 900MHz ปี 2562 เป็น 3-5 งวดพร้อมดอกเบี้ย ทั้งนี้ กสทช.ไม่มีอำนาจ ได้แต่ส่งเรื่องให้ คสช. พิจารณาในวันพรุ่งนี้ ส่วน DTAC กสทช. สรุปให้ DTAC ใช้คลื่น 2300MHz กับ TOT แล้ว
ระยะสัปดาห์ แนะนำ ถือหุ้นข้ามปี (ไม่ต้องลดพอร์ต) เน้น Investment theme 'Reflation & Hedging inflation" (ดูรายงาน Tactical weekly)
สำหรับปัจจัยที่ตลาดกังวลต่อแรงขาย LTF ช่วงต้นปี...นับเฉพาะที่ครบกำหนด 5 ปีปฏิทิน คือคนที่ซื้อมาตั้งแต่ 2014 คาดว่าจะไม่มีแรงขายที่มีผลต่อตลาดมากนัก ดูจากข้อมูล มอร์นิ่ง สตาร์ เราพบว่า
1) ผลตอบแทนไม่จูงใจให้ขาย ต้นทุนในปี 2014 นั้น ดัชนีฯอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,400 จุด ซึ่งผลตอบแทนเทียบกับระดับ 1,700 จุด นั้นยังน้อยกว่าปีก่อนๆ ค่อนข้างมาก (เช่นปี 2008 ต้นทุน 400 จุด จึงมีแรงขายสุทธิในปี 2012 สูงถึง 2 หมื่นล้านบาท)
2) คนที่คิดจะขาย LTF ได้ขายไปมากในปี 2017 นับตั้งแต่ มค.-มิย. มีแรงขายสุทธิจาก LTF 1.52 หมื่นล้านบาท นับตั้งแต่ มค.-มิย.
3) เงินหมุนจากคนที่ลงทุน LTF ปี 2014 มีน้อยกว่าทุกปี พิจารณาจากแรงขายสุทธิในปี 2014 มีเพียง 1,793 ล้านบาท เทียบกับปี 2013 ที่ 8.2 พันลบ. ปี 2015 7 พันลบ. ปี 2016 6.2 พันลบ. มองได้ว่า เงินที่ขายไปแล้ว นำกลับมาซื้อใหม่ในปี 2014 นั้น ไม่น่าจะมีจำนวนมากเมื่อเทียบกับปีอื่นๆ
4) ผู้ลงทุน LTF ส่วนมากเลือกที่จะถือยาว ดูจากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (ครึ่งปีแรก 2017) อยู่ที่ 3.3 แสนล้านบาท เทียบกับเงินไหลออกแต่ละปี เราเชื่อว่า ผู้ลงทุน LTF ส่วนมากเลือกที่จะถือ LTF เกินกว่า 5-7 ปีปฏิทิน ดังนั้นเราจึงไม่กังวลต่อแรงขายระยะสั้น
หุ้นแนะนำวันนี้
TRUE แนวรับ 6.15 ต้าน 6.5 Stop loss 6.1
DTAC แนวรับ 43.75 ต้าน 47 Stop loss 43
TPAC แนวรับ 11.8 ต้าน 13 Stop loss 11 รายงาน IFA สะท้อนความคุ้มค่าและ Synergy เชิงบวก จากการเข้าซื้อกิจการ Sunrise อินเดีย
หุ้นมีข่าว
(+) หุ้นที่เข้า SET50 รอบนี้ ได้แก่ BCP BEAUTY CENTEL TPIPP SAWAD WHA มีผลเริ่ม 3 มค.นี้เป็นต้นไป แนะหุ้นที่ยัง Laggard นับจากวันที่ประกาศ ได้แก่ TPIPP SAWAD
(+) ADVANC-TRUE รับข่าวดี กสทช.ส่งความเห็นให้คสช.พิจารณาใช้ม.44 ผ่อนผันชำระค่าคลื่น 900 MHz มูลค่า 60,000 ล้านบาท เป็น 3-5 งวดพร้อมดอกเบี้ย และเร่งส่งหนังสือกลับไปยัง คสช. ภายในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) UKEM ประกาศปันผล เป็นหุ้น 2:1 เงินสด 0.015 บ. พร้อมทั้งแจกวอร์แรนต์ UKEM-W2: 8 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ (สัดส่วนการใช้สิทธิ 1:1 ราคาใช้สิทธิ์ 0.50 บ.) ที่มา ตลท.
(*) AAV บิ๊กล็อต กลุ่มศรีวัฒนประภาขายหุ้น (ที่ซื้อมาครั้งก่อน) 36.3% ทั้งหมด ให้กับ ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ที่ราคา 4.7 บ. / โดย "ธรรศพลฐ์" พร้อม ทำ เทนเดอร์ ที่ราคา 4.7 บ. (ที่มา กลต.)
(0) CHO นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานคณะกรรมการบริหารกิจการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า โครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) พร้อมติดตั้งอุปกรณ์เครื่องหยอดเหรียญ (Cash Box) วงเงิน 1,655 ล้านบาทนั้น ภายหลังจากที่มีข้อร้องเรียนว่าเครื่องเก็บค่าโดยสารหยอดเหรียญ บนรถโดยสารที่ติดตั้งไปแล้วนั้น พบปัญหาไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ตลอดจนมีบางส่วนไม่สามารถใช้งานได้เลย ดังนั้น ขสมก.เตรียมทำการบอกเลิกสัญญาการติดตั้ง Cash Box ให้ติดตั้งแค่ไม่เกิน 800 คัน แต่ยังคงสัญญาในส่วนของการติดตั้งระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (E-Ticket) ไว้ตามเดิม 2,600 คัน ขณะที่เมื่อวานขสมก.เซ็นซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน พร้อมซ่อมบำรุง 10 ปี วงเงิน 4.2 พันล้านบาท ทดแทนรถเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมมานาน มั่นใจวิ่งให้บริการทันเปิดเทอมปีหน้า รวม 20 กว่าเส้นทางทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล เล็งเดินหน้าประมูลซื้อเพิ่มอีก 700 คัน (ที่มา มติชน)
(+) TPAC เมื่อวาน ที่ปรึกษาทางการเงินรายงานผลความคุ้มค่าในการเข้าซื้อกิจการ Sunrise อินเดีย / เราพบว่าภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ประมาณการณ์ จากเงินกู้ราว 2 พันล้านบาท TPAC จะมีภาระจ่ายดอกเบี้ยตกปีละ 100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งกำไรของบริษัทฯ Sunrise ปีนี้อยู่ที่ราว 165 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์และฐานลูกค้าที่ได้มา เชื่อว่าภาระดอกเบี้ยที่ IFA ประเมินนั้นน้อยกว่าที่ตลาดกังวล (ที่มา ตลท. / BLS Research)
(+) TASCO STA IRPC ผลกระทบจากกรณีพายุ "เทมบิน" ถล่มเกาะมินดาเนา ปท.ฟิลิปปินส์ คาด Demand ส่วนเพิ่มเพื่อบูรณะถนน จะฉุด Supply ยางมะตอยลงดึงราคายางมะตอยขึ้น (+TASCO) และพายุส่งผลกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูกยาง คาดส่งผลบวกต่อราคายาง และบวกกับมาตรการสนับสนุนราคายางของรัฐบาลไทย (+STA) ส่วน IRPC มีสัดส่วนผลิตภัณฑ์ ยางสังเคราะห์ มากสุด คาดได้ประโยชน์จากยางที่มีแนวโน้ม ขาดตลาด ที่มา ASPEN
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(*) เราไม่กังวลต่อแรงขาย LTF ในช่วงต้นปี 2018 เพราะ
1) ผลตอบแทนไม่จูงใจให้ขาย ต้นทุนในปี 2014 นั้น ดัชนีฯอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,400 จุด ซึ่งผลตอบแทนเทียบกับระดับ 1,700 จุด นั้นยังน้อยกว่าปีก่อนๆ ค่อนข้างมาก (เช่นปี 2008 ต้นทุน 400 จุด จึงมีแรงขายสุทธิในปี 2012 สูงถึง 2 หมื่นล้านบาท)
2) คนที่คิดจะขาย LTF ได้ขายไปมากในปี 2017 นับตั้งแต่ มค.-มิย. มีแรงขายสุทธิจาก LTF 1.52 หมื่นล้านบาท นับตั้งแต่ มค.-มิย.
3) เงินหมุนจากคนที่ลงทุน LTF ปี 2014 มีน้อยกว่าทุกปี พิจารณาจากแรงขายสุทธิในปี 2014 มีเพียง 1,793 ล้านบาท เทียบกับปี 2013 ที่ 8.2 พันลบ. ปี 2015 7 พันลบ. ปี 2016 6.2 พันลบ. มองได้ว่า เงินที่ขายไปแล้ว นำกลับมาซื้อใหม่ในปี 2014 นั้น ไม่น่าจะมีจำนวนมากเมื่อเทียบกับปีอื่นๆ
4) ผู้ลงทุน LTF ส่วนมากเลือกที่จะถือยาว ดูจากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (ครึ่งปีแรก 2017) อยู่ที่ 3.3 แสนล้านบาท เทียบกับเงินไหลออกแต่ละปี เราเชื่อว่า ผู้ลงทุน LTF ส่วนมากเลือกที่จะถือ LTF เกินกว่า 5-7 ปีปฏิทิน ดังนั้นเราจึงไม่กังวลต่อแรงขายระยะสั้น
นักวิเคราะห์ : วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน