WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

'เล่นรอบ&ถือต่อเมื่อ SET เหนือ 1730'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
      ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวกรอบแคบ ทั้งนี้แม้ว่าหุ้น Apple และหุ้นซับพลายเออร์จะลดลงหลังยอดขาย iPhoneX ไตรมาสแรกของบริษัทจะต่ำกว่าเป้า 40% แต่หุ้นค้าปลีกและพลังงานที่ปรับขึ้นก็ช่วยพยุงตลาด ทั้งนี้ยอดค้าปลีกสหรัฐในช่วงปลายปีแข็งแกร่งมาก และราคาน้ำมันดิบในช่วงนี้ปรับขึ้นต่อเพราะมีข่าวลอบวางระเบิดท่อส่งน้ำมันดิบในลิเบีย ซึ่งอาจกระทบการลำเลียงน้ำมัน 7 หมื่นถึง 1 แสนบาร์เรล/วัน...ซึ่งประเด็นนี้หนุนกำไร 4Q60 ของกลุ่มพลังงานให้แข็งแกร่ง (จากกำไรในสต็อกที่จะสูงขึ้น) หุ้นเทคนิคดีในช่วงสั้น ได้แก่ PTTGC, IRPC, BCP เป็นต้น ส่วน Top pick ทางพื้นฐานเป็น PTTGC (ราคาเป้าหมาย 92 บาท)
ส่วนปัจจัยภายใน ครม.สัญจร จ.สุโขทัยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเน้นไปยังกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับสวัสดิการแห่งรัฐและบุคคลากรรัฐ โดยเน้นเรื่องการให้ประชาชนสามารถกู้เงินซื้อที่พักอาศัยในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจยังมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน การส่งออกและท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ยกเว้นกลุ่มไก่ส่งออกที่การส่งออกจะเติบโตได้น้อยลง ทางสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกคาดว่าปี 61 ส่งออกไก่จะโตเพียง 2% จากโต 7% ในปีนี้ เพราะญี่ปุ่นซึ่งเป็นลูกค้านำเข้าหลักของไทยหันไปนำเข้าจากจีนและเวียดนามมากขึ้น เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าไทยและเวียดนามพัฒนาฝีมือเรื่องไก่แปรรูปได้เป็นอย่างดี เราปรับลดคำแนะนำ GFPT ลงเป็นถือ และลดราคาเป้าหมายเป็น 15.70 บาท (เดิม 17 บาท) เพื่อสะท้อนยอดขายและมาร์จิ้นที่อ่อนกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้


สำหรับ หุ้นพื้นฐานแนะนำรายสัปดาห์ (25-29 ธ.ค.60) เป็น PTTGC (หุ้นวัฎจักร), TMB (หุ้นเติบโต), SENA (หุ้นปันผล) ส่วนหุ้นแนะนำใน Wealth Perspective เดือนธ.ค.60 ประกอบด้วย หุ้นเติบโต MTLS, TMB หุ้นมูลค่า AMATA, BBL หุ้นปันผล KKP, SENA


กลยุทธ์การลงทุน : ระยะสั้นมากภาพตลาดเป็นบวก แต่ยังควรระวังการแกว่ง ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ระยะสั้นให้ไว้ที่ 1760, 1770 ถ้าหลุด 1730 ควร Stop loss
สำหรับ หุ้นที่มีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ TISCO, STPI, STA, AP, IRPC, PTTEP ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น TMB, PYLON, TOP, SGP, PTTGC, BBL, BANPU, AMATA, TCAP, SAWAD, WHA, COM7 หุ้นที่หลุด List –ไม่มี- และหุ้นที่ให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น VGI, RS, ERW, PSH, BJC


ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ราคาบ้านเดือนต.ค.เพิ่ม 6.2%YoY
# ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 6.2%YoY ในเดือนต.ค. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และภาวะขาดแคลนสต็อกบ้านในตลาด ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่ม 6.4%YoY ในเดือนต.ค. สูงกว่าระดับ 6.2% ในเดือนก.ย.


• ตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์สหรัฐ & ยุโรปปิดทำการ เนื่องในวันคริสมาสต์
# ดัชนี DJIA ปิด 24,746.21 จุด -7.85 จุด หรือ -0.03% ดัชนี S&P500 ปิด 2,680.50 จุด -2.84 จุด หรือ -0.11% และดัชนี Nasdaq ปิด 6,936.25 จุด -23.71 จุด หรือ -0.34% ฉุดโดยหุ้น Apple และหุ้นที่เป็นซับพลายเออร์ หลังหนังสือพิมพ์อีโคโนมิค เดลี่ ของไต้หวันรายงานว่า แอปเปิลจะปรับลดตัวเลขคาดการณ์ยอดขาย iPhone X ในไตรมาสแรกตามปีงบการเงินของบริษัทสู่ระดับ 30 ล้านเครื่อง โดยลดลงถึง 40% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 50 ล้านเครื่อง แต่อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มค้าปลีกช่วยพยุงตลาดไว้ โดยผลสำรวจของมาสเตอร์การ์ดระบุว่ายอดค้าปลีกในสหรัฐในระหว่างวันที่ 1 พ.ย. - 24 ธ.ค. ปรับตัวขึ้น 4.9%YoY เฉพาะยอดขายอีคอมเมิร์ซพุ่งขึ้น 18.1%YoY


+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาเพิ่มขึ้นรับข่าวเหตุลอบวางระเบิดท่อส่งน้ำมันในลิเบีย
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 1.50 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 59.97 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT เพิ่มขึ้น 1.77 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 67.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
# มีรายงานว่ากลุ่มติดอาวุธได้ลอบวางระเบิดท่อส่งน้ำมันดิบในลิเบีย ซึ่งส่งน้ำมันไปยังสถานีเอส ไซเดอร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการลำเลียงน้ำมันในปริมาณ 70,000-100,000 บาร์เรลต่อวัน
# เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งานมีจำนวนทรงตัวที่ 747 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
+ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ราคาเพิ่มขึ้นหลังค่าเงิน US$ อ่อนลง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.68% ปิดที่ระดับ 1287.5 ดอลลาร์/ออนซ์


ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ ครม.สัญจร จ.สุโขทัย อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
# เมื่อ 26 ธ.ค.60 ครม.สัญจร จ.สุโขทัย อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น โครงการสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองวงเงิน 6.1 หมื่นล้านบาท โดยให้ธอส.จัดทำโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยดอกเบี้ยต่ำ (2.75%-3.00% ใน 4 ปีแรก) วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท/คน ให้ผู้ได้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐทั้งผู้มีรายได้น้อยทั่วไปและบุคลากรภาครัฐ,โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัย 3 จังหวัดชายแดนใต้ 1 พันล้านบาท วงเงินกู้ 1-2 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2.5% คงที่ใน 5 ปีแรก, ธกส.คืนดอกเบี้ย 30% ให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนสวัสดิการรัฐ ครอบคลุมหนี้สินไม่เกิน 3 แสนบาท, ธอส.คืนเงิน 1 พันบาทให้กับลูกหนี้ที่มีประวัติดี ไม่เป็น NPL ในช่วง 48 เดือนที่ผ่านมา เป็นต้น

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!