- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 December 2017 18:42
- Hits: 2049
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
Santa Claus Rally (2)
วันนี้ดัชนีขึ้นสลับย่อ กรอบ 1,728-1,742 จุด และคาดพร้อมขึ้นทดสอบ 1,750 จุด ในสิ้นปีนี้ เมื่อวานนี้ กนง
คงดอกเบี้ยที่ 1.5% ตามตลาดคาด และปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2018 ขึ้นเป็น 3.9% (จากเดิม 3.8%)
หนุนให้การลงทุนให้ประเด็นหลักที่เรามองไว้ ได้แก่ Reflation theme ยังคงถูกต้อง แนะสะสมหุ้นใหญ่
กลุ่ม โรงกลั่น โรงไฟฟ้า ธนาคาร ตามรายงาน Weekly Tactical
ระยะสัปดาห์คาด สัปดาห์นี้ถึง สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ธค. คาดว่าจะ อิงไปทางขาขึ้นมากกว่าลง
หุ้นเด่นแนะนำ ในสัปดาห์นี้ Reflation theme (กลุ่ม โรงกลั่น โรงไฟฟ้า ธนาคาร) และหุ้น SMID Cap ใน
พอร์ต Weekly tactical ที่มีประเด็นบวก รอสนับสนุน เช่น TPAC AU ECL JMT
และหุ้นในกระแสข่าว เช่น รัฐฯสนับสนุนให้เกิดการควบรวมกิจการในกลุ่ม ไฟแนนซ์ และ สถาบันการเงิน
(SAWAD ECL JMT TMB) / ไทยพ้นออกจาก บัญชีดำสหรัฐฯปมการละเมิดลิขสิทธิ์ และ การฟื้น
ความสัมพันธ์ ไทย-อียู คาดจะนำไปสู่การคืนสิทธิ์ GSP ต่างๆ โดยหุ้นที่เชื่อมโยงในกลุ่มนี้ ได้แก่ MONO
WORK TU CFRESH เป็นต้น
รอบด้านตลาดหุ้น
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
Santa Claus Rally (2)
วันนี้ดัชนีขึ้นสลับย่อ กรอบ 1,728-1,742 จุด และคาดพร้อมขึ้นทดสอบ 1,750 จุด ในสิ้นปีนี้ เมื่อวานนี้ กนง
คงดอกเบี้ยที่ 1.5% ตามตลาดคาด และปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2018 ขึ้นเป็น 3.9% (จากเดิม 3.8%)
หนุนให้การลงทุนให้ประเด็นหลักที่เรามองไว้ ได้แก่ Reflation theme ยังคงถูกต้อง แนะสะสมหุ้นใหญ่
กลุ่ม โรงกลั่น โรงไฟฟ้า ธนาคาร ตามรายงาน Weekly Tactical
ระยะสัปดาห์คาด สัปดาห์นี้ถึง สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ธค. คาดว่าจะ อิงไปทางขาขึ้นมากกว่าลง
หุ้นเด่นแนะนำ ในสัปดาห์นี้ Reflation theme (กลุ่ม โรงกลั่น โรงไฟฟ้า ธนาคาร) และหุ้น SMID Cap ใน
พอร์ต Weekly tactical ที่มีประเด็นบวก รอสนับสนุน เช่น TPAC AU ECL JMT
และหุ้นในกระแสข่าว เช่น รัฐฯสนับสนุนให้เกิดการควบรวมกิจการในกลุ่ม ไฟแนนซ์ และ สถาบันการเงิน
(SAWAD ECL JMT TMB) / ไทยพ้นออกจาก บัญชีดำสหรัฐฯปมการละเมิดลิขสิทธิ์ และ การฟื้น
ความสัมพันธ์ ไทย-อียู คาดจะนำไปสู่การคืนสิทธิ์ GSP ต่างๆ โดยหุ้นที่เชื่อมโยงในกลุ่มนี้ ได้แก่ MONO
WORK TU CFRESH เป็นต้น
หุ้นแนะนำวันนี้
แนะสะสมหุ้น Reflation ต่อเนื่อง โรงไฟฟ้า...
GPSC แนวรับ 65 ต้าน 69 Stop loss 64 / BCPG แนวรับ 23.1 ต้าน 24.7 Stop loss 23
โรงกลั่น: ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 7.67 เหรียญ
สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 0.69 เหรียญ WoW (เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 7 เหรียญ)
TOP แนวรับ 105 ต้าน 109 Stop loss 103 / SPRC แนวรับ 17.1 ต้าน 18 Stop loss 17
แนะสะสมหุ้น Reflation ต่อเนื่อง โรงไฟฟ้า...
GPSC แนวรับ 65 ต้าน 69 Stop loss 64 / BCPG แนวรับ 23.1 ต้าน 24.7 Stop loss 23
โรงกลั่น: ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 7.67 เหรียญ
สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 0.69 เหรียญ WoW (เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 7 เหรียญ)
TOP แนวรับ 105 ต้าน 109 Stop loss 103 / SPRC แนวรับ 17.1 ต้าน 18 Stop loss 17
รายงานวันนี้
BGRIM: Best 2018 growth profile of coverage
เราชอบ BGRIM จากการเติบโตที่ดีที่สุดในกลุ่มในปีหน้า โดยใน 1Q18 บริษัทจะมีกำละงการผลิตไฟฟ้า
เพิ่มขึ้นอีก 8% ส่งผลให้กำไรเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ในขณะที่ภาพกำไรปี 2018 เราคาดเติบโตราว 24%
(สูงกว่ากลุ่มที่โตราว 10%) และในมุม valuation ปัจจุบันหุ้นเทรด PEG 1.1 เท่า (ให้ส่วนลดจากกลุ่มที่ PEG
1.3 เท่า) เราแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 32 บาท
BGRIM: Best 2018 growth profile of coverage
เราชอบ BGRIM จากการเติบโตที่ดีที่สุดในกลุ่มในปีหน้า โดยใน 1Q18 บริษัทจะมีกำละงการผลิตไฟฟ้า
เพิ่มขึ้นอีก 8% ส่งผลให้กำไรเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ในขณะที่ภาพกำไรปี 2018 เราคาดเติบโตราว 24%
(สูงกว่ากลุ่มที่โตราว 10%) และในมุม valuation ปัจจุบันหุ้นเทรด PEG 1.1 เท่า (ให้ส่วนลดจากกลุ่มที่ PEG
1.3 เท่า) เราแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 32 บาท
CHG: Bottom fishing
เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนประเด็นความกังวลต่อการเปิดตัวของ สถาบัน
การแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ธ.ค. นี้ ซึ่งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ
เช่นเดียวกับ CHG อย่างไรก็ตามเรามองว่าศูนย์ดังกล่าวจับกลุ่มเป้าหมายคนละกลุ่มกับบริษัท ซึ่งประเด็น
ดังกล่าวตลาดมีความกังวลมากเกินไป ตอนนี้ราคาหุ้นเทรดอยุ่ในระดับ PER ปี 2018 ที่ 32.7 เท่า ต่ำกว่า
ค่าเฉลี่ยกลุ่มและค่าเฉลี่ยระยะยาว เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.90 บาท
เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนประเด็นความกังวลต่อการเปิดตัวของ สถาบัน
การแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ธ.ค. นี้ ซึ่งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ
เช่นเดียวกับ CHG อย่างไรก็ตามเรามองว่าศูนย์ดังกล่าวจับกลุ่มเป้าหมายคนละกลุ่มกับบริษัท ซึ่งประเด็น
ดังกล่าวตลาดมีความกังวลมากเกินไป ตอนนี้ราคาหุ้นเทรดอยุ่ในระดับ PER ปี 2018 ที่ 32.7 เท่า ต่ำกว่า
ค่าเฉลี่ยกลุ่มและค่าเฉลี่ยระยะยาว เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.90 บาท
หุ้นมีข่าว
(+) IVL-TU-CPF-EPG
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้าย ด้วยคะแนนเสียง 224 ต่อ 201
เสียง ก่อนที่จะส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพื่อลงนามให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย หลังจาก
วุฒิสภาลงมติรับรองร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวานนี้ด้วยคะแนนเสียง 51 ต่อ 48 เสียง โดยร่างกฎหมายปฏิรูป
ภาษีขั้นสุดท้ายจะปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 21% จากระดับ 35% โดยมีผลบังคับใช้ทันทีใน
วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า (ที่มา อินโฟเควสท์)
ความเห็น BLS Research: เรามองว่าประเด็นดังกล่าวจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ 4 บริษัท ดังนี้
1) IVL คาดได้รับผลกระทบเชิงบวกมากที่สุด โดยปัจจุบันมีฐานรายได้ และ EBITDA ใน US ราว 35-40%
และสัดส่วนอัตราภาษีของ US คิดเป็น 50% ซึ่งจากอัตราภาษีใหม่ดังกล่าว เราประเมินผลกระทบเชิงบวก 2
ประเด็น ประเด็นแรก คาด IVL จะมีการบันทึกการกลับรายการภาษีที่ตั้งไว้เข้ามาเป็นกำไรพิเศษราว 2600
ล้านบาท (คิดเป็น 17% ของประมาณการกำไรปี 2017 ของเรา) และประเด็นที่สอง Effective tax rate จะ
ลดลงจาก 20% เป็น 16% และกระทบต่อประมาณการกำไรในระยะยาว ~5% (3 บาท/หุ้น)
2) TU มี 3 ธุรกิจที่รายได้มาจาก US ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 28% ของรายได้ โดยรวมคาดผลกระทบ
ดังกล่าวต่อกำไรราว 3-6%
3) EPG รายได้ราว 10% มาจาก US โดยรวมคาดกระทบต่อกำไร ~1%
4) CPF ธุรกิจที่มีรายได้ใน US เราคาดในปีนี้ยังขาดทุน และเริ่มเห็นจุดคุ้มทุนในปีหน้า ในด้านของผลกระทบ
ระยะยาวคาดกระทบต่อกำไรน้อยกว่า 1%
(+) IVL-TU-CPF-EPG
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้าย ด้วยคะแนนเสียง 224 ต่อ 201
เสียง ก่อนที่จะส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพื่อลงนามให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย หลังจาก
วุฒิสภาลงมติรับรองร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวานนี้ด้วยคะแนนเสียง 51 ต่อ 48 เสียง โดยร่างกฎหมายปฏิรูป
ภาษีขั้นสุดท้ายจะปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 21% จากระดับ 35% โดยมีผลบังคับใช้ทันทีใน
วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า (ที่มา อินโฟเควสท์)
ความเห็น BLS Research: เรามองว่าประเด็นดังกล่าวจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ 4 บริษัท ดังนี้
1) IVL คาดได้รับผลกระทบเชิงบวกมากที่สุด โดยปัจจุบันมีฐานรายได้ และ EBITDA ใน US ราว 35-40%
และสัดส่วนอัตราภาษีของ US คิดเป็น 50% ซึ่งจากอัตราภาษีใหม่ดังกล่าว เราประเมินผลกระทบเชิงบวก 2
ประเด็น ประเด็นแรก คาด IVL จะมีการบันทึกการกลับรายการภาษีที่ตั้งไว้เข้ามาเป็นกำไรพิเศษราว 2600
ล้านบาท (คิดเป็น 17% ของประมาณการกำไรปี 2017 ของเรา) และประเด็นที่สอง Effective tax rate จะ
ลดลงจาก 20% เป็น 16% และกระทบต่อประมาณการกำไรในระยะยาว ~5% (3 บาท/หุ้น)
2) TU มี 3 ธุรกิจที่รายได้มาจาก US ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 28% ของรายได้ โดยรวมคาดผลกระทบ
ดังกล่าวต่อกำไรราว 3-6%
3) EPG รายได้ราว 10% มาจาก US โดยรวมคาดกระทบต่อกำไร ~1%
4) CPF ธุรกิจที่มีรายได้ใน US เราคาดในปีนี้ยังขาดทุน และเริ่มเห็นจุดคุ้มทุนในปีหน้า ในด้านของผลกระทบ
ระยะยาวคาดกระทบต่อกำไรน้อยกว่า 1%
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO3882
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO3882