- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 December 2017 18:41
- Hits: 1819
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ภาพเป็นบวกแต่ควรระวังการแกว่ง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก นักลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐขายทำกำไรเล็กๆ หลังร่างกม.ปฎิรูปภาษีทรัมป์ผ่านการโหวตของสภาผู้แทนราษฎร (224 ต่อ 201 เสียง) และจะส่งให้ปธน.ทรัปม์ลงนามเพื่อประกาศใช้ ซึ่งครอบคลุมการลดภาษีภาคธุรกิจจาก 35% เป็น 21% มีผลบังคับใช้ 1 ม.ค.61 ทั้งนี้เพราะคาดการณ์มาก่อนหน้า จากนี้ไปก็จับตาดูว่าร่างกม.นี้จะส่งผลต่อศก.สหรัฐอย่างไร
สำหรับหุ้นไทยที่ได้ผลดีจากการลดภาษีสหรัฐ คือ IVL โดยมี EBITDA จากธุรกิจในสหรัฐ 40% DBSV ให้ TP 56 บาท ส่วน TU ได้ประโยชน์ไม่มากเพราะธุรกิจที่สหรัฐทำกำไรได้น้อยและมีขาดทุนสะสมใช้หักภาษีอยู่แล้ว รวมทั้งต้นทุนวัตถุดิบยังแพงและกดดันมาร์จิ้น เราให้ TP 20 บาท ใกล้กับราคาปิดวานนี้ ปัจจัยจับตาคือตัวเลข GDP งวด 3Q60 ครั้งสุดท้าย (ประมาณการครั้งที่ 2 อยู่ที่ +3.3% ครั้งที่ 1 เท่ากับ +3.0%) ส่วนปัจจัยภายใน ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นต่อ (ปิด +5.85 จุดที่ 1738.16) นำโดยกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี และท่องเที่ยว โดยมีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มกำไรกลุ่มโภคภัณฑ์ที่จะแข็งแกร่งใน 4Q60 หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นทำให้มีกำไรจากสต็อกช่วยหนุน หุ้นเด่น คือ PTT (TP 477 บาท – IAA consensus) และการท่องเที่ยวอยู่ใน High season ไปจนถึง 1Q61 หุ้นเด่นคือ AOT (TP 68 บาท) และ MINT (TP 50 บาท) นอกจากนั้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างก็เริ่มมีความคืบหน้าว่ารฟท.จะเซ็นสัญญาโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง 9 สัญญา รวมวงเงิน 6.95 หมื่นล้านบาทกับ ITD, STEC และ UNIQ ในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ สำหรับกลุ่มนี้เราแนะนำเป็น Trading หุ้นเด่น คือ STEC (TP 27 บาท)
หุ้น Update วันนี้ - BEAUTY คาดกำไร 4Q60 แข็งแกร่ง (จาก SSSG ที่โตเป็นเลขสองหลัก) ทาง DBS คาดกำไรปีนี้ +72%YoY และปีหน้า +30% อย่างไรก็ตาม P/E หุ้นยังสูงที่ 52 เท่าปีนี้และ 41 เท่าปีหน้า และราคาพื้นฐานที่ 21.50 บาท (DCF) มี Upside เหลือ 7.5%
กลยุทธ์การลงทุน : ระยะสั้นมากภาพตลาดเป็นบวก แต่เริ่มเข้าสู่พื้นที่ Overbought จึงควรระวังการแกว่งตัว ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ระยะสั้นให้ไว้ที่ 1750, 1760 ถ้าหลุด 1720 ควร Stop loss สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ BBL, ASK, MEGA, BCH, PT ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น TMB, PYLON, PTT, TOP, SGP, PTTGC, JKN หุ้นที่หลุด List คือ SF, WICE และหุ้นที่ให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น SCC, IRPC, KKP, SPRC, WHA
สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำรายสัปดาห์ (13-21 ธ.ค.60 เป็น MTLS–หุ้นเติบโต และ SENA-หุ้นปันผล ส่วนหุ้นแนะนำใน Wealth Perspective เดือนธ.ค.60 ประกอบด้วย หุ้นเติบโต MTLS, TMB หุ้นมูลค่า AMATA, BBL หุ้นปันผล KKP, SENA
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ยอดขายบ้านมือสองฟื้นตัวในเดือนพ.ย.
# สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยยอดขายบ้านมือสอง +5.6%MoM ในเดือนพ.ย. สู่ ระดับ 5.81 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.49 หลังจากพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์และเออร์มาเริ่มฟื้นตัวขึ้น
• ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนีอ่อนลงเล็กน้อยหลังร่างกม.ปฎิรูปภาษีผ่านตามคาด
# ดัชนี DJIA ปิด 24,726.65 จุด -28.10 จุด หรือ -0.11% ดัชนี Nasdaq ปิด 6,960.96 จุด -2.89 จุด หรือ -0.04% ดัชนี S&P500 ปิด 2,679.25 จุด -2.22 จุด หรือ -0.08%
# สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีขั้นสุดท้ายด้วยคะแนนเสียง 224 ต่อ 201 เสียง ก่อนที่จะส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เพื่อลงนามให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย ทั้งนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 21% จากระดับ 35% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันทีในวันที่ 1 ม.ค.ปี 61
# จับตาการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2560 ของสหรัฐในวันนี้ (ประมาณการครั้งที่ 2 อยู่ที่ +3.3% ครั้งที่ 1 เท่ากับ +3.0%)
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาปรับขึ้นหลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 58.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 64.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
# EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 6.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.8 ล้านบาร์เรล และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5
# และมีปัจจัยหนุนจากข่าวการปิดท่อส่งน้ำมันโฟร์ตี้ส์ในทะเลเหนือ ซึ่งเดิมมีกำหนดส่งน้ำมัน 450,000 บาร์เรล/วันในเดือนนี้ หลังจากที่มีการพบรอยแตกของท่อส่งน้ำมัน รวมทั้งรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 4 แท่น สู่ระดับ 747 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาทองปรับขึ้นหลังค่าเงิน US$ อ่อนลง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 5.4 ดอลลาร์ หรือ 0.43% ปิดที่ระดับ 1269.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ลดลง 0.14% สู่ระดับ 93.313 เมื่อคืนนี้
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
+ กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ตามคาด และปรับเพิ่ม GDP growth ปี 60-61 เป็น 3.9% ทั้งสองปี
# เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ชัดเจนขึ้น ทาง ธปท. ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP growth ปี 60-61 เป็น 3.9% ทั้งสองปี เป็นผลจากแรงส่งภาคต่างประเทศ (ส่งออกและท่องเที่ยว) และอุปสงค์ในประเทศทยอยปรับตัวดีขึ้นรวมทั้งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีทิศทางสูงขึ้น ขณะที่ภาวะการเงินอยู่ในระดับผ่อนคลายเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
+ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสูงสุดรอบ 8 เดือน
# นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม พ.ย.60 อยู่ที่ 87.0 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอยู่ที่ 85.9 สูงสุดในรอบ 8 เดือน เนื่องจากการใช้จ่ายและการบริโภคผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้ามาช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ และยังมีแรงสนับสนุนมาตรการช็อปช่วยชาติ (11 พ.ย.-3 ธ.ค.) รวมทั้งมีการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อจำหน่ายและส่งมอบให้ทันก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งจะเห็นได้จากดัชนียอดคำสั่งซื้อและยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น
+ ITD & STEC & UNIQ เตรียมเซ็นสัญญางานโยธารถไฟทางคู่กับรฟท. 28 ธ.ค.นี้ มูลค่ารวม 6.95 หมื่นล้านบาท
# รมว.คมนาคม กล่าวว่ารฟท.เตรียมลงนามสัญญางานโยธาของงานก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง 9 สัญญารวมวงเงิน 6.95 หมื่นล้านบาทกับผู้รับเหมาในวันที่ 28 ธ.ค. นี้ หลังจากนั้นจะเริ่มเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาส 1/61 ประมาณ 15% ของวงเงิน
# ทั้งนี้ ITD เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด 3 สัญญา รวมมูลค่า 22,657 ล้านบาท , STEC เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด 2 สัญญา รวมมูลค่า 13,512 ล้านบาท , UNIQ เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด 2 สัญญา รวมมูลค่า 18,699 ล้านบาท, บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท แอนด์ คอนสตรัคชั่น 1 สัญญา มูลค่า 8,198 ล้านบาท และ กลุ่ม KS-C Joint Venture 1 สัญญา มูลค่า 6,465 ล้านบาท
+ CK : BEM จ้าง CK บริหารงานก่อสร้าง-ปรับปรุงอาคารศูนย์ซ่อมบำรุงห้วยขวางมูลค่า 560 ล้านบาท
# บอร์ด BEM มีมติอนุมัติให้ CK เป็นผู้บริหารจัดการงานก่อสร้างและปรับปรุงอาคารบริหาร บริเวณศูนย์ซ่อมบำรุงห้วยขวาง และดำเนินการจัดหา ติดตั้งอุปกรณ์งานระบบไฟฟ้า (เพิ่มเติม) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน วงเงินค่าจ้างรวม 560 ล้านบาท (ไม่รวม VAT)…เป็นงานส่วนเพิ่มของสัญญาว่าจ้างเป็นผู้บริหารโครงการรวมถึงเป็นผู้จัดหาและติดตั้งอุปกรณ์งานระบบรถไฟฟ้าในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (งานระยะที่ 1)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO3883