- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 December 2017 16:45
- Hits: 2894
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 19-12-17
Market Summary 19-12-17
Close 1,732.31 Volume Bt65799M
Change 8.60 P/E 18.8
%Change 0.50% P/BV 2.09
Change 8.60 P/E 18.8
%Change 0.50% P/BV 2.09
หุ้นแนะนำพิเศษ
STEC (ราคาปิด 23.50 Bloomberg Consensus 30.50)
รฟท.เตรียมเซ็นสัญญางานโยธารถไฟทางคู่ ITD-STEC-UNIQ 28 ธ.ค.นี้ คาดประมูลเฟส 2 กพ.-มี.ค.61
ปี 61 เป็นปีทองชองกลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่เพราะมีงาน MEGA Project ที่เตียมประมูล 8.7 แสนล้านบาท (รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าหลากสี และทางด่วนพระราม 3- ดาวคะนอง) นอกจากนี้ยังมีงานจากโครงการ EEC อีกกว่า 5.5 แสนล้านบาท (ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด สนามบินอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ และรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน)
หุ้นเริ่มซื้อขายวันแรก : CPT (ราคา IPO 2.30 บาท)
บมจ.ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ ผู้จำหน่ายอุปกรณ์และระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย ซึ่งแบ่งธุรกิจออกเป็น 4 ส่วนคือ 1.ธุรกิจขายตู้ไฟฟ้า (Panel) ได้แก่ ระบบควบคุมเครื่องจักรและตู้ไฟฟ้าแรงดันต่ำ คิดเป็น 56.7% ของรายได้ 2.ธุรกิจขายสินค้าสำเร็จรูปประเภทหน่วย (Unit) ในสัดส่วน 22.3% 3.ธุรกิจให้บริการรับเหมาและติดตั้งสายฟ้า สัดส่วน 18.1% และ 4.ธุรกิจให้บริการและซ่อมแซม คิดเป็น 2.5% ผลประกอบการงวด 9M60 รายได้หลัก 762.4 ลบ. ลดลง -2.9% YoY แต่กำไรสุทธินั้นเพิ่มขึ้นจาก 52.0 ลบ. เป็น 85.6 ลบ. หรือเพิ่มขึ้น +64.5% YoYโดยมีเหตุผลหลักเกิดจากสัดส่วนรายได้มาจากการขายมากขึ้น ซึ่งเป็นธุรกิจที่มาร์จินสูงกว่างานบริการ
เงินทุนที่ได้จากการเสนอขาย IPO มูลค่า 621 ลบ. หลักๆ ใช้ลงทุนซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงานและซื้อเครื่องจักรใหม่ จำนวน 200 ลบ. อีกส่วนสำหรับแผนการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ จำนวน 70 ลบ. และส่วนที่เหลืออีกประมาณ 350 ลบ.สำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการต่อไป
ราคา IPO คิดเป็น Current PER ที่ 14.12 เท่า เทียบกับบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกันมีค่า PER เท่ากับ 12.85 เท่า
Market View : ลุ้นกฏหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐ
Technical Insight : BEAUTY RS
หุ้นแนะนำพิเศษ : STEC
หุ้นมีข่าว : CPT NDR ATP30 TRC
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อน ยังฟื้นตัวต่อเนื่องจากความคาดหวังต่อการพิจารณาผ่านร่างกฎหมายปฎิรูปภาษีสหรัฐฯขั้นตอนสุดท้ายในสัปดาห์นี้ รวมถึงเม็ดเงินจาก LTF และ RMF ยังหนุนต่อ โดยมีแรงหนุนจากกลุ่ม ENERG BANK COMM และ TRANS ทำให้ SET Index ปิดที่ 1732.31 จุด (+8.60 จุด) Volume 6.58 หมื่นลบ. โดย Foreign Net –2,750.44 ลบ. TFEX Net +1,146 สัญญา ตราสารหนี้ +4,926 ลบ.
STEC (ราคาปิด 23.50 Bloomberg Consensus 30.50)
รฟท.เตรียมเซ็นสัญญางานโยธารถไฟทางคู่ ITD-STEC-UNIQ 28 ธ.ค.นี้ คาดประมูลเฟส 2 กพ.-มี.ค.61
ปี 61 เป็นปีทองชองกลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่เพราะมีงาน MEGA Project ที่เตียมประมูล 8.7 แสนล้านบาท (รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าหลากสี และทางด่วนพระราม 3- ดาวคะนอง) นอกจากนี้ยังมีงานจากโครงการ EEC อีกกว่า 5.5 แสนล้านบาท (ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด สนามบินอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ และรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน)
หุ้นเริ่มซื้อขายวันแรก : CPT (ราคา IPO 2.30 บาท)
บมจ.ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ ผู้จำหน่ายอุปกรณ์และระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย ซึ่งแบ่งธุรกิจออกเป็น 4 ส่วนคือ 1.ธุรกิจขายตู้ไฟฟ้า (Panel) ได้แก่ ระบบควบคุมเครื่องจักรและตู้ไฟฟ้าแรงดันต่ำ คิดเป็น 56.7% ของรายได้ 2.ธุรกิจขายสินค้าสำเร็จรูปประเภทหน่วย (Unit) ในสัดส่วน 22.3% 3.ธุรกิจให้บริการรับเหมาและติดตั้งสายฟ้า สัดส่วน 18.1% และ 4.ธุรกิจให้บริการและซ่อมแซม คิดเป็น 2.5% ผลประกอบการงวด 9M60 รายได้หลัก 762.4 ลบ. ลดลง -2.9% YoY แต่กำไรสุทธินั้นเพิ่มขึ้นจาก 52.0 ลบ. เป็น 85.6 ลบ. หรือเพิ่มขึ้น +64.5% YoYโดยมีเหตุผลหลักเกิดจากสัดส่วนรายได้มาจากการขายมากขึ้น ซึ่งเป็นธุรกิจที่มาร์จินสูงกว่างานบริการ
เงินทุนที่ได้จากการเสนอขาย IPO มูลค่า 621 ลบ. หลักๆ ใช้ลงทุนซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงานและซื้อเครื่องจักรใหม่ จำนวน 200 ลบ. อีกส่วนสำหรับแผนการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ จำนวน 70 ลบ. และส่วนที่เหลืออีกประมาณ 350 ลบ.สำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการต่อไป
ราคา IPO คิดเป็น Current PER ที่ 14.12 เท่า เทียบกับบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกันมีค่า PER เท่ากับ 12.85 เท่า
Market View : ลุ้นกฏหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐ
Technical Insight : BEAUTY RS
หุ้นแนะนำพิเศษ : STEC
หุ้นมีข่าว : CPT NDR ATP30 TRC
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อน ยังฟื้นตัวต่อเนื่องจากความคาดหวังต่อการพิจารณาผ่านร่างกฎหมายปฎิรูปภาษีสหรัฐฯขั้นตอนสุดท้ายในสัปดาห์นี้ รวมถึงเม็ดเงินจาก LTF และ RMF ยังหนุนต่อ โดยมีแรงหนุนจากกลุ่ม ENERG BANK COMM และ TRANS ทำให้ SET Index ปิดที่ 1732.31 จุด (+8.60 จุด) Volume 6.58 หมื่นลบ. โดย Foreign Net –2,750.44 ลบ. TFEX Net +1,146 สัญญา ตราสารหนี้ +4,926 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+น้ำมันดิบปรับตัวขึ้นขึ้นจากคาดการณ์ว่า EIA จะเผยสต๊อกน้ำมันดิบลดลงต่อเนื่อง อีกทั้สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
+สหรัฐ ยอดสร้างบ้านใหม่ +3.3% ในเดือนพ.ย. แตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี
+ครม.เห็นชอบมาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SME สู่ยุค 4.0 วงเงิน 2.45 แสนลบ.
-เยอรมนี ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจปรับตัวลงสู่ระดับ 117.2 ในเดือนธ.ค.
+ เม็ดเงินจากกองทุน LTF และ RMF
-ดาวโจนส์ปิดลบหลังนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่า ร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้มากเท่าที่รัฐบาลคาดหวัง
+/- Fund Flow ยังผันผวนต่างชาติพลิกกลับเป็นขายกว่า 2.75 พันล้านบาท (ตั้งแต่ต้นธ.ค.มีสถานะขาย 1.17 หมื่นล้านบาท) ขณะที่เงินบาทแข็งค่าสู่32.69 Bath/USD โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะ Short TFEX ตั้งแต่เดือน ก.ย. ราว 1.23 แสนสัญญา)
**20 ธ.ค. กำหนดประชุมกนง. (คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5%)
ภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าในที่สุดร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐจะผ่านขั้นตอนสุดท้ายในสัปดาห์นี้ มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปีและการอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องถึงปีหน้า และเม็ดเงินจากกองทุน LTF RMF ที่ช่วยพยุงตลาด โดยมีแรงกดดันจาก fund flow ที่ผันผวน คาดวันนี้ SET จะผันผวนในกรอบ 1,723-1,737 จุด
+น้ำมันดิบปรับตัวขึ้นขึ้นจากคาดการณ์ว่า EIA จะเผยสต๊อกน้ำมันดิบลดลงต่อเนื่อง อีกทั้สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
+สหรัฐ ยอดสร้างบ้านใหม่ +3.3% ในเดือนพ.ย. แตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี
+ครม.เห็นชอบมาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SME สู่ยุค 4.0 วงเงิน 2.45 แสนลบ.
-เยอรมนี ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจปรับตัวลงสู่ระดับ 117.2 ในเดือนธ.ค.
+ เม็ดเงินจากกองทุน LTF และ RMF
-ดาวโจนส์ปิดลบหลังนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่า ร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้มากเท่าที่รัฐบาลคาดหวัง
+/- Fund Flow ยังผันผวนต่างชาติพลิกกลับเป็นขายกว่า 2.75 พันล้านบาท (ตั้งแต่ต้นธ.ค.มีสถานะขาย 1.17 หมื่นล้านบาท) ขณะที่เงินบาทแข็งค่าสู่32.69 Bath/USD โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะ Short TFEX ตั้งแต่เดือน ก.ย. ราว 1.23 แสนสัญญา)
**20 ธ.ค. กำหนดประชุมกนง. (คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5%)
ภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าในที่สุดร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐจะผ่านขั้นตอนสุดท้ายในสัปดาห์นี้ มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปีและการอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องถึงปีหน้า และเม็ดเงินจากกองทุน LTF RMF ที่ช่วยพยุงตลาด โดยมีแรงกดดันจาก fund flow ที่ผันผวน คาดวันนี้ SET จะผันผวนในกรอบ 1,723-1,737 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- STA UVAN ครม.ออกมาตรการแก้ปัญหาราคายาง-ปาล์มน้ำมัน
- BANPU ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นแตะระดับ 100 $/Ton +9%MoM
- หุ้นเข้าคำนวณ SET50 : BCP BEAUTY CENTEL TPIPP SAWAD WHA
- หุ้นที่มีโอกาส Window dressing SCB KTB PTTEP
- หุ้นได้ประโยชน์จากการปฏิรูปภาษีสหรัฐ IVL
- PSTC ได้รับคัดเลือก SPP HYBRID Firm
- ERW ปลัดท่องเที่ยว หนุนใช้มาตรการภาษีกระตุ้นเที่ยวไทยเที่ยวไทย
- หุ้นที่ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ANAN COMAN XO MALEE TWPC JUBILE AMA
- STA UVAN ครม.ออกมาตรการแก้ปัญหาราคายาง-ปาล์มน้ำมัน
- BANPU ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นแตะระดับ 100 $/Ton +9%MoM
- หุ้นเข้าคำนวณ SET50 : BCP BEAUTY CENTEL TPIPP SAWAD WHA
- หุ้นที่มีโอกาส Window dressing SCB KTB PTTEP
- หุ้นได้ประโยชน์จากการปฏิรูปภาษีสหรัฐ IVL
- PSTC ได้รับคัดเลือก SPP HYBRID Firm
- ERW ปลัดท่องเที่ยว หนุนใช้มาตรการภาษีกระตุ้นเที่ยวไทยเที่ยวไทย
- หุ้นที่ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ANAN COMAN XO MALEE TWPC JUBILE AMA
หุ้นมีข่าว
Analyst Meeting : NDR (ราคาปิด 3.70 บาท Bloomberg Consensus 4.59 บาท)
ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ยางนอก ยางใน รถจักรยานยนต์ที่มีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศที่ 55 : 45 ตามลำดับ โดยมีผลประกอบการในช่วง 9M60 หดตัวถึง 56.3%YoY แม้รายได้จากการดำเนินงานทรงตัว YoY หลักๆเกิดจากการสั่งซื้อยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ (คิดเป็นสัดส่วน 40% ของต้นทุน) ในช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงราวปลายปี 59 - ต้นปี 60 ในขณะที่ยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาจำหน่ายได้ทันเนื่องจากราคายางได้ปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงเวลาดังกล่าว
แต่ทั้งนี้ ล่าสุดมติที่ประชุมคณะกรรมการ (วันที่ 26 พ.ย. 60) ได้อนุมัติเข้าซื้อบริษัท Fung Keong Rubber Manufactory (Malaya) Sdn Bhd หรือ FKRMM (ตัวแทนจำหน่ายยางนอกและยางในรถจักรยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ FKR ในประเทศมาเลเซีย) ซึ่งเดิมเป็นลูกค้ารายหลักของ NDR (รายได้กว่า 90% ของส่วนต่างประเทศของบริษัทมาจาก FKR) ด้วยวงเงิน 416.5 ล้านบาท (จาก PP 55 ล้านหุ้น ที่ 4 บาท และเงินสดอีกราว 196.5 ล้านบาท) โดยรอมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 ม.ค. 61 คาดเข้าทำรายการแล้วเสร็จ 2 ก.พ. 61
ความเห็น เบื้องต้น การเข้าซื้อบริษัทดังกล่าวน่าจะส่งผลให้ 1) NDR ขยายบทบาทจากเดิมเป็นผู้ผลิต OEM เพิ่มเป็นผู้จัดจำหน่ายภายใต้
แบรนด์ของตนเอง (FKR) ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 ในประเทศมาเลเซียที่ราว 25% และ 2) ฐานกำไรที่มีขนาดเท่าๆกัน กล่าวคือ ในภาวะปกติอยู่ที่ 40 ล้านบาทต่อปี น่าจะหนุนให้กำไรของ NDR เติบโตแบบ Inorganic Growth ในปี 61 แต่ทั้งนี้ อาจเผชิญ Dilution Effect ขั้นต่ำ ราว 28.25% อย่างไรก็ตามงวด 4Q60 - Q61 อาจยังไม่สดใสหลังราคาต้นทุนวัตถุดิบอื่นๆ มีการปรับตัวขึ้น และมีค่าใช้จ่ายด้านที่ปรึกษาการเงินเข้ามาอีกบางส่วน แนะนำให้ติดตามผลประกอบการที่ใกล้ผ่านจุดต่ำสุดก่อน "ทยอยซื้อ" รับการเติบโตก้าวกระโดด
(+) ATP30 (ราคาปิด 1.70 ซื้อ ราคาเหมาะสม 2) ผู้บริหารส่งซิกธุรกิจปีหน้าก้าวสู่ยุคทองขนส่ง เปิดกรุรับทรัพย์ลูกค้าใหม่เต็มปี ดันมาร์จิ้นทะลุ 25% ส่วนรายได้คาดโต 20% พร้อมคอนเฟิร์มผลงานปีนี้มาตามนัดเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่ 302.58 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)
ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของ ATP30 เนื่องจากพื้นที่ให้บริการอยู่ในบริเวณรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ประกอบกับการเป็นผู้ประกอบการรับขนส่งคนรายแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองระบบ ISO 39001 Road Traffic Safety Management System ซึ่งทำให้ได้รับการยอมรับจากลูกค้าที่เป็นบริษัทข้ามชาติมากขึ้น คาดกำไรปี 60 เติบโตราว 22% เป็น 26.7 ล้านบาท กำไร 9M60 มีกำไรสุทธิ 15.7 ล้านบาท ลดลง 15%YoY คิดเป็น 59% ของประมาณกำไรทั้งปี ทั้งนี้แนวโน้มกำไรไตรมาสสุดท้ายของปีมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นมากจากการเริ่มให้บริการลูกค้าใหม่ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง สำหรับปี 61 คาดรายได้ 412 ล้านบาทเติบโต 19% และคาดกำไรราว 36.5 ล้านบาทเติบโต 37%
(+) TRC (ราคาปิด 1.06 ถือ ราคาเหมาะสม 1.35) เซ็นสัญญาโครงการติดตั้งอุปกรณ์รับ-ส่งกระสวยบนท่อส่งก๊าซธรรมชาติกับ PTT
(+)PTTEP ประกาศลงทุน 5 ปี วงเงิน 5 แสนล้านบาท รองรับแผนพัฒนาโครงการปิโตรเลียมในมือ ลั่นปี 2561 ฟาดยอดขายรวม 3.02 แสนบาร์เรลต่อวัน ลั่นเล็งเข้าซื้อกิจการเพิ่ม-ร่วมประมูลสัมปทานไทย (ที่มา ข่าวหุ้น)
Analyst Meeting : NDR (ราคาปิด 3.70 บาท Bloomberg Consensus 4.59 บาท)
ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ยางนอก ยางใน รถจักรยานยนต์ที่มีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศที่ 55 : 45 ตามลำดับ โดยมีผลประกอบการในช่วง 9M60 หดตัวถึง 56.3%YoY แม้รายได้จากการดำเนินงานทรงตัว YoY หลักๆเกิดจากการสั่งซื้อยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ (คิดเป็นสัดส่วน 40% ของต้นทุน) ในช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงราวปลายปี 59 - ต้นปี 60 ในขณะที่ยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาจำหน่ายได้ทันเนื่องจากราคายางได้ปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงเวลาดังกล่าว
แต่ทั้งนี้ ล่าสุดมติที่ประชุมคณะกรรมการ (วันที่ 26 พ.ย. 60) ได้อนุมัติเข้าซื้อบริษัท Fung Keong Rubber Manufactory (Malaya) Sdn Bhd หรือ FKRMM (ตัวแทนจำหน่ายยางนอกและยางในรถจักรยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ FKR ในประเทศมาเลเซีย) ซึ่งเดิมเป็นลูกค้ารายหลักของ NDR (รายได้กว่า 90% ของส่วนต่างประเทศของบริษัทมาจาก FKR) ด้วยวงเงิน 416.5 ล้านบาท (จาก PP 55 ล้านหุ้น ที่ 4 บาท และเงินสดอีกราว 196.5 ล้านบาท) โดยรอมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 ม.ค. 61 คาดเข้าทำรายการแล้วเสร็จ 2 ก.พ. 61
ความเห็น เบื้องต้น การเข้าซื้อบริษัทดังกล่าวน่าจะส่งผลให้ 1) NDR ขยายบทบาทจากเดิมเป็นผู้ผลิต OEM เพิ่มเป็นผู้จัดจำหน่ายภายใต้
แบรนด์ของตนเอง (FKR) ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 ในประเทศมาเลเซียที่ราว 25% และ 2) ฐานกำไรที่มีขนาดเท่าๆกัน กล่าวคือ ในภาวะปกติอยู่ที่ 40 ล้านบาทต่อปี น่าจะหนุนให้กำไรของ NDR เติบโตแบบ Inorganic Growth ในปี 61 แต่ทั้งนี้ อาจเผชิญ Dilution Effect ขั้นต่ำ ราว 28.25% อย่างไรก็ตามงวด 4Q60 - Q61 อาจยังไม่สดใสหลังราคาต้นทุนวัตถุดิบอื่นๆ มีการปรับตัวขึ้น และมีค่าใช้จ่ายด้านที่ปรึกษาการเงินเข้ามาอีกบางส่วน แนะนำให้ติดตามผลประกอบการที่ใกล้ผ่านจุดต่ำสุดก่อน "ทยอยซื้อ" รับการเติบโตก้าวกระโดด
(+) ATP30 (ราคาปิด 1.70 ซื้อ ราคาเหมาะสม 2) ผู้บริหารส่งซิกธุรกิจปีหน้าก้าวสู่ยุคทองขนส่ง เปิดกรุรับทรัพย์ลูกค้าใหม่เต็มปี ดันมาร์จิ้นทะลุ 25% ส่วนรายได้คาดโต 20% พร้อมคอนเฟิร์มผลงานปีนี้มาตามนัดเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่ 302.58 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)
ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของ ATP30 เนื่องจากพื้นที่ให้บริการอยู่ในบริเวณรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี ประกอบกับการเป็นผู้ประกอบการรับขนส่งคนรายแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองระบบ ISO 39001 Road Traffic Safety Management System ซึ่งทำให้ได้รับการยอมรับจากลูกค้าที่เป็นบริษัทข้ามชาติมากขึ้น คาดกำไรปี 60 เติบโตราว 22% เป็น 26.7 ล้านบาท กำไร 9M60 มีกำไรสุทธิ 15.7 ล้านบาท ลดลง 15%YoY คิดเป็น 59% ของประมาณกำไรทั้งปี ทั้งนี้แนวโน้มกำไรไตรมาสสุดท้ายของปีมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นมากจากการเริ่มให้บริการลูกค้าใหม่ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง สำหรับปี 61 คาดรายได้ 412 ล้านบาทเติบโต 19% และคาดกำไรราว 36.5 ล้านบาทเติบโต 37%
(+) TRC (ราคาปิด 1.06 ถือ ราคาเหมาะสม 1.35) เซ็นสัญญาโครงการติดตั้งอุปกรณ์รับ-ส่งกระสวยบนท่อส่งก๊าซธรรมชาติกับ PTT
(+)PTTEP ประกาศลงทุน 5 ปี วงเงิน 5 แสนล้านบาท รองรับแผนพัฒนาโครงการปิโตรเลียมในมือ ลั่นปี 2561 ฟาดยอดขายรวม 3.02 แสนบาร์เรลต่อวัน ลั่นเล็งเข้าซื้อกิจการเพิ่ม-ร่วมประมูลสัมปทานไทย (ที่มา ข่าวหุ้น)
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ชัยยศ จิวางกูร ext.5805 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940
OO3802
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ชัยยศ จิวางกูร ext.5805 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940
OO3802