- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 December 2017 16:45
- Hits: 1555
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> ยังถือ Let Profit Run และเก็งกำไรหุ้นที่ยัง Laggard
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,730 จุดได้ตามคาดและสามารถปิดเหนือระดับดังกล่าวได้ ณ สิ้นวัน โดยยังเห็นแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว สถาบันในประเทศยังเป็นฝ่ายซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเป็นวันที่ 11 ติดต่อกันอีกถึง 3,879 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 2,750 ลบ. (แต่พลิกมา Net Long ใน Index Futures เล็กน้อย 1,146 สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะยังแกว่งตัว Sideways Up หลังสามารถทะลุจุดสูงเดิมที่ 1,730 จุดขึ้นมาได้ซึ่งทำให้สัญญาณทางเทคนิคเป็นบวก การประชุมกนง.วันนี้คาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยที่ 1.5% และไม่น่าส่งผลต่อตลาด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามการลมาติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯวันนี้ของทั้ง 2 สภา (สภาผู้แทนฯต้องลงมติอีกครั้งหลังมีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับกฎของวุฒิสภา) อย่างไรก็ตามแรงซื้อจากฝั่งสถาบันในประเทศคาดว่ายังช่วยหนุนการปรับขึ้นของตลาดในระยะนี้ โดยหุ้นที่ยัง Laggard คาดว่าจะเป็นเป้าในการถูกซื้อ
กลยุทธ์ : ยังถือ Let Profit Run และเก็งกำไรหุ้นที่ยัง Laggard
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, CMO, EPG, MINT, ROBINS
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$113ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$169ล้าน และไทย US$84ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$121ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ตลาดรอการลงมติของวุฒิสภาต่อร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในวันนี้
กลยุทธ์วันนี้ >> ยังถือ Let Profit Run และเก็งกำไรหุ้นที่ยัง Laggard
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,730 จุดได้ตามคาดและสามารถปิดเหนือระดับดังกล่าวได้ ณ สิ้นวัน โดยยังเห็นแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว สถาบันในประเทศยังเป็นฝ่ายซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเป็นวันที่ 11 ติดต่อกันอีกถึง 3,879 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 2,750 ลบ. (แต่พลิกมา Net Long ใน Index Futures เล็กน้อย 1,146 สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะยังแกว่งตัว Sideways Up หลังสามารถทะลุจุดสูงเดิมที่ 1,730 จุดขึ้นมาได้ซึ่งทำให้สัญญาณทางเทคนิคเป็นบวก การประชุมกนง.วันนี้คาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยที่ 1.5% และไม่น่าส่งผลต่อตลาด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามการลมาติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯวันนี้ของทั้ง 2 สภา (สภาผู้แทนฯต้องลงมติอีกครั้งหลังมีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับกฎของวุฒิสภา) อย่างไรก็ตามแรงซื้อจากฝั่งสถาบันในประเทศคาดว่ายังช่วยหนุนการปรับขึ้นของตลาดในระยะนี้ โดยหุ้นที่ยัง Laggard คาดว่าจะเป็นเป้าในการถูกซื้อ
กลยุทธ์ : ยังถือ Let Profit Run และเก็งกำไรหุ้นที่ยัง Laggard
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, CMO, EPG, MINT, ROBINS
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$113ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$169ล้าน และไทย US$84ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$121ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ตลาดรอการลงมติของวุฒิสภาต่อร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในวันนี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> RSP <<
แนวโน้มกำไร 4Q17 จะฟื้นตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ราว 50-55 ลบ. จาก 46 ลบ.ใน 3Q17 ตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อและเป็นช่วง High Season
ยอดขายแบรนด์ Pony ทำได้ดีกว่าเป้าหมายเกือบเท่าตัว และแผนเปิดสาขาที่กัมพูชามาเร็วกว่าคาดน่าจะได้เห็นสาขาแรก ก.พ. 18 และสาขาที่ 2 ใน พ.ค. 18 ซึ่งเรายังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ
คาดกำไรต่ำสุดไปแล้วในปีนี้ที่ -24% Y-Y ก่อนจะกลับมา +30% Y-Y ที่ 296 ลบ. ในปีหน้า เท่ากับที่เคยทำได้ในปี 2016
คงราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 9.5 บาท น่าสนใจมากในแง่ Valuation ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 13 เท่า ยังไม่ถึงครึ่งของกลุ่มค้าปลีกที่ 28 เท่า
*FSS เป็นแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ RSP*
แนวโน้มกำไร 4Q17 จะฟื้นตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ราว 50-55 ลบ. จาก 46 ลบ.ใน 3Q17 ตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อและเป็นช่วง High Season
ยอดขายแบรนด์ Pony ทำได้ดีกว่าเป้าหมายเกือบเท่าตัว และแผนเปิดสาขาที่กัมพูชามาเร็วกว่าคาดน่าจะได้เห็นสาขาแรก ก.พ. 18 และสาขาที่ 2 ใน พ.ค. 18 ซึ่งเรายังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ
คาดกำไรต่ำสุดไปแล้วในปีนี้ที่ -24% Y-Y ก่อนจะกลับมา +30% Y-Y ที่ 296 ลบ. ในปีหน้า เท่ากับที่เคยทำได้ในปี 2016
คงราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 9.5 บาท น่าสนใจมากในแง่ Valuation ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 13 เท่า ยังไม่ถึงครึ่งของกลุ่มค้าปลีกที่ 28 เท่า
*FSS เป็นแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ RSP*
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) หุ้นที่มีโอกาสถูก window dressing หุ้นใน SET50 ยังมีอีก 22 ตัวที่ผลตอบแทนเป็นลบเมื่อเทียบกับ 3Q17 ซึ่งมีโอกาสถูกทำ window dressing โดยเงื่อนไขที่เราพิจารณาคือ ผลตอบแทนเป็นลบไม่มาก(ไม่เกิน -5% Q-Q) และมีน้ำหนักกับ SET50 ในระดับที่มีนัยสำคัญ (Market Cap. เกิน 1% ของ SET50) ซึ่งได้แก่ ADVANC BEM CBG INTUCH SCB SCC TRUE TU ที่เราชอบมากในเชิงปัจจัยพื้นฐานคือ ADVANC BEM SCC และ TU
(+) ประชุม กนง. วันนี้ คาดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% แม้ธนาคารกลางประเทศอื่นจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ย แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังไม่เร่งตัวเต็วที่ ส่วนการไหลออกของกระแสเงินตามหลัก interest rate parity ยังไม่น่ากังวล เพราะดอกเบี้ยสุทธิเป็นบวกต่างจากสหรัฐฯที่ติดลบ เราคาดว่ากนง.จะเริ่มพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยกลางปีหน้า
(+) KKP รายงานสินเชื่อเดือนพ.ย. +1.29% M-M การเติบโตมาจากทุกส่วน ทั้ง Commercial lending, Real Estate, และ Retail loan ที่ไม่ใช่ HP รวม 11M17 สินเชื่อ +7.37% YTD ดีที่สุดในกลุ่ม และดีกว่าเป้าหมายธนาคาร เราคาดการณ์กำไร 4Q17 ที่ราว 1.5 พันลบ. -12% Q-Q เพราะ 3Q17 มีรายการดอกเบี้ย One-time และรายได้งาน IB แต่จะโต +4% Y-Y จากรายได้ธุรกิจตลาดทุน ซึ่งหากไม่รวมค่าใช้จ่ายสำรองฯ PPOP คาด +16% Y-Y คงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าที่ +7.3% Y-Y และ +3.8% Y-Y ตามลำดับ คงราคาเหมาะสม 85 บาท แม้เหลือ Upside ไม่มากแต่แนะนำซื้อลงทุน เพื่อรับปันผลราว 7.6% ต่อปี
(0) PTTEP เราปรับลดคำแนะนำลงจากซื้อเป็นถือ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 102 บาท การเปิดเผยแผน 5 ปีวานนี้ยังมีมุมมองเป็นกลาง จากปริมาณขายที่คาดว่าจะทำได้ทรงตัว 300 KBOED และต้นทุนที่ระดับ US$30/KBOED ส่วนแนวโน้มกำไร 4Q17 คาดว่าจะแข็งแร่งจากราคาน้ำมันที่ขึ้นและเงินบาทที่แข็ง แต่เรายังกังวลกับปริมาณขายและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นใน 3-5 ปีข้างหน้า ขณะที่ ราคาหุ้นขึ้นตอบรับแผนไปมากแล้ว Upside จึงเริ่มจำกัดเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายของเรา
(+) COMAN เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในปีหน้า จากการรับรู้กำไรของซินเนเจอร์ผู้นำซอฟแวร์ร้านอาหารเต็มปี และการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง เพื่อขึ้นแท่นเป็นผู้นำซอฟแวร์ด้านการท่องเที่ยว ขณะที่ ความกังวลด้านการตั้งด้อยค่าของ MSL ผ่อนคลายลง โดยเราคาดว่าจะไม่เป็นภาระต่องบรวมของ COMAN ในปี 2018-2019 สะท้อนว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในปีนี้ที่ -34% Y-Y ไปแล้ว โดยคาดว่าจะกลับมา +92% Y-Y และ +20% Y-Y ในปี 2018-2019 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 9.00 บาท
(+) หุ้นที่มีโอกาสถูก window dressing หุ้นใน SET50 ยังมีอีก 22 ตัวที่ผลตอบแทนเป็นลบเมื่อเทียบกับ 3Q17 ซึ่งมีโอกาสถูกทำ window dressing โดยเงื่อนไขที่เราพิจารณาคือ ผลตอบแทนเป็นลบไม่มาก(ไม่เกิน -5% Q-Q) และมีน้ำหนักกับ SET50 ในระดับที่มีนัยสำคัญ (Market Cap. เกิน 1% ของ SET50) ซึ่งได้แก่ ADVANC BEM CBG INTUCH SCB SCC TRUE TU ที่เราชอบมากในเชิงปัจจัยพื้นฐานคือ ADVANC BEM SCC และ TU
(+) ประชุม กนง. วันนี้ คาดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% แม้ธนาคารกลางประเทศอื่นจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ย แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังไม่เร่งตัวเต็วที่ ส่วนการไหลออกของกระแสเงินตามหลัก interest rate parity ยังไม่น่ากังวล เพราะดอกเบี้ยสุทธิเป็นบวกต่างจากสหรัฐฯที่ติดลบ เราคาดว่ากนง.จะเริ่มพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยกลางปีหน้า
(+) KKP รายงานสินเชื่อเดือนพ.ย. +1.29% M-M การเติบโตมาจากทุกส่วน ทั้ง Commercial lending, Real Estate, และ Retail loan ที่ไม่ใช่ HP รวม 11M17 สินเชื่อ +7.37% YTD ดีที่สุดในกลุ่ม และดีกว่าเป้าหมายธนาคาร เราคาดการณ์กำไร 4Q17 ที่ราว 1.5 พันลบ. -12% Q-Q เพราะ 3Q17 มีรายการดอกเบี้ย One-time และรายได้งาน IB แต่จะโต +4% Y-Y จากรายได้ธุรกิจตลาดทุน ซึ่งหากไม่รวมค่าใช้จ่ายสำรองฯ PPOP คาด +16% Y-Y คงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าที่ +7.3% Y-Y และ +3.8% Y-Y ตามลำดับ คงราคาเหมาะสม 85 บาท แม้เหลือ Upside ไม่มากแต่แนะนำซื้อลงทุน เพื่อรับปันผลราว 7.6% ต่อปี
(0) PTTEP เราปรับลดคำแนะนำลงจากซื้อเป็นถือ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 102 บาท การเปิดเผยแผน 5 ปีวานนี้ยังมีมุมมองเป็นกลาง จากปริมาณขายที่คาดว่าจะทำได้ทรงตัว 300 KBOED และต้นทุนที่ระดับ US$30/KBOED ส่วนแนวโน้มกำไร 4Q17 คาดว่าจะแข็งแร่งจากราคาน้ำมันที่ขึ้นและเงินบาทที่แข็ง แต่เรายังกังวลกับปริมาณขายและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นใน 3-5 ปีข้างหน้า ขณะที่ ราคาหุ้นขึ้นตอบรับแผนไปมากแล้ว Upside จึงเริ่มจำกัดเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายของเรา
(+) COMAN เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในปีหน้า จากการรับรู้กำไรของซินเนเจอร์ผู้นำซอฟแวร์ร้านอาหารเต็มปี และการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง เพื่อขึ้นแท่นเป็นผู้นำซอฟแวร์ด้านการท่องเที่ยว ขณะที่ ความกังวลด้านการตั้งด้อยค่าของ MSL ผ่อนคลายลง โดยเราคาดว่าจะไม่เป็นภาระต่องบรวมของ COMAN ในปี 2018-2019 สะท้อนว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในปีนี้ที่ -34% Y-Y ไปแล้ว โดยคาดว่าจะกลับมา +92% Y-Y และ +20% Y-Y ในปี 2018-2019 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 9.00 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
20 ธ.ค.- ไทย: กนง.ประชุม, CPT เริ่มซื้อขายวันแรก (ราคา IPO 2.30 บาท)
21 ธ.ค.- ไทย: VCOM เริ่มซื้อขายวันแรก (ราคา IPO 2.88 บาท)
- สหรัฐ: 3Q17 GDP
-ญี่ปุ่น: BOJประชุม
22 ธ.ค.- ไทย: ดุลการค้า (พ.ย.), ยอดขายรถ (พ.ย.)
- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ย.), ยอดขายบ้านใหม่ (พ.ย.)
26 ธ.ค.- ไทย: DDD เริ่มซื้อขายวันแรก (ราคา IPO 53 บาท)
- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
28ธ.ค.- ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (พ.ย.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดขยับลงเล็กน้อยหลังการพุ่งขึ้นทำนิวไฮ 2 วันติดต่อกัน โดยมีแรงขายนำมาจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนเฝ้าจับตาตัวเลข GDP ไตรมาส 3 วันพฤหัสบดีนี้
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อการเปิดเผยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวลงสวนทางที่คาดการณ์ของตลาด
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนเฝ้าจับตาความคืบหน้ามาตราการภาษีอย่างใกล้ชิด
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัวในทิศทางอ่อนค่าเล็กน้อย โดยล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 32.67-32.74 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดบวก 0.30 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 57.46 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ของตลาดที่ระบุว่าตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐจะปรับลดลงต่อเป็นสัปดาห์ที่ 5 นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากการปิดซ่อมท่อขนส่งน้ำมันในทะเลเหนือ
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดลบ 1.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,264.20 ดอลลาร์/ออนซ์ จากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ขยับขึ้น
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO3795
21 ธ.ค.- ไทย: VCOM เริ่มซื้อขายวันแรก (ราคา IPO 2.88 บาท)
- สหรัฐ: 3Q17 GDP
-ญี่ปุ่น: BOJประชุม
22 ธ.ค.- ไทย: ดุลการค้า (พ.ย.), ยอดขายรถ (พ.ย.)
- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ย.), ยอดขายบ้านใหม่ (พ.ย.)
26 ธ.ค.- ไทย: DDD เริ่มซื้อขายวันแรก (ราคา IPO 53 บาท)
- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
28ธ.ค.- ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (พ.ย.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดขยับลงเล็กน้อยหลังการพุ่งขึ้นทำนิวไฮ 2 วันติดต่อกัน โดยมีแรงขายนำมาจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนเฝ้าจับตาตัวเลข GDP ไตรมาส 3 วันพฤหัสบดีนี้
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อการเปิดเผยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีเดือนธ.ค.ปรับตัวลงสวนทางที่คาดการณ์ของตลาด
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนเฝ้าจับตาความคืบหน้ามาตราการภาษีอย่างใกล้ชิด
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัวในทิศทางอ่อนค่าเล็กน้อย โดยล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 32.67-32.74 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดบวก 0.30 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 57.46 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ของตลาดที่ระบุว่าตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐจะปรับลดลงต่อเป็นสัปดาห์ที่ 5 นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากการปิดซ่อมท่อขนส่งน้ำมันในทะเลเหนือ
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดลบ 1.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,264.20 ดอลลาร์/ออนซ์ จากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ขยับขึ้น
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO3795