- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 December 2017 17:11
- Hits: 2665
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
SET INDEX
1717.60 +2.70 (+0.16) // Vol. 51,010
เบรกกรอบสามเหลี่ยมได้ มีแนวโน้มไปต่อ เพื่อขึ้นทดสอบ 1729 จุด กรอบการเคลื่อนที่ 1712-1723
ตลอดสัปดาห์ดัชนีมีทิศทางค่อย ๆ ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นว่าในวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีชนกรอบสามเหลี่ยมทำให้มีแรงขายกดดัชนียืนในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน จนท้ายตลาดมีแรงซื้อกลับดันดัชนีขึ้นมาทำปิดที่จุดสูงสุดของวันที่ 1717 จุด ซึ่งถือว่าเบรกกรอบสามเหลี่ยมที่มาพร้อมกับ Volume ทำให้แนวโน้มมีโอกาสไปต่อ เพื่อขึ้นทดสอบ 1729 จุด ที่ทดสอบมา 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน คาดหวังการขึ้นทดสอบอีกครั้ง หากผ่านได้จะเป็นการเปิด Upside อีกพอสมควร
แนวรับ 1707-1712
แนวต้าน 1720-1723 // 1729
SET INDEX
1717.60 +2.70 (+0.16) // Vol. 51,010
เบรกกรอบสามเหลี่ยมได้ มีแนวโน้มไปต่อ เพื่อขึ้นทดสอบ 1729 จุด กรอบการเคลื่อนที่ 1712-1723
ตลอดสัปดาห์ดัชนีมีทิศทางค่อย ๆ ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นว่าในวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีชนกรอบสามเหลี่ยมทำให้มีแรงขายกดดัชนียืนในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน จนท้ายตลาดมีแรงซื้อกลับดันดัชนีขึ้นมาทำปิดที่จุดสูงสุดของวันที่ 1717 จุด ซึ่งถือว่าเบรกกรอบสามเหลี่ยมที่มาพร้อมกับ Volume ทำให้แนวโน้มมีโอกาสไปต่อ เพื่อขึ้นทดสอบ 1729 จุด ที่ทดสอบมา 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน คาดหวังการขึ้นทดสอบอีกครั้ง หากผ่านได้จะเป็นการเปิด Upside อีกพอสมควร
แนวรับ 1707-1712
แนวต้าน 1720-1723 // 1729
Technical Analyst : พรรณนภา เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
" ตลาดยังดี แต่จับตา FundFlow และดอลล่าร์ "
ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : เรายังมองทิศทางตลาดหุ้นไทย ว่าจะดีต่อเนื่อง กรอบ ดัชนีฯ 1700-1730 จุด แต่จะมีความผันผวนมากขึ้น .... ตัวแปรที่หนุนตลาดหุ้น ยังเป็นปัจจัยในประเทศ ทั้งมุมมองการเมือง-เศรษฐกิจไทย-เทศ ที่ดีขึ้นตามลำดับ และกองทุนในประเทศ ที่ได้ order จากผู้ซื้อหน่วยลงทุน LTF-RMF เป็นผู้ซื้อหลักของตลาด ...... แต่ปัจจัยต่างประเทศ ส่วนที่เป็นบวก คือราคาน้ำมัน-ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นตัวช่วย อย่างไรก็ตาม ให้จับตาหลังการผ่านร่างกฎหมายภาษีสหรัฐฯ (อังคาร) และทิศทางค่าดอลล่าร์ (ดอลล่าร์ขึ้นเป็นลบ) ว่าจะมีผลต่อ Fund Flow อย่างไร
กลยุทธ์ลงทุน : เรามองตลาดหุ้นเป็นบวก กลยุทธ์ของเรายังเป็น selective buy ในหุ้นที่อิงกับทิศทางตลาดหรือเป็นบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สัปดาห์นี้ เราเน้นกลุ่มค้าปลีก กลุ่มที่อิงรายได้จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และหุ้นที่ถูกคาดว่างบ 4Q จะออกมาดี (ธนาคาร+พลังงาน+ปิโตรเคมี)
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: CPALL , PTT , BANPU , AOT, WHA
หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค: GGC, BCPG, GULF
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
" ตลาดยังดี แต่จับตา FundFlow และดอลล่าร์ "
ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : เรายังมองทิศทางตลาดหุ้นไทย ว่าจะดีต่อเนื่อง กรอบ ดัชนีฯ 1700-1730 จุด แต่จะมีความผันผวนมากขึ้น .... ตัวแปรที่หนุนตลาดหุ้น ยังเป็นปัจจัยในประเทศ ทั้งมุมมองการเมือง-เศรษฐกิจไทย-เทศ ที่ดีขึ้นตามลำดับ และกองทุนในประเทศ ที่ได้ order จากผู้ซื้อหน่วยลงทุน LTF-RMF เป็นผู้ซื้อหลักของตลาด ...... แต่ปัจจัยต่างประเทศ ส่วนที่เป็นบวก คือราคาน้ำมัน-ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นตัวช่วย อย่างไรก็ตาม ให้จับตาหลังการผ่านร่างกฎหมายภาษีสหรัฐฯ (อังคาร) และทิศทางค่าดอลล่าร์ (ดอลล่าร์ขึ้นเป็นลบ) ว่าจะมีผลต่อ Fund Flow อย่างไร
กลยุทธ์ลงทุน : เรามองตลาดหุ้นเป็นบวก กลยุทธ์ของเรายังเป็น selective buy ในหุ้นที่อิงกับทิศทางตลาดหรือเป็นบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สัปดาห์นี้ เราเน้นกลุ่มค้าปลีก กลุ่มที่อิงรายได้จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และหุ้นที่ถูกคาดว่างบ 4Q จะออกมาดี (ธนาคาร+พลังงาน+ปิโตรเคมี)
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: CPALL , PTT , BANPU , AOT, WHA
หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค: GGC, BCPG, GULF
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
ภาพตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา
SET Index สัปดาห์ก่อนปิดที่ระดับ 1,717.69 จุด ปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 11.17 จุด หรือ +0.65% ตลาดปรับตัวขึ้นได้จากปัจจัยต่างประเทศที่มีภาพเป็นบวกมากขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯได้ทำการปรับดอกเบี้ยขึ้นตามคาด พร้อมทั้งมีมุมมองเป็นบวกต่อภาพเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะเป็นขายสุทธิอยู่
ปัจจัยที่ควรติดตาม
ปัจจัยต่างประเทศ / ราคาน้ำมันดิบ
ผลพวงจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ - สัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.25-1.50% ตามที่ตลาดคาด โดยส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2018 ติดตามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังมติในครั้งนี้ ซึ่งเรามองว่าด้วยมุมมองของ Fed ที่มีแนวโน้มในเชิงบวกต่อภาพเศรษฐกิจอีกทั้งอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ ตลาดหุ้นภาพรวมจึงตอบรับในเชิงบวก และผลพวงจากมติครั้งนี้จะส่งผลให้ราคา commodity ปรับตัวดีขึ้น แต่อาจต้องดูค่าเงินดอลล่าร์ในสัปดาห์นี้ ประกอบไปด้วย
ติดตามการหาข้อสรุปต่อกฎหมายปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ - เป็นประเด็นที่นักลงทุนติดตามมาเป็นเวลานาน ล่าสุดสภาฯ จะอนุมัติร่างกฏหมายปฏิรูปภาษี (จันทร์-อังคาร นี้)
ราคาน้ำมันดิบผันผวน - ราคาน้ำมันดิบช่วงที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวที่ไร้ทิศทาง และมีปัจจัยบวกสลับกับลบ โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ในช่วงสั้น เป็นผลมาจาก สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4
ปัจจัยในประเทศ
มติโครงการรถไฟทางคู่เข้าที่ประชุม ครม. อาทิตย์นี้ - อาทิตย์ที่ผ่านมา รองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เร่งรัดให้รถไฟทางคู่ 5 เส้นทางเข้า ครม. (ผ่านการประมูลแล้ว)
ตัวเลขส่งออก-ยอดขายรถในประเทศ - จะมีการประกาศตัวเลขส่งออกประจำเดือน พ.ย. ในวันที่ 22/12/2017 โดยตัวเลขส่งออกไทยเติบโตต่อเนื่อง เดือน ต.ค. เติบโต 13.1% คาดว่าเดือนนี้จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง .. และตัวเลขบอดขายรถยนต์ในประเทศ ที่คาดจะรายงานในเดือนนี้ด้วย
แรงซื้อของ LTF-RMF สำหรับช่วงปลายปี - โดยปกติแล้วช่วงท้ายของปีจะมีแรงซื้อจาก LTF-RMF เข้ามา ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันมีสถานะเป็นซื้อสุทธิกว่า 15,000 ล้านบาท
การประชุม กนง. ในวันที่ 20/12/2017 - กนง. จะจัดการประชุมในวันที่ 20/12/2017 ซึ่งตลาดยังคาดว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมที่ 1.5%
Stock Picks of The Week 18-22 December 2017
CPALL :
ราคาปิด 76.50 บาท ราคาเหมาะสม 84.00 บาท
เนื่องจากเรามองว่าตลาดหุ้นจะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงสัปดาห์นี้ จึงมองว่า CPALL ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ก6.50รเคลื่อนไหวของราคาหุ้นล้อไปตามตลาด นอกจากนี้ CPALL ยังได้รับผลบวกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้นและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น และยังคาดว่า CPALL จะสามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่องในช่วง 4Q17 จากการที่ภาคบริโภคอยู่ในระดับสูงตามเทศกาล และมาตรการการจากภาครัฐมีส่วนในการกระตุ้นสนับสนุน เช่น ช็อปช่วยชาติ
KTBST คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 19,467 ล้านบาท (+17% YoY) และปี 2018 ที่ 22,388 ล้านบาท (+15% YoY) โดยเราคาดว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้อย่างต่ำปีละ 700 สาขา และจะสามารถถึงเป้าหมาย 13,000 สาขาได้ในปี 2021
ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 84.00 บาท
PTT :
ราคาปิด 432.00 บาท ราคาเหมาะสม 458.79 บาท
ด้วยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 3Q17, ค่าการกลั่นน้ำมันลดลง, Spread ปิโตรเคมียังอยู่แนวโน้มที่ดี ราคา HDPE ที่ขึ้นมาประมาณ 3% QoQ, และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลให้เรามีมุมมองในเชิงบวกต่อบริษัทลูกของ PTT ทุกตัว ซึ่งได้แก่ PTTEP, PTTGC, TOP, IRPC นอกจากนี้ PTT เป็นหุ้นใหญ่นำตลาด เป็นเป้าหมายเวลาที่มีเม็ดเงินเข้าตลาด
Bloomberg คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 118,652 ล้านบาท (+25% YoY) และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ที่ 116,099 ล้านบาท (-2% YoY)
ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 458.79 บาท
Weekly Portfolio 18-22 December 2017
หุ้น เหตุผล
CPALL(ราคาปิด 76.50) เนื่องจากเรามองว่าตลาดหุ้นจะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงสัปดาห์นี้ จึงมองว่า CPALL ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นล้อไปตามตลาด นอกจากนี้ CPALL ยังได้รับผลบวกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้นและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น และยังคาดว่า CPALL จะสามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่องในช่วง 4Q17 จากการที่ภาคบริโภคอยู่ในระดับสูงตามเทศกาล และมาตรการการจากภาครัฐมีส่วนในการกระตุ้นสนับสนุน เช่น ช็อปช่วยชาติ .... KTBST คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 19,467 ล้านบาท (+17% YoY) และปี 2018 ที่ 22,388 ล้านบาท (+15% YoY) โดยเราคาดว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้อย่างต่ำปีละ 700 สาขา และจะสามารถถึงเป้าหมาย 13,000 สาขาได้ในปี 2021 .... (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 84.00 บาท)
PTT*(ราคาปิด 432.00) ด้วยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 3Q17, ค่าการกลั่นน้ำมันลดลง, Spread ปิโตรเคมียังอยู่แนวโน้มที่ดี ราคา HDPE ที่ขึ้นมาประมาณ 3% QoQ, และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลให้เรามีมุมมองในเชิงบวกต่อบริษัทลูกของ PTT ทุกตัว ซึ่งได้แก่ PTTEP, PTTGC, TOP, IRPC นอกจากนี้ PTT เป็นหุ้นใหญ่นำตลาด เป็นเป้าหมายเวลาที่มีเม็ดเงินเข้าตลาด .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 118,652 ล้านบาท (+25% YoY) และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ที่ 116,099 ล้านบาท (-2% YoY) .... (ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 458.79 บาท)
BANPU*(ราคาปิด 17.50) เรามองว่า BANPU ได้รับประเด็นบวกจาก ที่จีนประกาศลดกำลังการผลิตถ่านหิน 440 ล้านตันภายใน 2 ปี และการประกาศว่าเกิดภาวะขาดแคลนก๊าซในประเทศ ทำให้มีแนวคิดในการใช้ถ่านหินมาแปลงเป็นก๊าซ อีกทั้งเรายังมีมุมมองว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 10,817 ล้านบาท (+545% YoY) และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ที่ 10,115 ล้านบาท (-6% YoY) .... (ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 22.86 บาท)
AOT(ราคาปิด 64.00) ด้วยมุมมองที่ว่าต่างชาติมีโอกาสกลับมาซื้อหุ้นไทย AOT เป็นหุ้นที่เป็นเป้าหมายของต่างชาติ นอกจากนี้เรามองว่า AOT จะได้รับผลบวกจากปริมาณนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามามากในช่วงปลายปี อีกทั้งเรายังมองว่าการที่ ดร.สมคิดเข้ารับตำแหน่ง รมว. ท่องเที่ยวนั้น ได้ส่งผลบวกต่อภาพการท่องเที่ยวไทยซึ่งคาดการณ์ว่าจะได้เห็นมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวต่างๆในอนาคตเข้ามาอีกมาก …. KTBST คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 25,352 ล้านบาท (+23% YoY) และปี 2018 ที่ 28,770 ล้านบาท (+14% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 70.00 บาท)
WHA*(ราคาปิด 3.80) มองว่า WHA ยังได้รับแรงบวกต่อเนื่องจากการเข้า SET 50 ....อีกทั้งเรามองว่าช่วงปลายปี จะได้เห็นความคืบหน้าเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามา โดยคาดว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นเรื่องมาตรการ EEC ซึ่ง WHA เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มนิคมฯที่ได้รับผลบวกจากมาตรการดังกล่าว .... ผลประกอบการ WHA ช่วง 3Q17 ออกมาที่ 506 ล้านบาท (+1088% YoY, -48% QoQ) เติบโตสูงจากรายได้จากการให้สิทธิในการใช้พื้นที่นิคมฯ .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 2,913 ล้านบาท (+1% YoY) และปี 2018 ที่ 3,444 ล้านบาท (+18% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 4.21 บาท)
Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]
Analyst
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]
OO3698
ปัจจัยต่างประเทศ / ราคาน้ำมันดิบ
ผลพวงจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ - สัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.25-1.50% ตามที่ตลาดคาด โดยส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2018 ติดตามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังมติในครั้งนี้ ซึ่งเรามองว่าด้วยมุมมองของ Fed ที่มีแนวโน้มในเชิงบวกต่อภาพเศรษฐกิจอีกทั้งอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ ตลาดหุ้นภาพรวมจึงตอบรับในเชิงบวก และผลพวงจากมติครั้งนี้จะส่งผลให้ราคา commodity ปรับตัวดีขึ้น แต่อาจต้องดูค่าเงินดอลล่าร์ในสัปดาห์นี้ ประกอบไปด้วย
ติดตามการหาข้อสรุปต่อกฎหมายปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ - เป็นประเด็นที่นักลงทุนติดตามมาเป็นเวลานาน ล่าสุดสภาฯ จะอนุมัติร่างกฏหมายปฏิรูปภาษี (จันทร์-อังคาร นี้)
ราคาน้ำมันดิบผันผวน - ราคาน้ำมันดิบช่วงที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวที่ไร้ทิศทาง และมีปัจจัยบวกสลับกับลบ โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ในช่วงสั้น เป็นผลมาจาก สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4
ปัจจัยในประเทศ
มติโครงการรถไฟทางคู่เข้าที่ประชุม ครม. อาทิตย์นี้ - อาทิตย์ที่ผ่านมา รองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เร่งรัดให้รถไฟทางคู่ 5 เส้นทางเข้า ครม. (ผ่านการประมูลแล้ว)
ตัวเลขส่งออก-ยอดขายรถในประเทศ - จะมีการประกาศตัวเลขส่งออกประจำเดือน พ.ย. ในวันที่ 22/12/2017 โดยตัวเลขส่งออกไทยเติบโตต่อเนื่อง เดือน ต.ค. เติบโต 13.1% คาดว่าเดือนนี้จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง .. และตัวเลขบอดขายรถยนต์ในประเทศ ที่คาดจะรายงานในเดือนนี้ด้วย
แรงซื้อของ LTF-RMF สำหรับช่วงปลายปี - โดยปกติแล้วช่วงท้ายของปีจะมีแรงซื้อจาก LTF-RMF เข้ามา ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันมีสถานะเป็นซื้อสุทธิกว่า 15,000 ล้านบาท
การประชุม กนง. ในวันที่ 20/12/2017 - กนง. จะจัดการประชุมในวันที่ 20/12/2017 ซึ่งตลาดยังคาดว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมที่ 1.5%
Stock Picks of The Week 18-22 December 2017
CPALL :
ราคาปิด 76.50 บาท ราคาเหมาะสม 84.00 บาท
เนื่องจากเรามองว่าตลาดหุ้นจะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงสัปดาห์นี้ จึงมองว่า CPALL ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ก6.50รเคลื่อนไหวของราคาหุ้นล้อไปตามตลาด นอกจากนี้ CPALL ยังได้รับผลบวกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้นและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น และยังคาดว่า CPALL จะสามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่องในช่วง 4Q17 จากการที่ภาคบริโภคอยู่ในระดับสูงตามเทศกาล และมาตรการการจากภาครัฐมีส่วนในการกระตุ้นสนับสนุน เช่น ช็อปช่วยชาติ
KTBST คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 19,467 ล้านบาท (+17% YoY) และปี 2018 ที่ 22,388 ล้านบาท (+15% YoY) โดยเราคาดว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้อย่างต่ำปีละ 700 สาขา และจะสามารถถึงเป้าหมาย 13,000 สาขาได้ในปี 2021
ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 84.00 บาท
PTT :
ราคาปิด 432.00 บาท ราคาเหมาะสม 458.79 บาท
ด้วยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 3Q17, ค่าการกลั่นน้ำมันลดลง, Spread ปิโตรเคมียังอยู่แนวโน้มที่ดี ราคา HDPE ที่ขึ้นมาประมาณ 3% QoQ, และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลให้เรามีมุมมองในเชิงบวกต่อบริษัทลูกของ PTT ทุกตัว ซึ่งได้แก่ PTTEP, PTTGC, TOP, IRPC นอกจากนี้ PTT เป็นหุ้นใหญ่นำตลาด เป็นเป้าหมายเวลาที่มีเม็ดเงินเข้าตลาด
Bloomberg คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 118,652 ล้านบาท (+25% YoY) และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ที่ 116,099 ล้านบาท (-2% YoY)
ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 458.79 บาท
Weekly Portfolio 18-22 December 2017
หุ้น เหตุผล
CPALL(ราคาปิด 76.50) เนื่องจากเรามองว่าตลาดหุ้นจะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงสัปดาห์นี้ จึงมองว่า CPALL ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นล้อไปตามตลาด นอกจากนี้ CPALL ยังได้รับผลบวกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้นและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น และยังคาดว่า CPALL จะสามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่องในช่วง 4Q17 จากการที่ภาคบริโภคอยู่ในระดับสูงตามเทศกาล และมาตรการการจากภาครัฐมีส่วนในการกระตุ้นสนับสนุน เช่น ช็อปช่วยชาติ .... KTBST คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 19,467 ล้านบาท (+17% YoY) และปี 2018 ที่ 22,388 ล้านบาท (+15% YoY) โดยเราคาดว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้อย่างต่ำปีละ 700 สาขา และจะสามารถถึงเป้าหมาย 13,000 สาขาได้ในปี 2021 .... (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 84.00 บาท)
PTT*(ราคาปิด 432.00) ด้วยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 3Q17, ค่าการกลั่นน้ำมันลดลง, Spread ปิโตรเคมียังอยู่แนวโน้มที่ดี ราคา HDPE ที่ขึ้นมาประมาณ 3% QoQ, และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลให้เรามีมุมมองในเชิงบวกต่อบริษัทลูกของ PTT ทุกตัว ซึ่งได้แก่ PTTEP, PTTGC, TOP, IRPC นอกจากนี้ PTT เป็นหุ้นใหญ่นำตลาด เป็นเป้าหมายเวลาที่มีเม็ดเงินเข้าตลาด .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 118,652 ล้านบาท (+25% YoY) และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ที่ 116,099 ล้านบาท (-2% YoY) .... (ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 458.79 บาท)
BANPU*(ราคาปิด 17.50) เรามองว่า BANPU ได้รับประเด็นบวกจาก ที่จีนประกาศลดกำลังการผลิตถ่านหิน 440 ล้านตันภายใน 2 ปี และการประกาศว่าเกิดภาวะขาดแคลนก๊าซในประเทศ ทำให้มีแนวคิดในการใช้ถ่านหินมาแปลงเป็นก๊าซ อีกทั้งเรายังมีมุมมองว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 10,817 ล้านบาท (+545% YoY) และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ที่ 10,115 ล้านบาท (-6% YoY) .... (ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 22.86 บาท)
AOT(ราคาปิด 64.00) ด้วยมุมมองที่ว่าต่างชาติมีโอกาสกลับมาซื้อหุ้นไทย AOT เป็นหุ้นที่เป็นเป้าหมายของต่างชาติ นอกจากนี้เรามองว่า AOT จะได้รับผลบวกจากปริมาณนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามามากในช่วงปลายปี อีกทั้งเรายังมองว่าการที่ ดร.สมคิดเข้ารับตำแหน่ง รมว. ท่องเที่ยวนั้น ได้ส่งผลบวกต่อภาพการท่องเที่ยวไทยซึ่งคาดการณ์ว่าจะได้เห็นมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวต่างๆในอนาคตเข้ามาอีกมาก …. KTBST คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 25,352 ล้านบาท (+23% YoY) และปี 2018 ที่ 28,770 ล้านบาท (+14% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 70.00 บาท)
WHA*(ราคาปิด 3.80) มองว่า WHA ยังได้รับแรงบวกต่อเนื่องจากการเข้า SET 50 ....อีกทั้งเรามองว่าช่วงปลายปี จะได้เห็นความคืบหน้าเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามา โดยคาดว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นเรื่องมาตรการ EEC ซึ่ง WHA เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มนิคมฯที่ได้รับผลบวกจากมาตรการดังกล่าว .... ผลประกอบการ WHA ช่วง 3Q17 ออกมาที่ 506 ล้านบาท (+1088% YoY, -48% QoQ) เติบโตสูงจากรายได้จากการให้สิทธิในการใช้พื้นที่นิคมฯ .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 2,913 ล้านบาท (+1% YoY) และปี 2018 ที่ 3,444 ล้านบาท (+18% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 4.21 บาท)
Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]
Analyst
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]
OO3698