- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 December 2017 17:10
- Hits: 1055
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงซื้อเด่นใน BANPU, GPSC และ AU จากประเด็นข่าวการร่วมมือกับ Starbuck ในขณะที่เกิด Technical rebound ใน GFPT, LPN ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,717 จุด (+2.7 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.2 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 4.7 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยครั้งแรกในรอบ 12 วันทำการที่ 657ล้านบาท แต่กลับมาเปิดสถานะ Short SET50 Index Future อีกครั้งที่ 9,364 สัญญา
Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงซื้อเด่นใน BANPU, GPSC และ AU จากประเด็นข่าวการร่วมมือกับ Starbuck ในขณะที่เกิด Technical rebound ใน GFPT, LPN ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,717 จุด (+2.7 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.2 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 4.7 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยครั้งแรกในรอบ 12 วันทำการที่ 657ล้านบาท แต่กลับมาเปิดสถานะ Short SET50 Index Future อีกครั้งที่ 9,364 สัญญา
Investment theme
ตลาดหุ้นเอเชียยังมีความน่าสนใจ : นอกเหนือจากตลาดหุ้นไทย ที่นักลงทุนต่างประเทศทยอยขายทำกำไร เพื่อนำเงินไปพักในตลาดพันธบัตรตลอดเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เรายังสามารถเห็นได้กลับหลายประเทศในเอเชียเช่น อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอื่นๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่นักลงทุนต่างประเทศจะลดความเสี่ยงการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม จากความไม่แน่นอนของรายละเอียดและช่วงเวลาเริ่มของนโยบายภาษีสหรัฐ ประกอบกับความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งใหม่ของเยอรมันและอิตาลี ในขณะที่ล่าสุด World bank ได้ปรับเป้า GDP เศรษฐกิจเอเชียขึ้นเป็น 6.1% (ปรับเป้า GDP ของประเทศจีน มาเลเซีย และไทยขึ้น) และ ADB ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอัตราการเติบโตเศรษฐกิจที่เด่น (เฉลี่ยเติบโต 5.2% ในปี 2561) ส่งผลให้เรายังคงมุมมองบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย และคาดนักลงทุนต่างประเทศ Rotate เงินจากพันธบัตรกลับเข้าตลาดหุ้นในช่วง 1Q61
Investment theme: คาด SET ใกล้จบการแกว่งตัวในกรอบสามเหลี่ยม บริเวณ 1,680-1,720 และมีโอกาส Break กรอบสามเหลี่ยมในช่วงปลายเดือนธันวาคม-ต้นเดือนมกราคม โดยกลยุทธ์ระยะสั้นเน้น ขึ้นขาย-ลงซื้อ แนะทยอยสะสมกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL) และกลุ่ม Out of home media อย่าง MACO, VGI
ตลาดหุ้นเอเชียยังมีความน่าสนใจ : นอกเหนือจากตลาดหุ้นไทย ที่นักลงทุนต่างประเทศทยอยขายทำกำไร เพื่อนำเงินไปพักในตลาดพันธบัตรตลอดเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เรายังสามารถเห็นได้กลับหลายประเทศในเอเชียเช่น อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอื่นๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่นักลงทุนต่างประเทศจะลดความเสี่ยงการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม จากความไม่แน่นอนของรายละเอียดและช่วงเวลาเริ่มของนโยบายภาษีสหรัฐ ประกอบกับความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งใหม่ของเยอรมันและอิตาลี ในขณะที่ล่าสุด World bank ได้ปรับเป้า GDP เศรษฐกิจเอเชียขึ้นเป็น 6.1% (ปรับเป้า GDP ของประเทศจีน มาเลเซีย และไทยขึ้น) และ ADB ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอัตราการเติบโตเศรษฐกิจที่เด่น (เฉลี่ยเติบโต 5.2% ในปี 2561) ส่งผลให้เรายังคงมุมมองบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย และคาดนักลงทุนต่างประเทศ Rotate เงินจากพันธบัตรกลับเข้าตลาดหุ้นในช่วง 1Q61
Investment theme: คาด SET ใกล้จบการแกว่งตัวในกรอบสามเหลี่ยม บริเวณ 1,680-1,720 และมีโอกาส Break กรอบสามเหลี่ยมในช่วงปลายเดือนธันวาคม-ต้นเดือนมกราคม โดยกลยุทธ์ระยะสั้นเน้น ขึ้นขาย-ลงซื้อ แนะทยอยสะสมกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL) และกลุ่ม Out of home media อย่าง MACO, VGI
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐประกาศปรับสถานะคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยให้ดีขึ้นจากขั้นจับตาเป็นพิเศษเป็นธรรมดา / นาย John McCain (ส.ส. Republican) ออกจากโรงพยาบาลเดินทางกลับ Arizona ทำให้มีโอกาสพลาดการ vote ภาษีในสัปดาห์นี้
บทวิเคราะห์วันนี้ INGRS
เมื่อคืนที่ผ่านมา สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐประกาศปรับสถานะคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยให้ดีขึ้นจากขั้นจับตาเป็นพิเศษเป็นธรรมดา / นาย John McCain (ส.ส. Republican) ออกจากโรงพยาบาลเดินทางกลับ Arizona ทำให้มีโอกาสพลาดการ vote ภาษีในสัปดาห์นี้
บทวิเคราะห์วันนี้ INGRS
Stock pick : LPN
LPN : ทยอยสะสม เป้าหมาย 14.20 บาท
เราคงมุมมองเชิงบวกจากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มกำลังซื้อระดับกลาง ซึ่งกลุ่มอสังหาถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ทางอ้อม
คาดผลประกอบการ LPN ได้ผ่านจุดต่ำแล้วไปแล้วในไตรมาส 3 และคาดผลประกอบการเติบโตเด่น QoQ ในไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงในไตรมาสหนึ่งปีหน้า โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะกลับมาสู่ระดับปกติ (บริเวณ 30-31%) จากการรับรู้รายได้จากโครงการ บางนา, parkbeach และอื่นๆ
ราคาหุ้น Laggard กลุ่มอยู่สูงกว่า 11% ในขณะราคาปัจจุบันคิดเป็น PER18 เพียง 10เท่า พร้อมปันผลสูงกว่า 5.2% ในขณะที่หากเราเปรียบเทียบ Scorecard โดยวัดจาก อัตราการเติบโต , การเติบโต presale, ฐานะทางการเงิน เงินปันผล และอื่นๆ จะพบว่า LPN ได้คะแนนอยู๋ใน Top rank ของ Maybank Kimeng
Trading idea – – ทยอยสะสมกลุ่ม Out of home media อย่าง VGI (7.00) , MACO (2.42) และกลุ่ม Logistic (WICE)
LPN : ทยอยสะสม เป้าหมาย 14.20 บาท
เราคงมุมมองเชิงบวกจากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มกำลังซื้อระดับกลาง ซึ่งกลุ่มอสังหาถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ทางอ้อม
คาดผลประกอบการ LPN ได้ผ่านจุดต่ำแล้วไปแล้วในไตรมาส 3 และคาดผลประกอบการเติบโตเด่น QoQ ในไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงในไตรมาสหนึ่งปีหน้า โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะกลับมาสู่ระดับปกติ (บริเวณ 30-31%) จากการรับรู้รายได้จากโครงการ บางนา, parkbeach และอื่นๆ
ราคาหุ้น Laggard กลุ่มอยู่สูงกว่า 11% ในขณะราคาปัจจุบันคิดเป็น PER18 เพียง 10เท่า พร้อมปันผลสูงกว่า 5.2% ในขณะที่หากเราเปรียบเทียบ Scorecard โดยวัดจาก อัตราการเติบโต , การเติบโต presale, ฐานะทางการเงิน เงินปันผล และอื่นๆ จะพบว่า LPN ได้คะแนนอยู๋ใน Top rank ของ Maybank Kimeng
Trading idea – – ทยอยสะสมกลุ่ม Out of home media อย่าง VGI (7.00) , MACO (2.42) และกลุ่ม Logistic (WICE)
Technical View
แรงซื้อกลับที่เร็วทำให้ลุ้นผ่านต้าน 1720: ดัชนีแกว่ง Sideway เกือบทั้งวัน แต่ในช่วงท้ายตลาดมีแรงซื้อจากหุ้นกลุ่ม Big Cap. โดยเฉพาะจากกลุ่มพลังงาน จากแรงซื้อกลับที่รวดเร็ว ทำให้เกิดแท่งเทียนหางยาว ส่งสัญญาณเชิงบวกระยะสั้น พร้อมกับ MACD ที่ยังคงเป็นสัญญาณซื้อ ทำให้คาดว่าดัชนีมีโอกาสผ่านแนวต้านที่ 1720 และขึ้นทดสอบ High ของปีนี้ที่ 1730 กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: Let Profit Run และพิจารณาแรงขายตามแนวต้านเป็นขั้นๆ 2) ไม่มีหุ้น: หากอ่อนตัวสู่แนวรับ มองเป็นโอกาสสะสมหรือ Trading ระหว่างวัน
แนวรับ : 1713, 1710 แนวต้าน : 1720, 1730
แนวรับ : 1713, 1710 แนวต้าน : 1720, 1730
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : จับตาส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว-สั้นของสหรัฐปรับตัวลงอย่างมาก (Flattening yield curve) / จับตาการหารือประเด็นภาษีระหว่าง ส.ว. และ ส.ส. สหรัฐ
ปัจจัยในประเทศ : จับตากระทรวงพาณิชย์เร่งแก้ปัญหาปาล์ม / จับตาปัญหาการประมงไทย / ประชุมกนง วันที่ 20 ธ.ค. /
ปัจจัยต่างประเทศ : จับตาส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว-สั้นของสหรัฐปรับตัวลงอย่างมาก (Flattening yield curve) / จับตาการหารือประเด็นภาษีระหว่าง ส.ว. และ ส.ส. สหรัฐ
ปัจจัยในประเทศ : จับตากระทรวงพาณิชย์เร่งแก้ปัญหาปาล์ม / จับตาปัญหาการประมงไทย / ประชุมกนง วันที่ 20 ธ.ค. /
หุ้นเทคนิค:
AOT (B 63.00, Tp 66.00, Cut 62.00)
PTT (B 428.00, Tp 440.00, Cut 422.00)
AOT (B 63.00, Tp 66.00, Cut 62.00)
PTT (B 428.00, Tp 440.00, Cut 422.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO3693
Research Department Tel. 02-658-5000
OO3693