WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily 
 
SET INDEX
  เริ่มเลือกทางที่ชัดเจนขึ้น มีโอกาสฝ่ากรอบสามเหลี่ยม เพื่อขึ้นทดสอบ 1730 จุด อีกครั้งในอนาคตอันใกล้
 กรอบการเคลื่อนที่ 1710-1720
   ดัชนีวานนี้เริ่มเลือกทิศทางที่ชัดเจนขึ้น โดยการขยับกรอบการเคลื่อนเดิมที่ในลักษณะยก High-Low (1707-1716) ซึ่งจะเห็นว่า High 1716 จุด ชนกรอบบนของสามเหลี่ยมพอดี พร้อมกับทำปิดที่ใกล้จุดสูงสุดของวันที่ 1714 จุด ประกอบกับสัญญาณในเชิงบวกจาก MACD ที่สามารถตัด Signal ขึ้นได้ในวันแรก ส่งผลให้แนวโน้มดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นฝ่ากรอบสามเหลี่ยม เพื่อขึ้นทดอสอบ 1730 จุดอีกครั้ง
  แนวรับ 1705-1710
  แนวต้าน 1718-1721 // 1726
Technical Analyst :  พรรณนภา  เขมะสุรัตน์ // เลยทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell 

"ฝรั่งขาย (ไทยซื้อ)… ต่อ "
          ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯในวันนี้จะสามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้จากวันก่อน และยังมีโอกาสที่จะแตะระดับ 1,730 จุดได้ในช่วงสัปดาห์หน้าจากแรงหนุนของปัจจัยในประเทศ (การเมือง-เศรษฐกิจ) และการรอคอยผลประชุม Fed ที่ผ่านไปแล้ว   .... ภาพต่างประเทศ มองว่าเป็นบวกต่อเนื่อง ประเด็นเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯที่ชัดเจนและไม่รีบเร่งขึ้นดอกเบี้ย และคาดมาตรการลดภาษีทรัมป์จะสามารถผ่านมติได้ก่อนช่วงคริสต์มาส ซึ่งจะเป็นแรงหนุนสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ต่อ .... ในประเทศในวันนี้ ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาในตลาดมากนัก ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบสกุลหลัก ซึ่งเรามองว่าหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งมีมากกว่าหุ้นที่ได้ผลลบ .... แม้นักลงทุนต่างชาติยังมีทิศทางการขายหุ้นต่อเนื่อง แต่ยังมองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงได้แรงหนุนจากผลของ LTF-RMF ในช่วงปลายปีมาพยุงตลาดไว้
          กลยุทธ์การลงทุน : เนื่องด้วยมุมมองภาพตลาดในวันนี้ที่เป็นบวก และคาดว่าจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์หน้า .... กลยุทธ์ลงทุน จึงแนะนำให้เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร โดยการเข้าลงทุน (ซื้อ) ยังต้องเลือกเป็นรายตัว เน้นหุ้นอิงเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว, หุ้นที่มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับตลาดหุ้น, หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว, และเก็งกำไรในหุ้นที่ได้มีการเข้า SET 50, SET 100 วันนี้ เราให้ความสนใจกับ WHA เนืองจากได้ประโยชน์จาก EEC ด้วย
          หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน:   สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ  PTTGC*, CPALL, THANI, WHA*
          หุ้นแนะนำทางเทคนิค:  SKY, BCPG, SEAFCO    
          * เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
          (+) EKH โกยดีมานด์จีน เตรียมเปิดศูนย์เด็กหลอดแก้วต้นปี 2018 หนุนการเติบโต
 
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
          ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (14 ธ.ค.) - ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,714.99 จุด เพิ่มขึ้น 8.06 จุด หรือ +0.47% มูลค่าการซื้อขาย 47,399.42 ล้านบาท แม้ต่างชาติยังคงมีสถานะเป็นขายสุทธิ แต่มองว่าด้วยแนวโน้มปัจจัยต่างประเทศที่ดีขึ้นและแรงซื้อหุ้นจาก LTF-RMF ตลาดหุ้นไทยจึงสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้
          ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,508.66 จุด ลดลง 76.77 จุด หรือ -0.31% ปรับตัวลงจากรายงานที่ว่าฒิสมาชิก 2 รายจากพรรครีพับลิกันได้ออกมาส่งสัญญาณว่าจะไม่ลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับนี้  ....  แต่ด้านตลาดหุ้นยุโรป Stoxx Europe 600 ลดลง -0.5% ปิดที่ 388.91 จุด
          ราคาน้ำมันดิบ - สัญญาน้ำมันดิบ WTI พิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 57.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มค่อนข้างผันผวน การปรับตัวขึ้นในวันนี้มาจากแรงหนุนจากที่ EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4
 
ปัจจัยต่างประเทศ
          (+) ธนาคารกลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และคงปริมาณ QE - ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ตามทีตลาดคาด และประกาศคงวงเงินใน QE ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนจนถึงสิ้นปีนี้ และลดลงสู่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือนม.ค.ปีหน้าจนถึงเดือนก.ย.ปีหน้า อย่างไรก็ดี ECB ระบุว่า ธนาคารอาจจะขยายเวลาโครงการซื้อพันธบัตรเกินกว่าเดือนก.ย.ปีหน้า หากมีความจำเป็น
          (+) คาดมาตรการลดภาษีทรัมป์จะผ่านมติได้ก่อนช่วงคริสต์มาส - แม้จะมีความกดดันจากการที่ วุฒิสมาชิก 2 รายจากพรรครีพับลิกันได้ออกมาส่งสัญญาณว่าจะไม่ลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม วานนี้ ปธน. ทรัมป์ เปิดเผยว่า สภาคองเกรสสหรัฐใกล้จะอนุมัติร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีในเร็วๆนี้ โดยหลังจากนี้ สมาชิกสภาคองเกรสจะทำการโหวตร่างกฎหมายฉบับสุดท้ายนี้ต่อไป ก่อนจะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนวันคริสต์มาส (25 ธ.ค.) นี้
 
ปัจจัยในประเทศ : 
          (+) ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง - ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับราว 32 บาทต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ค่าเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นๆ อย่างไรก็ตามเรามองประเด็นนี้เป็นบวกมากกว่าลบ เนื่องจากหุ้นที่จะได้รับผลบวก (โรงกลั่น) มีมากกว่าผู้เสียประโยชน์
          (-) นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นไทย - นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีสถานะเป็นขายสุทธิที่ 604 ล้านบาท คาดเป็นเพราะ valuation ของหุ้นไทยอยู่ในระดับสูง ประเด็นดังกล่าวยังเป็นลบต่อตลาดหุ้นไทย
          หุ้นที่จะเข้าร่วมงาน Opportunity Day ในวันนี้ได้แก่  ANAN, RJH, NWR. PORT
Fund Flow Analysis & Stock Rotation
# คำแนะนำหรือมุมมองของหุ้นแต่ละกลุ่มในเชิงกลยุทธ์  #
          ทิศทางของ Fund Flow ยังไปในทางบวกจากแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศ ทำให้เรามองเป้าหมาช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้าของ SET Index ไว้ที่ 1730 จุด  หุ้นที่ได้ประโยชน์  จะไปอยู่ที่หุ้น อิงทิศทางตลาด หรือหุ้นขนาดใหญ่ มี upside ในแต่ละกลุ่ม  อาทิ  BBL , PTT, CPALL ขณะที่ หุ้นกลาง-เล็ก แรงเก็งกำไรอาจลดลง จากเม็ดเงินที่ไหลไปหาหุ้นใหญ่
          Fed  ปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ตลาดมีความชัดเจนในเรื่องนโยบายของ Fed มากขึ้น ดูจะเป็นบวกต่อตลาด ธนาคารกลางจีน ปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม 0.05% ขณะที่ ECB-BOE คงดอกเบี้ย แต่  ECB ยังไม่ส่งสัญญาณยกเลิก QE แต่อาจขยายเวลาออกไปอีก  ค่าดอดล่าร์ฟื้นเทียบเงินยูโร  แต่ค่าเงินบาท นั้น กลายเป็นค่าเงินที่แข็งแกร่งขึ้น เทียบกับ ดอลล่าร์-เยน-ยูโร จากภาวะเกินดุลการค้าและเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรต่อเนื่อง  ล่าสุดเงินบาท 32.50 บาท/ดอลล่าร์  แม้จะทำให้กลุ่มส่งออกมีรายได้ลดลง แต่ผลบวกต่อตลาดยังไม่มีนัยยะมาก เนื่องด้วย เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ไปเป็นบวกต่อผู้กู้ดอลลล่าร์  ที่ส่วนใหญ่จะไปอยู่ในหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี
          การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะ โลหะ ปรับตัวสูงขึ้น LMEX LONDON METALS INDEX ขยับตัวขึ้นเกือบ 3% จากปลายสัปดาห์ก่อน และข่าวจีนจะลดกำลังการผลิตถ่านหิน บ่งชี้ทิศทางของราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมที่ยังดีต่อ ตามราคาน้ำมัน เป็นบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง อาทิ  LANNA  PSL และ TMT
Stock in Focus
หุ้น               เหตุผล
PTTGC(ราคาปิด 83.50)   เรามองว่า PTTGC มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ จากการเก็งกำไรของนักลงทุนที่มองว่า Spread ปิโตรเคมียังอยู่แนวโน้มที่ดี ราคา HDPE ที่ขึ้นมาประมาณ 3% QoQ ในช่วง 4Q17 ตามลำดับ  อีกทั้ง ค่าการกลั่นน้ำมันลดลง แต่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น เมื่อเทียบกับ 3Q-17……..   PTTGC มีแผนการขยายกำลังการผลิตในอนาคตอีกด้วย .... Bloomberg คาดการณ์กำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 34,997 ล้านบาท (+37% YoY) และปี 2018 ที่ 34,799 ล้านบาท (-1% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 89.26 บาท)
CPALL(ราคาปิด 76.50)   CPALL เป็นหุ้นที่น่าสนใจทั้งจากคาดการณ์ยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และได้รับผลบวกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้นและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น .... เราคาดว่า CPALL จะสามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่องในช่วง 4Q17 จากการที่ภาคบริโภคอยู่ในระดับสูงตามเทศกาล และมาตรการการจากภาครัฐมีส่วนในการกระตุ้นสนับสนุน เช่น ช็อปช่วยชาติ ….  KTBST คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ที่ 19,467 ล้านบาท (+17% YoY) และปี 2018 ที่ 22,388 ล้านบาท (+15% YoY) โดยเราคาดว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้อย่างต่ำปีละ 700 สาขา และจะสามารถถึงเป้าหมาย 13,000 สาขาได้ในปี 2021 ....  (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 84.00 บาท)
THANI(ราคาปิด 10.10)   เรามองว่ามาตรการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่จะมีมากขึ้นและการขยายตัวด้านธุรกิจขนส่งในอนาคตจะช่วยส่งผลบวกให้ยอดสินเชื่อรถบรรทุก.ซึ่ง THANI มีสัดส่วนรายได้สูงที่ 70% ได้รับผลบวก ....  KTBST คาดกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2017 ที่ 1,119 ล้านบาท (+27% YoY) และปี 2018 ที่ 1,401 ล้านบาท (+24% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 11.00 บาท)
WHA(ราคาปิด 3.80)    มองว่า WHA ยังได้รับแรงบวกต่อเนื่องจากการเข้า SET 50 ....อีกทั้งเรามองว่าช่วงปลายปี จะได้เห็นความคืบหน้าเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามา โดยคาดว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นเรื่องมาตรการ EEC ซึ่ง WHA เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มนิคมฯที่ได้รับผลบวกจากมาตรการดังกล่าว .... ผลประกอบการ WHA ช่วง 3Q17 ออกมาที่ 506 ล้านบาท (+1088% YoY, -48% QoQ) เติบโตสูงจากรายได้จากการให้สิทธิในการใช้พื้นที่นิคมฯ .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 2,913 ล้านบาท (+1% YoY) และปี 2018 ที่ 3,444 ล้านบาท (+18% YoY)  …. (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 4.21 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
          (+) EKH EKH ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ภายใต้ชื่อ โรงพยาบาลเอกชัย มีเตียงพร้อมให้บริการ 86 เตียง และห้องตรวจ 38 ห้อง คาดกำไรสุทธิ 4Q17 จะเติบโต YoY โดดเด่น แต่อ่อนตัวลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2017 อยู่ที่ระดับ 89 ล้านบาท เติบโต 19% YoY มองกำไรสุทธิในปี 2018 จะสามารถเติบโตมาอยู่ที่ 98 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9% YoY จากการเปิดศูนย์เด็กหลอดแก้ว หรือ IVF อย่างเป็นทางการในเดือน ก.พ. 18 และคาดกำไรสุทธิปี 2019 อยู่ที่ 128 ล้านบาท เติบโต 31% YoY จากศูนย์ IVF ที่เริ่มทำกำไรมากขึ้น และการขึ้นอาคารศูนย์กุมารเวช ซึ่งเป็นห้องพักผู้ป่วยในสำหรับเด็กเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีการลงทุนหนักๆ ในอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ เราเริ่มต้นให้คำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 6.00 บาท (ใช้ DCF อิง WACC=9.1%, Terminal Growth=3%) โดยมี CAGR ของกำไรสุทธิช่วง 2016 - 2017 ที่ 19%
Source: KTBST Research
         
Analyst :   Mongkol Puangpetra
          License No: 001937  
          +662 648 1123
          [email protected]
          Nontapat Rushtasomboon
          License No: 081447  
          +662 648 1127
          [email protected]
OO3638

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!