- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 December 2017 19:13
- Hits: 5402
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> ซื้อหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัวในแดนบวกได้ตามคาดโดยปรับตัวบวกขึ้น 8.06 จุด ณ สิ้นวันขึ้นมาปิดแตะระดับ 1,715 จุด โดยมีแรงซื้อเข้ามาหนุนหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 อีก 602 ลบ. (แต่พลิกมา Net Long ใน Index Futures 4,771 สัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเป็นวันที่ 8 อีกถึง 1,470 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,705-1,720 จุด หลัง ECB คงนโยบายการเงินตามคาดพร้อมส่งสัญญาณว่าอาจขยายระยะเวลาและวงเงิน QE หากจำเป็น รวมถึงปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ขึ้น แต่ตลาดไม่ได้ตอบรับในเชิงบวก ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯมีแรงกดดันหลังวุฒิสภาของพรรครีพับลิกัน 2 รายอาจไม่สนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีซึ่งทำให้การปรับขึ้นของดัชนียังถูกกดดัน อย่างไรก็ตามเรายังมองจังหวะอ่อนตัวของตลาดเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานจากเศรษฐกิจไทยที่โตเร่งตัว รวมถึงแรงซื้อของสถาบันในประเทศจากเม็ดเงิน LTF/RMF ช่วงปลายปี ส่วนวันนี้น่าจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นที่ถูกปรับน้ำหนักในดัชนี FTSE
กลยุทธ์ : ซื้อหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, CMO, EPG, MINT, ROBINS
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$319ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$313ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$19ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลัง ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและส่งสัญญาณพร้อมขยายวงเงิน QE หากมีความจำเป็น
กลยุทธ์วันนี้ >> ซื้อหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัวในแดนบวกได้ตามคาดโดยปรับตัวบวกขึ้น 8.06 จุด ณ สิ้นวันขึ้นมาปิดแตะระดับ 1,715 จุด โดยมีแรงซื้อเข้ามาหนุนหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 อีก 602 ลบ. (แต่พลิกมา Net Long ใน Index Futures 4,771 สัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเป็นวันที่ 8 อีกถึง 1,470 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,705-1,720 จุด หลัง ECB คงนโยบายการเงินตามคาดพร้อมส่งสัญญาณว่าอาจขยายระยะเวลาและวงเงิน QE หากจำเป็น รวมถึงปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ขึ้น แต่ตลาดไม่ได้ตอบรับในเชิงบวก ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯมีแรงกดดันหลังวุฒิสภาของพรรครีพับลิกัน 2 รายอาจไม่สนับสนุนร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีซึ่งทำให้การปรับขึ้นของดัชนียังถูกกดดัน อย่างไรก็ตามเรายังมองจังหวะอ่อนตัวของตลาดเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานจากเศรษฐกิจไทยที่โตเร่งตัว รวมถึงแรงซื้อของสถาบันในประเทศจากเม็ดเงิน LTF/RMF ช่วงปลายปี ส่วนวันนี้น่าจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นที่ถูกปรับน้ำหนักในดัชนี FTSE
กลยุทธ์ : ซื้อหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, CMO, EPG, MINT, ROBINS
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$319ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$313ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$19ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลัง ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและส่งสัญญาณพร้อมขยายวงเงิน QE หากมีความจำเป็น
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> PT <<
ราคาหุ้นเริ่มสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการได้ดีขึ้น แต่เมื่อคิดเป็น PE2018 ยังต่ำเพียง 10 เท่า และปันผลยังสูง 5% ต่อปี อีกทั้ง ถ้าเทียบกับ AIT ที่ทำธุรกิจ SI เหมือนกัน ถือว่ายัง laggard โดย PT +17% YTD น้อยกว่า AIT ที่ +21% YTD
เราคาดกำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่ตั้งแต่ 4Q17 ที่ 69 ลบ. +48% Q-Q จากการเร่งปิดงานไอทีของลูกค้าเพื่อนำค่าใช้จ่ายไปหักก่อนคำนวณภาษี 1.5 เท่า ทำให้กำไรทั้งปีนี้พลิกมาโต 4% Y-Y ที่ 170 ลบ. ก่อนจะโตอีก 10% Y-Y อยู่ที่ 187 ลบ. ในปีหน้า จากการเร่งลงทุนด้านไอทีของกลุ่มแบงก์
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.80 บาท โดยเรามีข้อสังเกตเพิ่มเติมตรงที่ ราคาหุ้นดีดยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกระดับทั้งภาพรายวันและรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ซึ่งพฤติกรรมในอดีตที่เกิดรูปแบบนี้ 5 ครั้งใน 3 ปี บ่งชี้ว่าราคามักปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงตามมารอบละ 15-30%
ราคาหุ้นเริ่มสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการได้ดีขึ้น แต่เมื่อคิดเป็น PE2018 ยังต่ำเพียง 10 เท่า และปันผลยังสูง 5% ต่อปี อีกทั้ง ถ้าเทียบกับ AIT ที่ทำธุรกิจ SI เหมือนกัน ถือว่ายัง laggard โดย PT +17% YTD น้อยกว่า AIT ที่ +21% YTD
เราคาดกำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่ตั้งแต่ 4Q17 ที่ 69 ลบ. +48% Q-Q จากการเร่งปิดงานไอทีของลูกค้าเพื่อนำค่าใช้จ่ายไปหักก่อนคำนวณภาษี 1.5 เท่า ทำให้กำไรทั้งปีนี้พลิกมาโต 4% Y-Y ที่ 170 ลบ. ก่อนจะโตอีก 10% Y-Y อยู่ที่ 187 ลบ. ในปีหน้า จากการเร่งลงทุนด้านไอทีของกลุ่มแบงก์
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.80 บาท โดยเรามีข้อสังเกตเพิ่มเติมตรงที่ ราคาหุ้นดีดยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกระดับทั้งภาพรายวันและรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ซึ่งพฤติกรรมในอดีตที่เกิดรูปแบบนี้ 5 ครั้งใน 3 ปี บ่งชี้ว่าราคามักปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงตามมารอบละ 15-30%
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ECB ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมที่ 0% และ -0.4% สำหรับดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินนำมาฝากกับ ECB โดยยังตั้งเป้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนจนถึงสิ้นปีนี้ ก่อนจะลดลงเหลือ 3 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนตั้งแต่ ม.ค.-ก.ย. 18 และเปิดช่องต่ออายุมาตรการหากมีความจำเป็น ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อยเพราะเป็นไปตามตลาดคาด ส่วนผลกระทบต่อเงินสกุลสำคัญและสินทรัพย์ลงทุนค่อนข้างจำกัด แต่การปรับประมาณการ GDP ขึ้นของ ECB จะช่วยหนุนเศรษฐกิจและราคาสินทรัพย์เสี่ยงในระยะต่อไป
(0) กกพ. ประกาศผล SPP Hybrid Firm มีผู้ได้รับคัดเลือก 17 โครงการ รวม 300 MW จากกำลังการผลิตติดตั้งรวม 434.60 MW บริษัทในตลาดที่ได้คือ SUPER 16 MW และ PSTC 23.4 MW ราคาประมูลขายไฟจะ discount จากราคาเริ่มที่ 3.66 บาทต่อหน่วย แนวโน้มอัตราผลตอบแทนจึงไม่น่าสูงนัก
(+) MODERN ได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานมูลค่าบ้านและคอนโดสร้างใหม่งวด 11M17 ที่เพิ่มขึ้น 14% Y-Y ซึ่งเพิ่มมากกว่าจำนวนยูนิตที่เพิ่มเพียง 3% Y-Y สะท้อนว่าเจ้าของโครงการมีการเปิดตลาดบ้านและคอนโดฯ ระดับบนที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ MODERN มากกว่าระดับกลาง-ล่าง เราคาดกำไรปกติ 4Q17 +12% Y-Y อยู่ที่ 75 ลบ. ส่วนกำไรปีนี้และปีหน้าคาด +12% Y-Y และ +47% Y-Y ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 15 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 18 เท่า แถมปันผลสูง 6% ต่อปี แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.80 บาท
(+) FSMART ราคาหุ้นปรับลงจนอยู่ในระดับที่น่าซื้ออีกครั้ง ราคาหุ้นที่ปรับลงมาน่าจะเป็นการปรับพอร์ตของนักลงทุนบางกลุ่ม แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง การขยายตู้บุญเติมยังขยายตัวดีทำให้กำไร 4Q17 น่าจะเพิ่มขึ้น Q-Q ประมาณการกำไรปีนี้ที่เราคาด +35% Y-Y อาจต่ำไปเล็กน้อย ส่วนกำไรปี 2018 เรายังคาด +28% Y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE เพียง 17 เท่าในปีหน้า และคิดเป็น PEG เพียง 0.6 เท่า แนะนำซื้อ คงราคาเป้าหมายที่ 23.50 บาท
(0) ECB ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมที่ 0% และ -0.4% สำหรับดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินนำมาฝากกับ ECB โดยยังตั้งเป้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนจนถึงสิ้นปีนี้ ก่อนจะลดลงเหลือ 3 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนตั้งแต่ ม.ค.-ก.ย. 18 และเปิดช่องต่ออายุมาตรการหากมีความจำเป็น ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อยเพราะเป็นไปตามตลาดคาด ส่วนผลกระทบต่อเงินสกุลสำคัญและสินทรัพย์ลงทุนค่อนข้างจำกัด แต่การปรับประมาณการ GDP ขึ้นของ ECB จะช่วยหนุนเศรษฐกิจและราคาสินทรัพย์เสี่ยงในระยะต่อไป
(0) กกพ. ประกาศผล SPP Hybrid Firm มีผู้ได้รับคัดเลือก 17 โครงการ รวม 300 MW จากกำลังการผลิตติดตั้งรวม 434.60 MW บริษัทในตลาดที่ได้คือ SUPER 16 MW และ PSTC 23.4 MW ราคาประมูลขายไฟจะ discount จากราคาเริ่มที่ 3.66 บาทต่อหน่วย แนวโน้มอัตราผลตอบแทนจึงไม่น่าสูงนัก
(+) MODERN ได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานมูลค่าบ้านและคอนโดสร้างใหม่งวด 11M17 ที่เพิ่มขึ้น 14% Y-Y ซึ่งเพิ่มมากกว่าจำนวนยูนิตที่เพิ่มเพียง 3% Y-Y สะท้อนว่าเจ้าของโครงการมีการเปิดตลาดบ้านและคอนโดฯ ระดับบนที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ MODERN มากกว่าระดับกลาง-ล่าง เราคาดกำไรปกติ 4Q17 +12% Y-Y อยู่ที่ 75 ลบ. ส่วนกำไรปีนี้และปีหน้าคาด +12% Y-Y และ +47% Y-Y ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 15 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 18 เท่า แถมปันผลสูง 6% ต่อปี แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.80 บาท
(+) FSMART ราคาหุ้นปรับลงจนอยู่ในระดับที่น่าซื้ออีกครั้ง ราคาหุ้นที่ปรับลงมาน่าจะเป็นการปรับพอร์ตของนักลงทุนบางกลุ่ม แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง การขยายตู้บุญเติมยังขยายตัวดีทำให้กำไร 4Q17 น่าจะเพิ่มขึ้น Q-Q ประมาณการกำไรปีนี้ที่เราคาด +35% Y-Y อาจต่ำไปเล็กน้อย ส่วนกำไรปี 2018 เรายังคาด +28% Y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE เพียง 17 เท่าในปีหน้า และคิดเป็น PEG เพียง 0.6 เท่า แนะนำซื้อ คงราคาเป้าหมายที่ 23.50 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15 ธ.ค. - สหรัฐฯ: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (พ.ย.), ดัชนีภาคการผลิตของ Empire State (ธ.ค.)
18 ธ.ค. - ญี่ปุ่น: ดุลการค้า (พ.ย.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ย.)
19 ธ.ค. - สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ (พ.ย.)
21 ธ.ค. - ไทย: VCOM เริ่มซื้อขายวันแรก
26 ธ.ค. - ไทย: DDD เริ่มซื้อขายวันแรก
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดลบ โดยสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีหลังมีวุฒิสมาชิกออกมาไม่สนับสนุนมาตราการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตัวเลขคนว่างงาน และ ยอดค้าปลีกที่ออกมาดีกว่าคาดทำให้ดัชนีไม่ปรับลดลงมาก
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เนื่องจาก ECB ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และ ส่งสัญญาณขยายวงเงิน QE หากแนวโน้มเศรษฐกิจแย่ลง
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบตามทิศทางตลาดโลกจากความไม่แน่นอนของมาตราการภาษีสหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัว sideway ในกรอบแคบๆ โดยล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 32.49-32.53 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดบวก 0.44 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 57.04 ดอลลาร์/บาร์เรล จากประเด็นท่อขนส่งน้ำมันในอังกฤษหยุดให้บริการกระทันหัน และ รายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของ EIA ที่ลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดบวก 8.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,257.10 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และ ตลาดหุ้นที่ขยับลงจากความไม่แน่นอนของมาตราการภาษีสหรัฐ
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO3634