- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 14 December 2017 17:42
- Hits: 19112
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อเล่นรอบเมื่อ SET เหนือ 1700”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปิด +4.76 จุดที่ 1706.93 แม้ว่าจะมีการขายหุ้นกลาง-เล็กออกมาหลายบริษัทแต่ก็มีแรงหนุนจากการเลือกซื้อหุ้น Big Cap มาช่วยพยุงตลาด สถาบันในปท.ซื้อสุทธิต่อ 3 พันลบ. ต่างชาติ & รายย่อยขายสุทธิ
ปัจจัยวันนี้ – ต่างประเทศ เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 25bps เป็น 1.5% ตามคาด...และมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP growth ปี 61-63 ขึ้นเป็น 2.5%, 2.1% และ 2.0% ดีขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 2.1%, 2.0% และ 1.8% ตามลำดับ และยังคงส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 61 สำหรับการรวมร่างปฎิรูปกฎหมายภาษีทรัมป์ดูว่ามีความคืบหน้าดีและมีโอกาสประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ค่าเงิน US$ กลับมาอ่อนค่าหลังจบการประชุมเฟด (บาทก็แข็งค่าขึ้น)
ส่วนในประเทศ ตลาดฯประกาศรายชื่อหุ้นที่เข้ามาคำนวณใน SET50 คือ BCP, BEAUTY, CENTEL, TPIPP, SAWAD, WHA ส่วนหุ้นที่ออกจากการคำนวณ SET50 คือ BLA, DELTA, GLOW, RATCH, SCCC, TPIPL หุ้นที่เข้ามาคำนวณใน SET100 คือ ESSO, GGC, HANA, JMART, JWD, MC, ORI, PSL, SGP, STA, TPIPP, UV, WHAUP ส่วนหุ้นที่ออกจากการคำนวณ SET100 คือ BLA, DELTA, GLOW, LHBANK, MALEE, PLANB, PTL, RATCH, S, SCCC, STPI, THANI, VGI และหุ้นที่เข้ามาคำนวณใน SETHD คือ ADVANC, BA, BLAND, HANA, INTUCH, LH, MC, PTT ส่วนหุ้นที่ออกจากการคำนวณ SETHD คือ AMATA, DELTA, GLOW, KBANK, LHBANK, ROBINS, STPI, THANI…หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้ามาคำนวณใน SET50 หรือ SET100 ก็จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น ส่วนหุ้นที่ถูกคัดออกก็อาจจะถูกลดการลงทุนลง
สำหรับ Theme ลงทุนช่วงเดือนธ.ค. เป็น 1. LTF Play – แนะซื้อสะสมหุ้น Big Cap ที่ได้ประโยชน์จาก LTF โค้งสุดท้าย ซึ่งหุ้น Big Cap ใน DBSV Coverage ที่แนะนำซื้อ คือ AOT, BEM, BBL, KBANK, TMB, HMPRO, IVL, PTTGC, LH, MINT, MTLS และ 2. High Dividend Yield Play – เพราะอีก 3-4 เดือนก็จะได้ปันผลสำหรับกำไรปี 60 แล้ว หุ้นปันผลเด่น เป็น KKP, KTB, LH, SENA, LALIN, DIF, TMT เป็นต้น
กลยุทธ์การลงทุน : ภาพตลาดเป็นบวก แนะนำ Follow buy เมื่อ SET ยืนเหนือ 1700 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1710,1720-1730 การอ่อนตัวต่ำกว่า 1700 จุดดูไม่ค่อยดี อาจลงไปที่แนวรับ 1680+/- จุดได้อีกรอบ หุ้นแนะนำรายสัปดาห์ (13-20 ธ.ค.60 เป็น MTLS – หุ้นเติบโต และ SENA - หุ้นปันผล ส่วนหุ้นแนะนำใน Wealth Perspective เดือนธ.ค.60 ประกอบด้วย หุ้นเติบโต MTLS, TMB หุ้นมูลค่า AMATA, BBL หุ้นปันผล KKP, SENA
ปัจจัยต่างประเทศ
+ เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด และปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP growth ปี 61-63 ขึ้น 0.1-0.4%
# คณะกรรมการ FOMC มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed fund rate) 25bps เป็น 1.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐสู่ระดับ 2.5% ในปีนี้ จาก 2.4% ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ย. ส่วนในปี 2561, 2562 และ 2563 อยู่ที่ระดับ 2.5%, 2.1% และ 2.0% ดีขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 2.1%, 2.0% และ 1.8% ตามลำดับ ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.8%
# เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 3 ครั้งในปี 2561 และอีก 3 ครั้งในปี 2562 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้
• สหรัฐ : ติดตามความคืบหน้าร่างกฎหมายปฎิรูปภาษี ซึ่งทรัมป์พยายามจะให้เสร็จภายในปีนี้
# จับตาความคืบหน้าในการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน โดยล่าสุดนายออร์ริน แฮทช์ ประธานคณะกรรมาธิการการเงินประจำวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และวุฒิสภาสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีแล้ว ส่งผลให้สภาคองเกรสมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะบรรลุข้อตกลงปฏิรูปภาษีภายในปีนี้
• เยอรมนี : ดัชนี CPI เดือนพ.ย. +1.8%YoY
# สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) รายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ปรับตัวขึ้น 0.3%MoM และ 1.8%YoY หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.6%YoY ในเดือนต.ค. ปัจจัยหนุน คือ ราคาพลังงานที่สูงขึ้น 3.7%YoY
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนีปรับขึ้นรับข่าวเฟดมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐใน 3 ปีข้างหน้า
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 24,585.43 จุด เพิ่มขึ้น 80.63 จุด หรือ +0.33% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,875.80 จุด เพิ่มขึ้น 13.48 จุด หรือ +0.20% แต่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,662.85 จุด ลดลง 1.26 จุด หรือ -0.05% เพราะมีการขายทำกำไรหุ้นธนาคารหลังเฟดยังส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยปีหน้าเหมือนเดิม
# ปัจจัยหนุน คือ คณะกรรมการเฟดมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงปี 61-63 โดยปรับประมาณการอัตราการเติบโตขึ้น 0.1-0.4% จากเดิม
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาอ่อนลงต่อ…กังวลสหรัฐผลิตน้ำมันดิบเพิ่ม
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 54 เซนต์ หรือ -1% ปิดที่ 56.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 90 เซนต์ หรือ -1.4% ปิดที่ 62.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
# EIA ระบุว่าการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้น 73,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 9.78 ล้านบาร์เรล/วัน ในสัปดาห์ที่แล้ว และระบุว่าสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล ด้านสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 902,000 บาร์เรล
# EIA ได้ออกรายงานคาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยในสหรัฐจะปรับตัวขึ้น 800,000 บาร์เรล/วัน แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2561
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาทองปิดบวก 6.9 ดอลลาร์
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 6.9 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ระดับ 1248.60 ดอลลาร์/ออนซ์
# ค่าเงิน US$ อ่อนลงเมื่อเทียบกับ 6 สกุลหลัง หลังจบการประชุมเฟดรอบ 12-13 ธ.ค.60 และคณะกรรมการปรับขึ้นดอกเบี้ย 25bps ตามคาด
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
• ตลาดฯประกาศรายชื่อหุ้นที่เข้า-ออกจากการคำนวณดัชนี SET50, SET100 และ SETHD ในช่วง 6M61
# หุ้นที่เข้ามาคำนวณใน SET50 ประกอบด้วย BCP, BEAUTY, CENTEL, TPIPP, SAWAD, WHA ส่วนหุ้นที่ออกจากการคำนวณ SET50 คือ BLA, DELTA, GLOW, RATCH, SCCC, TPIPL
# หุ้นที่เข้ามาคำนวณใน SET100 ประกอบด้วย ESSO, GGC, HANA, JMART, JWD, MC, ORI, PSL, SGP, STA, TPIPP, UV, WHAUP ส่วนหุ้นที่ออกจากการคำนวณ SET100 คือ BLA, DELTA, GLOW, LHBANK, MALEE, PLANB, PTL, RATCH, S, SCCC, STPI, THANI, VGI
# หุ้นที่เข้ามาคำนวณใน SETHD ประกอบด้วย ADVANC, BA, BLAND, HANA, INTUCH, LH, MC, PTT ส่วนหุ้นที่ออกจากการคำนวณ SETHD คือ AMATA, DELTA, GLOW, KBANK, LHBANK, ROBINS, STPI, THANI
# การคัดเลือกหุ้นที่นำมาคำนวณใน SET50 & SET100 พิจารณาจากมูลค่าการตลาด (Market Cap) และปริมาณ & สภาพคล่องในการซื้อขายเป็นหลัก ไม่ได้พิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานหรืองบการเงินของบริษัทโดยตรง อย่างไรก็ตาม หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้ามาคำนวณใน SET50 หรือ SET100 ก็จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น ส่วนหุ้นที่ถูกคัดออกก็อาจจะถูกลดการลงทุนลง
+ CPALL (ราคาปิด 75.25 บาท) : อยู่ในฤดูการบริโภค…คาดกำไร 4Q60 แข็งแกร่ง
# คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิ 4Q60 จะเติบโตต่อเนื่องจาก 3Q60 ที่มีกำไรสุทธิ 4.97 พันล้านบาท (+21%YoY) เพราะไตรมาส 4 เป็นช่วงฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยและบริโภค ยอดขายสาขาเดิม หรือ SSSG มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นได้ต่อจากไตรมาสก่อนหน้า สำหรับการเปิดสาขาใหม่ปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ประมาณ 700 แห่ง ส่วนปี 61 มีแผนเปิดสาขาเพิ่มต่อเนื่องรวมทั้งจะลงทุนในระบบไอทีและระบบการจัดการข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการหมุนเวียนของสินค้า สินค้าคงคลัง และระบบโลจิสติกส์ เพิ่มเติม เพื่อทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัทมีเป้าหมายจำนวนสาขา 13,000 แห่ง ภายในปี 64
# ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์กำไรสุทธิปี 60-61 เติบโต 17% และ 18% ตามลำดับ แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐานปี 61 เท่ากับ 84 บาท
# การวิเคราะห์ทางเทคนิค แนะนำ Follow buy ด้วยค่าบวกของราคาหุ้น (ราคาปิดเมื่อวานนี้ 75.25 บาท) โดยมีแนวต้านระยะสั้น 76, 77-78 บาท และ Stop loss ถ้าต่ำกว่า 74 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO3578