- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 December 2017 20:27
- Hits: 9767
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“Selective Buy เมื่อ SET เหนือ 1700”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : KCE (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : วันศุกร์ SET ปิด +3.15 จุดที่ 1706.52 นำโดยกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี เพราะราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้นจากความเสี่ยงเรื่องความขัดแย้งในตะวันออกกลางมีมากขึ้นหลังจากทรัมป์ประกาศรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงประเทศอิสราเอล สถาบันในประเทศนำซื้อสุทธิต่อ 2.4 พันลบ. ต่างชาติ & รายย่อยขายสุทธิ
ปัจจัยวันนี้ – ต่างประเทศ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ของสหรัฐออกมาดีกว่าคาด (เพิ่ม 2.28 แสนตำแหน่งจากที่นักวิเคราะห์คาด 1.88 แสนตำแหน่ง อัตราว่างงานทรงตัวที่ 4.1%) และสภาคองเกรสสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อใช้ถึง 22 ธ.ค.นี้แล้ว จับตาผลประชุมเฟด 12-13 ธ.ค. ตลาดคาดจะขึ้นดอกเบี้ย 25bps เป็น 1.50% และการเมืองในตะวันออกกลาง สำหรับเหตุก่อการร้ายที่ไทม์สแควร์ แมนฮันตัน กระทบบรรยากาศการลงทุนแต่ไม่มาก ด้านราคาน้ำมัน ระยะสั้นมีโมเมนตัมดี ล่าสุดมีข่าวว่าจะมีปิดซ่อมท่อส่งน้ำมัน Forties ในทะเลเหนือหลายสัปดาห์ (ปกติขนส่ง 4.5 แสนบาร์เรล/วัน) ซึ่งหนุน Sentiment หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี
ส่วนในประเทศ เงินบาทเริ่มอ่อนค่าลง เพราะเงิน US$ ทยอยแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็น Sentiment บวกกับกลุ่มส่งออก หุ้นเด่นเป็น HANA, KCE ด้านรมว.คลังระบุว่าได้ออกประกาศให้นำเบี้ยประกันสุขภาพมาลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท/ปี และเมื่อรวมกับค่าลดหย่อนประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 1 แสนบาท โดยใช้กับเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายตั้งแต่ 1 ม.ค.60 เป็นบวกกับกลุ่มประกัน หุ้นเด่นคือ BLA นอกจากนั้นรัฐบาลกำลังพิจารณาให้นำค่าท่องเที่ยวในประเทศปี 61 มาลดหย่อนภาษีได้ เบื้องต้นคาดว่าวงเงินอยู่ที่ 1.5 หมื่นบาท/คน/ปี ซึ่งเป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยว & ค้าปลีก หุ้น Top picks คือ AOT (TP 68 บาท) และ CPALL (TP 84 บาท) นอกจากนั้นแรงซื้อ LTF ยังช่วยพยุงตลาดเดือนนี้ต่อ Theme ลงทุนช่วงธ.ค.ของ DBSV เป็น 1. LTF Play – แนะซื้อสะสมหุ้น Big Cap ที่ได้ประโยชน์จาก LTF โค้งสุดท้าย ซึ่งหุ้น Big Cap ใน DBSV Coverage ที่แนะนำซื้อ คือ AOT, BEM, BBL, KBANK, TMB, HMPRO, IVL, PTTGC, LH, MINT, MTLS และ 2. High Dividend Yield Play – เพราะอีก 3-4 เดือนก็จะได้ปันผลสำหรับกำไรปี 60 แล้ว หุ้นปันผลเด่น เป็น KKP, KTB, LH, SENA, LALIN, DIF, TMT เป็นต้น
หุ้นแนะนำ – AMATA เป็นหุ้นที่มีแนวโน้มดี ทั้งจากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค & ไฟฟ้า หนุนโดยการลงทุนที่ฟื้นตัวและจะเริ่มเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในโครงการ EEC ตั้งแต่กลางปี 61 นอกจากนั้นราคาหุ้น 25.50 บาทยังต่ำกว่า NAV ที่ 30 บาทอยู่ 15%
กลยุทธ์ : ภาพตลาดเป็นบวก แนะนำ Follow buy เมื่อ SET ยืนเหนือ 1700 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1710,1720-1730 การอ่อนตัวต่ำกว่า 1700 จุดดูไม่ค่อยดี อาจลงไปที่แนวรับ 1680+/- จุดได้อีกรอบ หุ้นแนะนำใน Wealth Perspective เดือนธ.ค.60 ประกอบด้วย หุ้นเติบโต MTLS, TMB หุ้นมูลค่า AMATA, BBL หุ้นปันผล KKP, SENA
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ : เกิดก่อการร้ายย่านไทม์สแควร์ เมืองแมนฮัตตัน เมื่อวานนี้
# เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.20 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 19.20 น.ตามเวลาไทย เมื่อวานนี้ ใกล้กับสถานีรถขนส่งในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นสถานีที่มีจำนวนรถขนส่งคับคั่งที่สุดในโลก ขณะที่ตำรวจได้ทำการอพยพประชาชนออกจากสถานีรถไฟใต้ดินในบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ รายงานระบุว่า ตำรวจนิวยอร์กสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งเป็นชายวัย 27 ปี
•/+ ค่าเงิน US$ กลับมาแข็งขึ้นเมื่อใกล้ประชุมเฟด 12-13 ธ.ค.นี้ ทำให้เงินบาทอ่อนลง...เป็นบวกกับหุ้นส่งออก
# ความกังวลเรื่องการแข็งค่าของเงินบาทผ่อนคลายลง เมื่อค่าเงิน US$ กลับมาทยอยแข็งค่าขึ้นเพราะใกล้การประชุม FOMC ในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ และตลาดประเมินว่าคณะกรรมการฯจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ 0.25% เป็น 1.50% (CME Group FedWatch ระบุโอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยการประชุมกลางธ.ค.60 นี้อยู่ที่ 90.2% ณ วันที่ 8 ธ.ค.60)
# ดัชนีค่าเงิน US$ แข็งขึ้นเป็น 93.9 จาก 92.6 เมื่อ 7 วันทำการก่อน ส่วนเงินบาททยอยอ่อนค่า โดยระยะสั้นเงินบาทมีโอกาสอ่อนแตะ 32.8+/- บาท/US$ (และถ้าผ่านบริเวณนี้ขึ้นไปได้ก็จะทดสอบแนวต่อไปที่ 33.1-33.3 บาท/US$)
# การอ่อนค่าของเงินบาทเป็น Sentiment บวกกับหุ้นกลุ่มส่งออก ซึ่งหุ้นเด่นกลุ่มส่งออกเราเป็น HANA, KCE โดยในส่วนของ HANA คาดการณ์ว่ากำไรปี 60 จะเติบโต 29% จากการฟื้นตัวของธุรกิจเซมิคอนดัคเตอร์ในตลาดโลก แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 55 บาท ส่วน KCE ในปี 60 ผลประกอบการอ่อนแอลงเพราะราคาวัตถุดิบทองแดงปรับขึ้น มีค่าใช้จ่ายและค่าเสื่อมเพิ่ม แต่คาดว่าปี 61 กำไรจะฟื้นตัวดีขึ้นได้เมื่อใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น แนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 94 บาท
+ สหรัฐ : ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ดีกว่าคาด
# ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนพ.ย. โดยปรับตัวขึ้น 228,000 ตำแหน่ง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 188,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
# ค่าแรงงานต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่ม 5 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.2%MoM (+2.5%YoY) ในเดือนพ.ย. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนต.ค.
+ สหรัฐ : สภาคองเกรสอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะใช้ถึง 22 ธ.ค.นี้
# ทรัมป์ได้ลงนามรับรองร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 22 ธ.ค. หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 235-193 และวุฒิสภาสหรัฐลงมติด้วยคะแนนเสียง 81-14 ให้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว
• สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐต่ำกว่าคาดในเดือนธ.ค. แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
# ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐอ่อนลงเป็น 96.8 ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะเพิ่มเป็น 99.0 หลังจากอยู่ที่ระดับ 97.8 ในเดือนพ.ย.
• จีน : ดัชนี PPI เดือนพ.ย. +5.8%YoY, CPI +1.7%YoY ชะลอลงจากเดือนต.ค.
# สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยายตัว 0.5%MoM และ 5.8%YoY ในเดือนพ.ย.ซึ่งลดลงจากการขยายตัว 6.9% ในเดือนต.ค. สำหรับ 11M60 ปรับขึ้น 6.4%YoY
# ด้านดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยายตัว 1.7%YoY แต่ลดลง 0.5%MoM ในเดือนพ.ย. ซึ่งลดลงจากการขยายตัว 1.9% ในเดือนต.ค. เพราะราคาอาหารต่ำลง โดยเฉพาะเนื้อหมูที่ลดลง 9%YoY
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปิดบวก 56.87 จุด
# ดัชนี DJIA ปิด 24,386.03 จุด +56.87 จุด หรือ +0.23% ดัชนี S&P500 ปิด 2,659.99 จุด +8.49 จุด หรือ +0.32% และ ดัชนี Nasdaq ปิด 6,875.08 จุด เพิ่ม +35.00 จุด หรือ +0.51% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และพลังงาน
# สำหรับเหตุก่อการร้ายย่านไทม์สแควร์ เมืองแมนฮัตตันของสหรัฐเมื่อวานนี้ และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 4 คน ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นไม่นานนักลงทุนก็คลายความตระหนก
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาขยับขึ้นต่อหลังจะมีการปิดซ่อมท่อส่งน้ำมัน Forties หลายสัปดาห์
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. +63 เซนต์ หรือ +1.1% ปิดที่ 57.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนก.พ. +1.29 ดอลลาร์ หรือ +2% ปิดที่ 64.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สำนักข่าวซี NBC รายงานว่าท่อส่งน้ำมัน Forties ในทะเลเหนือ จะปิดทำการเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ได้พบรอยแตกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยท่อส่งนำมันแห่งนี้สามารถลำเลียงน้ำมันได้ในปริมาณ 450,000 บาร์เรลต่อวัน จากบ่อน้ำมันนอกชายฝั่งของทะเลเหนือไปยังโรงกลั่นน้ำมันในสก็อตแลนด์
• ภาวะตลาดทองคำ : ปิดลบเล็กน้อย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. -1.50 ดอลลาร์ หรือ -0.1% ปิดที่ระดับ 1,246.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
+ เศรษฐกิจไทย : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพ.ย.60 ของไทยทำ New high รอบ 33 เดือน
# ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนพ.ย.60 สำรวจโดยม.หอการค้าไทย เพิ่มขึ้นทุกตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 78.0 จาก 76.7 เมื่อเดือน ต.ค. สูงสุดในรอบ 33 เดือน
# ปัจจัยหนุน คือ มาตรการช้อปช่วยชาติที่หมุนเศรษฐกิจให้คึกคัก โดยเฉพาะการจับจ่ายของชนชั้นกลาง และมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งคนฐานรากได้ประโยชน์ ประกอบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยรวมถึงการส่งออกดีเกินคาด
+ กลุ่มประกัน : กระทรวงการคลังออกประกาศนำเบี้ยประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท/ปี
# รมว.กระทรวงการคลังระบุว่าได้ออกประกาศให้นำเบี้ยประกันสุขภาพมาลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท/ปี และเมื่อรวมกับค่าลดหย่อนประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 1 แสนบาท โดยใช้กับเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายตั้งแต่ 1 ม.ค.60 ที่จะเริ่มยื่นแบบและชำระภาษีต้นปี 61
+ กลุ่มท่องเที่ยว : รัฐบาลกำลังพิจารณาให้นำค่าท่องเที่ยวปี 61 มาลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท
# นอกจากนั้นในปี 61 ทางรัฐบาลกำลังเตรียมออกมาตรการลดหย่อนภาษีจากการท่องเที่ยวในชุมชนและท้องถิ่นในประเทศ โดยคาดว่าจะนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวทั้งปี 61 มาหักลดหย่อนได้ 1.5 หมื่นบาท/คน/ปี ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฐานรากมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น
# นับเป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยวและค้าปลีกที่จะได้อานิสงค์ทางบวกจากการท่องเที่ยวที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้หุ้น Top picks ของเราเป็น AOT ราคาพื้นฐาน 68 บาท, CPALL ราคาพื้นฐาน 84 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO3484