- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 December 2017 17:10
- Hits: 9221
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 07-12-17
Market Summary 07-12-17
Close 1,703.37 Volume Bt47,567M
Change 8.98 P/E 18.47
%Change 0.53% P/BV 2.04
Change 8.98 P/E 18.47
%Change 0.53% P/BV 2.04
หุ้นแนะนำพิเศษ
BCH (ราคาปัจจุบัน 15.60 บาท Bloomberg Consensus 18.85 บาท)
3Q60 แสดงกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งกว่า 24.4%YoY มาที่ 302.57 ล้านบาท หลังได้รับผลบวกจากการปรับขึ้นจำนวนเงินสนับสนุนจากสำนักงานประกันสังคมในส่วนของค่าเหมาจ่ายรายหัว จากเดิมที่ 1,460 บาท ต่อราย เป็น 1,500 บาทต่อราย ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 60 เป็นต้นมา กอปรกับ WMC มีผลขาดทุนลดลง
เป็นหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่มีการคาดการณ์ผลประกอบการปี 60 จาก Bloomberg Consensus เติบโตสูงสุดที่ 18.6%YoY ซึ่งงวด 4Q60 น่าจะยังได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการทยอยมีผลขาดทุนลดลงของ WMC และเงินสนับสนุนจาก สปสช.ดังกล่าว และในปี 61 ภายหลังจากโอกาสในการพลิกเป็นกำไรเต็มปีเป็นปีแรกของ WMC คาดหนุนกำไรโตต่ออีก 17.1%YoY เป็น Upside ส่วนเพิ่มจากปัจจุบันในปีหน้า ด้าน Valuation อิง Bloomberg Consensus ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 18.85 บาท
หุ้นเริ่มซื้อขายวันแรก : HUMAN (ราคา IPO 4 บาท) SET : หมวด ICT
บมจ.ฮิวแมนิก้า ดำเนินธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านทรัพยากรบุคคลซึ่งประกอบด้วย 2 ธุรกิจหลัก คือ 1. ธุรกิจให้บริการงานด้านทรัพยากรบุคคลทั้งในส่วนของการรับช่วงบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและการจัดทำเงินเดือน การจำหน่ายและให้บริการติดตั้งระบบงานบริหารทรัพยการบุคคล สัดส่วน 75.3% ของรายได้รวม 2. ธุรกิจให้บริการด้านการบริหารจัดการ บัญชีและการเงินในส่วนการจำหน่ายและให้บริการติดตั้งระบบงานวางแผนทรัพยากรองค์กร และให้บริการจัดทำบัญชีและการเงิน สัดส่วนรายได้ 23.3% โดยงวด 9M60 มีรายได้รวม 349.2 ลบ. +46.3% YoY และกำไรสุทธิ 56 ลบ. +73.9% YoY
เงินทุนที่ได้จากการเสนอขาย IPO มูลค่า 691.8 ลบ. นำมาใช้ลงทุนและพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน 125 ลบ. ใช้ในผนการย้ายสำนักงานแห่งใหม่เพื่อให้สำนักงานทุกแห่งรวมที่เดียวกัน จำนวน 25 ลบ และการตั้ง Learning Center สำหรับพัฒนาบุคลากร จำนวน 20 ลบ. อีกทั้งเพื่อเป็นเงินลงทุนในธุรกิจที่สร้าง Synergy ให้กับกลุ่มบริษัท จำนวน 100 ลบ. ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 421.8 ลบ. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ราคา IPO คิดเป็น Current PER ที่ 28.57 เท่า เทียบกับบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกันมีค่า PER เฉลี่ยเท่ากับ 55.86 เท่า (PER หมวด ICT เท่ากับ 29.15 เท่า)
BCH (ราคาปัจจุบัน 15.60 บาท Bloomberg Consensus 18.85 บาท)
3Q60 แสดงกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งกว่า 24.4%YoY มาที่ 302.57 ล้านบาท หลังได้รับผลบวกจากการปรับขึ้นจำนวนเงินสนับสนุนจากสำนักงานประกันสังคมในส่วนของค่าเหมาจ่ายรายหัว จากเดิมที่ 1,460 บาท ต่อราย เป็น 1,500 บาทต่อราย ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 60 เป็นต้นมา กอปรกับ WMC มีผลขาดทุนลดลง
เป็นหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่มีการคาดการณ์ผลประกอบการปี 60 จาก Bloomberg Consensus เติบโตสูงสุดที่ 18.6%YoY ซึ่งงวด 4Q60 น่าจะยังได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการทยอยมีผลขาดทุนลดลงของ WMC และเงินสนับสนุนจาก สปสช.ดังกล่าว และในปี 61 ภายหลังจากโอกาสในการพลิกเป็นกำไรเต็มปีเป็นปีแรกของ WMC คาดหนุนกำไรโตต่ออีก 17.1%YoY เป็น Upside ส่วนเพิ่มจากปัจจุบันในปีหน้า ด้าน Valuation อิง Bloomberg Consensus ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 18.85 บาท
หุ้นเริ่มซื้อขายวันแรก : HUMAN (ราคา IPO 4 บาท) SET : หมวด ICT
บมจ.ฮิวแมนิก้า ดำเนินธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านทรัพยากรบุคคลซึ่งประกอบด้วย 2 ธุรกิจหลัก คือ 1. ธุรกิจให้บริการงานด้านทรัพยากรบุคคลทั้งในส่วนของการรับช่วงบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและการจัดทำเงินเดือน การจำหน่ายและให้บริการติดตั้งระบบงานบริหารทรัพยการบุคคล สัดส่วน 75.3% ของรายได้รวม 2. ธุรกิจให้บริการด้านการบริหารจัดการ บัญชีและการเงินในส่วนการจำหน่ายและให้บริการติดตั้งระบบงานวางแผนทรัพยากรองค์กร และให้บริการจัดทำบัญชีและการเงิน สัดส่วนรายได้ 23.3% โดยงวด 9M60 มีรายได้รวม 349.2 ลบ. +46.3% YoY และกำไรสุทธิ 56 ลบ. +73.9% YoY
เงินทุนที่ได้จากการเสนอขาย IPO มูลค่า 691.8 ลบ. นำมาใช้ลงทุนและพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน 125 ลบ. ใช้ในผนการย้ายสำนักงานแห่งใหม่เพื่อให้สำนักงานทุกแห่งรวมที่เดียวกัน จำนวน 25 ลบ และการตั้ง Learning Center สำหรับพัฒนาบุคลากร จำนวน 20 ลบ. อีกทั้งเพื่อเป็นเงินลงทุนในธุรกิจที่สร้าง Synergy ให้กับกลุ่มบริษัท จำนวน 100 ลบ. ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 421.8 ลบ. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ราคา IPO คิดเป็น Current PER ที่ 28.57 เท่า เทียบกับบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกันมีค่า PER เฉลี่ยเท่ากับ 55.86 เท่า (PER หมวด ICT เท่ากับ 29.15 เท่า)
Market View : ปรับตัวขึ้นให้ขายทำกำไร
Technical Insight : WORK STA
หุ้นแนะนำพิเศษ : BCH
Technical Insight : WORK STA
หุ้นแนะนำพิเศษ : BCH
หุ้นมีข่าว : BTW ROJNA
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อน ปรบตัวขี้นต่อเนื่อง จากกลุ่ม TRANS PETRO และ COMM ทำให้ SET Index ปิดที่ 1703.37 จุด (+8.98 จุด) Volume 4.75 หมื่นลบ. โดย Foreign Net -1,086.03 ลบ. TFEX Net +8,914 สัญญา ตราสารหนี้ -1,037 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดบวก เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งช่วยหนุนหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊กและอัลฟาเบทพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
+สภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกม. ช่วยรัฐบาลหลีกเลี่ยงชัตดาวน์จนถึง 22 ธ.ค.
+สหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอสวัสดิการลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 236,000 ราย
+น้ำมันดิบปิดบวกจากแรงซื้อเก็งกำไร และสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยหนุนต่อน้ำมันเพิ่มเติม
+ม.หอการค้า เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค อยู่ที่ 78.0 สูงสุดในรอบ 33 เดือน
+ เม็ดเงินจากกองทุน LTF และ RMF
-ฮามาสเรียกร้องปาเลสไตน์ลุกฮือก่อจลาจลตอบโต้"ทรัมป์"รับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงยิว
+/- Fund Flow ยังผันผวนต่างชาติพลิกกลับมาขายรวม 7 วันราว 8.6 พันล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่า 32.64 Bath/USD โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะ Short TFEX ตั้งแต่เดือน ก.ย. ราว 1.16 แสนสัญญา)
**12 – 13 ธ.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ
**22 ธ.ค. จับตาสถานการณ์ "ชัตดาวน์"
ภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกประเด็นสหรัฐหลีกเลี่ยงชัตดาวน์ไปได้อีกระยะหนึ่ง ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี ราคาน้ำมันรีบาวด์ และเม็ดเงินจากกองทุน LTF RMF โดยมีปัจจัยลบจากประเด็นขัดแย้งที่ต่างกังวลว่าจะนำไปสู่สงครามตะวันออกกลาง และ fund flow ต่างชาติผันผวน คาดวันนี้ SET จะปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,694-1,710 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- หุ้นเข้าคำนวดัชนี FTSE SET Large Cap ได้แก่ EA ส่วนดัชนี FTSE SET Mid Cap ได้แก่ BGRIM, ORI, PRM, RATCH, RS, TOA มีผล 18 ธ.ค. 60
- หุ้นที่มีโอกาส Window dressing SCB KTB PTTEP
- หุ้นได้ประโยชน์จากการปฏิรูปภาษีสหรัฐ IVL
- ดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นสู่ 1,679 +23% ภายใน 3 สัปดาห์ แนะนำ PSL
- SPP HYBRID ประกาศผล 14 ธ.ค. แนะนำ SSP PSTC
- ERW ปลัดท่องเที่ยว หนุนใช้มาตรการภาษีกระตุ้นเที่ยวไทยเที่ยวไทย
- หุ้นที่ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ANAN COMAN XO MALEE TWPC JUBILE AMA
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อน ปรบตัวขี้นต่อเนื่อง จากกลุ่ม TRANS PETRO และ COMM ทำให้ SET Index ปิดที่ 1703.37 จุด (+8.98 จุด) Volume 4.75 หมื่นลบ. โดย Foreign Net -1,086.03 ลบ. TFEX Net +8,914 สัญญา ตราสารหนี้ -1,037 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดบวก เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งช่วยหนุนหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊กและอัลฟาเบทพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
+สภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกม. ช่วยรัฐบาลหลีกเลี่ยงชัตดาวน์จนถึง 22 ธ.ค.
+สหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอสวัสดิการลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 236,000 ราย
+น้ำมันดิบปิดบวกจากแรงซื้อเก็งกำไร และสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยหนุนต่อน้ำมันเพิ่มเติม
+ม.หอการค้า เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค อยู่ที่ 78.0 สูงสุดในรอบ 33 เดือน
+ เม็ดเงินจากกองทุน LTF และ RMF
-ฮามาสเรียกร้องปาเลสไตน์ลุกฮือก่อจลาจลตอบโต้"ทรัมป์"รับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงยิว
+/- Fund Flow ยังผันผวนต่างชาติพลิกกลับมาขายรวม 7 วันราว 8.6 พันล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่า 32.64 Bath/USD โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะ Short TFEX ตั้งแต่เดือน ก.ย. ราว 1.16 แสนสัญญา)
**12 – 13 ธ.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ
**22 ธ.ค. จับตาสถานการณ์ "ชัตดาวน์"
ภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกประเด็นสหรัฐหลีกเลี่ยงชัตดาวน์ไปได้อีกระยะหนึ่ง ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี ราคาน้ำมันรีบาวด์ และเม็ดเงินจากกองทุน LTF RMF โดยมีปัจจัยลบจากประเด็นขัดแย้งที่ต่างกังวลว่าจะนำไปสู่สงครามตะวันออกกลาง และ fund flow ต่างชาติผันผวน คาดวันนี้ SET จะปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,694-1,710 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- หุ้นเข้าคำนวดัชนี FTSE SET Large Cap ได้แก่ EA ส่วนดัชนี FTSE SET Mid Cap ได้แก่ BGRIM, ORI, PRM, RATCH, RS, TOA มีผล 18 ธ.ค. 60
- หุ้นที่มีโอกาส Window dressing SCB KTB PTTEP
- หุ้นได้ประโยชน์จากการปฏิรูปภาษีสหรัฐ IVL
- ดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นสู่ 1,679 +23% ภายใน 3 สัปดาห์ แนะนำ PSL
- SPP HYBRID ประกาศผล 14 ธ.ค. แนะนำ SSP PSTC
- ERW ปลัดท่องเที่ยว หนุนใช้มาตรการภาษีกระตุ้นเที่ยวไทยเที่ยวไทย
- หุ้นที่ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ANAN COMAN XO MALEE TWPC JUBILE AMA
หุ้นมีข่าว
ประเด็นบวกกลุ่มรับเหมา : CK STEC โต้งานภาครัฐไม่ล่าช้า CK เชื่อว่ารัฐบาลจะผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่องและจะยังคงทยอยประมูลโครงการตามกรอบเวลาที่กำหนด การเลื่อนงานประมูลจากปลายเดือนธันวาคม 60 ออกไปเป็นเดือนม.ค. 61 ไม่ถือว่าส่งผลกระทบแต่อย่างใด ส่วน STEC มั่นใจว่าปีงบประมาณนี้ที่จะสิ้นสุดในเดือนต.ค. 61 รัฐบาลจะเร่งผลักดันโครงการต่างๆที่ล่าช้ามาอย่างต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)
BTW เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในปี 61 จะสามารถกลับมาทำกำไร จากปีนี้ที่คาดว่าจะยังขาดทุน หลังมองว่ารายได้ในปี 61 จะเติบโตไม่ต่ำกว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศที่ 3-4% จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะทำได้เพียงทรงตัวจากระดับ 1.89 พันล้านบาทในปีที่แล้ว (ที่มา อินโฟเควสท์)
ความเห็น ฝ่ายวิจัยประเมินว่าช่วงต่ำสุดของบริษัทได้ผ่านพ้นไปแล้ว หลัง Backlog ใหม่เป็นมาร์จินปกติล้วน Outlook ไตรมาสสุดท้ายปี 60 ได้งาน Module หนุน Backlog ณ สิ้นงวด 3Q60 เป็นกลุ่มงานที่มีอัตรากำไรสูงเมื่อเทียบกับงานที่ได้รับในช่วง 2 – 3 ไตรมาสก่อนหน้า เบื้องต้นฝ่ายวิจัยจึงประเมินการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปนับจากนี้ไปอีกราว 1 – 2 ปี แต่ยังต้องรอความชัดเจนในการฟื้นตัว (อ้างอิงบทวิเคราะห์ Non-rated เมื่อวันที่ 20 พ.ย.60)
ROJNA(ราคาปิด 6.85 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus เฉลี่ย 7.15) เซ็น MOU ขายที่ดิน 300 ไร่ ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยาให้กับ PROJEN GROUP กลุ่มทุนใหญ่จากจีนผู้ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ และโดรน ผู้บริหารมองแนวโน้มผลประกอบการปี 2560 คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย ในช่วง 4Q60 จะรับรู้รายได้ที่บริษัทย่อยขายที่ดินในซอยสุขุมวิท 66 มูลค่าราวม 1,200 ล้านบาท ส่วนภาพรวมปี 2561 มีสัญญาณที่ดีขึ้นการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)ส่งผลดีต่อโครงการสวนอุตสาหกรรมของบริษัทในโซนพื้นที่ดังกล่าว ได้แก่ โครงการแหลมฉบัง บ่อวิน ปลวกแดง บ้านค่าย และปราจีนบุรี ทำให้ภาพรวมแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ในทิศทางที่ดีเช่นกัน
ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานใน 4Q60 ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง QoQ และ YoY (3Q60 กำไร 12 ล้านบาท, 4Q59 ขาดทุน 60.5 ล้านบาท)จากรับรู้รายได้จากการขายที่ดิน Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 60 เติบโต 550% เป็น 756 ล้านบาท 9M60 มีกำไรสุทธิ 875 ล้านบาท +394%
AIT เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 อยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีนี้ที่มั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 5 พันล้านบาท โดยจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือ (Backlog) เข้ามาราว 3 พันล้านบาท จาก Backlog ในปัจจุบันที่มีอยู่ 4.1 พันล้านบาท ประกอบกับบริษัทจะเน้นเพิ่มรายได้จากงานประเภทการบริการเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนเสริมที่เป็นงานที่พ่วงไปกับงานขายสินค้า โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานให้บริการเพิ่มสูงขึ้นกว่าปัจจุบันที่ 21% (ที่มา อินโฟเควสท์)
TKT เปิดเผยว่า บริษัทตั้งความหวังจะทำให้ผลประกอบการในปี 61 พลิกเป็นกำไร ด้วยการผลักดันยอดขายให้เพิ่มมากขึ้น และบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนให้ดีขึ้น เช่น การลดของเสีย และลดต้นทุนคงที่ (Fix cost) แม้ว่าในปีนี้อาจยังขาดทุนอยู่ ตั้งเป้ารายได้ปี 61 โต 5-10% หลังมี backlog แล้ว 1 พันลบ.รับรู้ฯทั้งหมดภายในปี 61 หวังดันพลิกเป็นกำไร (ที่มา อินโฟเควสท์)
ประเด็นบวกกลุ่มรับเหมา : CK STEC โต้งานภาครัฐไม่ล่าช้า CK เชื่อว่ารัฐบาลจะผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่องและจะยังคงทยอยประมูลโครงการตามกรอบเวลาที่กำหนด การเลื่อนงานประมูลจากปลายเดือนธันวาคม 60 ออกไปเป็นเดือนม.ค. 61 ไม่ถือว่าส่งผลกระทบแต่อย่างใด ส่วน STEC มั่นใจว่าปีงบประมาณนี้ที่จะสิ้นสุดในเดือนต.ค. 61 รัฐบาลจะเร่งผลักดันโครงการต่างๆที่ล่าช้ามาอย่างต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)
BTW เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในปี 61 จะสามารถกลับมาทำกำไร จากปีนี้ที่คาดว่าจะยังขาดทุน หลังมองว่ารายได้ในปี 61 จะเติบโตไม่ต่ำกว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศที่ 3-4% จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะทำได้เพียงทรงตัวจากระดับ 1.89 พันล้านบาทในปีที่แล้ว (ที่มา อินโฟเควสท์)
ความเห็น ฝ่ายวิจัยประเมินว่าช่วงต่ำสุดของบริษัทได้ผ่านพ้นไปแล้ว หลัง Backlog ใหม่เป็นมาร์จินปกติล้วน Outlook ไตรมาสสุดท้ายปี 60 ได้งาน Module หนุน Backlog ณ สิ้นงวด 3Q60 เป็นกลุ่มงานที่มีอัตรากำไรสูงเมื่อเทียบกับงานที่ได้รับในช่วง 2 – 3 ไตรมาสก่อนหน้า เบื้องต้นฝ่ายวิจัยจึงประเมินการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปนับจากนี้ไปอีกราว 1 – 2 ปี แต่ยังต้องรอความชัดเจนในการฟื้นตัว (อ้างอิงบทวิเคราะห์ Non-rated เมื่อวันที่ 20 พ.ย.60)
ROJNA(ราคาปิด 6.85 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus เฉลี่ย 7.15) เซ็น MOU ขายที่ดิน 300 ไร่ ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยาให้กับ PROJEN GROUP กลุ่มทุนใหญ่จากจีนผู้ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ และโดรน ผู้บริหารมองแนวโน้มผลประกอบการปี 2560 คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย ในช่วง 4Q60 จะรับรู้รายได้ที่บริษัทย่อยขายที่ดินในซอยสุขุมวิท 66 มูลค่าราวม 1,200 ล้านบาท ส่วนภาพรวมปี 2561 มีสัญญาณที่ดีขึ้นการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)ส่งผลดีต่อโครงการสวนอุตสาหกรรมของบริษัทในโซนพื้นที่ดังกล่าว ได้แก่ โครงการแหลมฉบัง บ่อวิน ปลวกแดง บ้านค่าย และปราจีนบุรี ทำให้ภาพรวมแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ในทิศทางที่ดีเช่นกัน
ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานใน 4Q60 ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง QoQ และ YoY (3Q60 กำไร 12 ล้านบาท, 4Q59 ขาดทุน 60.5 ล้านบาท)จากรับรู้รายได้จากการขายที่ดิน Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 60 เติบโต 550% เป็น 756 ล้านบาท 9M60 มีกำไรสุทธิ 875 ล้านบาท +394%
AIT เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 61 อยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีนี้ที่มั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 5 พันล้านบาท โดยจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือ (Backlog) เข้ามาราว 3 พันล้านบาท จาก Backlog ในปัจจุบันที่มีอยู่ 4.1 พันล้านบาท ประกอบกับบริษัทจะเน้นเพิ่มรายได้จากงานประเภทการบริการเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนเสริมที่เป็นงานที่พ่วงไปกับงานขายสินค้า โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานให้บริการเพิ่มสูงขึ้นกว่าปัจจุบันที่ 21% (ที่มา อินโฟเควสท์)
TKT เปิดเผยว่า บริษัทตั้งความหวังจะทำให้ผลประกอบการในปี 61 พลิกเป็นกำไร ด้วยการผลักดันยอดขายให้เพิ่มมากขึ้น และบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนให้ดีขึ้น เช่น การลดของเสีย และลดต้นทุนคงที่ (Fix cost) แม้ว่าในปีนี้อาจยังขาดทุนอยู่ ตั้งเป้ารายได้ปี 61 โต 5-10% หลังมี backlog แล้ว 1 พันลบ.รับรู้ฯทั้งหมดภายในปี 61 หวังดันพลิกเป็นกำไร (ที่มา อินโฟเควสท์)
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ชัยยศ จิวางกูร ext.5805 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940
OO3312
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ชัยยศ จิวางกูร ext.5805 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940
OO3312