- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 29 August 2014 15:50
- Hits: 1682
บล.เคเคเทรด : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET มีโอกาสพักฐานแถว 1548 จุด
แนวโน้ม วันนี้ SET มีโอกาสพักฐานเพื่อรอปัจจัยใหม่ (1) การปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเมื่อวานนี้อาจมีนัยต่อการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมพลังงานทั้งหมดตามมา และจะกดดันจิตวิทยาการลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน (2) สถาบันจัดอันดับเครดิต Fitch Rating เปิดเผยรายงานธนาคารขนาดใหญ่มีแนวโน้มการเติบโตภายในประเทศที่ค่อนข้างจำกัด และมีความเสี่ยงต่อฐานะทางการเงินและโอกาสในการถูกปรับลดอันดับเครดิตอาจปรับตัวเพิ่มขึ้น หากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจนั้นรุนแรงและยืดเยื้อกว่าที่คาดการณ์ จะกดดันจิตวิทยาการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร (3) ดัชนี DJIA ทดสอบแนวต้านเดิมไม่ผ่านเสี่ยงต่อการพักฐาน (4) ความเห็นจากผู้ว่าธปท.ในงาน Thailand Focus บ่งบอกเป็นนัยว่าอัตราดอกเบี้ยขาลงในประเทศอาจสิ้นสุดลง และมีโอกาสปรับขึ้นตามภูมิภาคในปีหน้า ขณะที่ความวิตกต่อการฟื้นตัวของ GDP ช่วง 2H57 เริ่มปกคลุมตลาดหลังตัวเลขส่งออกเดือนก.ค.แย่กว่าคาด วันนี้ SET ควรปิดเหนือบริเวณ 1565 จุดขึ้นไป เพื่อรักษารูปแบบขาขึ้นทางเทคนิค และหากหลุด 1548 จุดจะเตือนถึงการปรับฐาน
กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน ชะลอการลงทุน เน้นถือครองเงินสด หรือดูแนวรับที่ 1548+/- ลองเสี่ยงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะ หลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มนำตลาดมูลค่าตลาดขนาดใหญ่
(1) Top Daily Pick : KTIS (เพิ่งออกบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสมที่ 15.20 บาท จากการเติบโตกำไรก้าวกระโดดปี 57-58 กว่าปีละ 60% จากการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าและราคาน้ำตาลกลับสู่ขาขึ้น) และ QH (คาดผลประกอบการ 2H57 เติบโตต่อเนื่องจากงานในมือราว 5 พันล้านบาทและการเปิดโครงการใหม่กว่า 12 แห่งรวมมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท)
(2) Technical Pick : GLOBAL STPI TUF DTAC QH
(3) Theme Play : กลุ่มอาหาร/อิเล็กทรอนิกส์ (CPF TUF DELTA SVI) ยอดขายเร่งตัวช่วง 2H57 ตามปัจจัยฤดูกาล กลุ่มขนส่ง/ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW) และกลุ่มนิคมฯ (HEMRAJ AMATA) คาดรัฐบาลชุดใหม่มีมาตราการสนับสนุนเป็นลำดับต้น
Fundamental Talk
ภูเขาน้ำแข็งของนโยบายราคาน้ำมัน
เมื่อวานนี้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติปรับเปลี่ยนโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตและภาษีเทศบาล รวมถึงการเก็บเข้า/ชดเชยเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อให้ราคาน้ำมันเบ็นซิน/แก๊สโซฮอล์ และดีเซลให้เหลื่อมล้ำกันน้อยลง การปรับเปลี่ยนนโยบายราคาน้ำมันครั้งนี้อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งถึงการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมพลังงานที่กำลังจะมีขึ้น
แม้การประกาศดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นเพียงการทำตามมาตรการเร่งด่วนในการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซที่คสช.มีมติออกมาเมื่อ 26 ส.ค. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปนโยบายพลังงานแห่งชาติ และก่อนหน้านี้เมื่อ 15 ส.ค.ทางคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ก็มีมติเห็นชอบให้บริษัทปตท. (PTT) แยกกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติออกจากกิจการจัดหาและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ รวมถึงลดสัดส่วนการถือหุ้นในโรงกลั่น SPRC ลง
วันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมานายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ร่วมกับกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน มีการนำเสนอขั้นตอนการปฎิรูปพลังงานที่ยั่งยืน โดยมีเนื้อหาบางส่วนที่อาจมีนัยต่ออุตสาหกรรม (1) ปรับโครงสร้างราคาพลังงานที่เป็นธรรมและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง (เหตุผลเดียวกันกับประกาศคสช.) (2) ปฎิรูปบริษัทปตท.ด้วยการเพิ่มการแข่งขันด้านธุรกิจพลังงานเพื่อไม่ให้มีการเอาเปรียบผู้บริโภค (อาจเห็นว่าปตท.มีกำไรมากเกินไป) อาทิ ให้ปตท.ขายหุ้นทั้งหมดในโรงกลั่นบางจากและโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียม รวมทั้งแยกกิจการท่อก๊าซธรรมชาติออกจากปตท. (ตามมติข้างต้น ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนแพงขึ้น) เปิดให้บริการใช้ท่อก๊าซแก่บุคคลที่สาม (หาเอกชนมาช่วยแบ่งกำไร) และรัฐบาลต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นในปตท.ลงต่ำกว่า 50% จนพ้นการการเป็นรัฐวิสาหกิจ (ดอกเบี้ยต้นทุนต่ำเท่าเทียมภาครัฐก็ค่อยหมดไป) (3) ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พลังงานหมุนเวียน และพลังงานสะอาด (กพช.เพิ่งเห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทางเลือกฉบับล่าสุด ช่วยเร่งการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานทางเลือกเร็วกว่าแผนเดิมถึง 5 ปี)
หากจะประเมินทิศทางของแผนปฏิรูปที่จะเดินต่อไปจากนี้ เราเชื่อว่าข้อเสนอข้างต้นของนายปิยะสวัสดิ์ อัมระนันท์ ซึ่งเป็นประธานบอร์ดปตท.คนปัจจุบัน มีอิทธิพลทางความคิดต่อนโยบายปฏิรูปพลังงานของรัฐบาลชุดใหม่ สังเกตได้จากมติของคสช.มีแนวโน้มออกไปในทางที่สอดคล้องกับข้อเสนอดังกล่าว และเชื่อว่าภายใต้ประธานบอร์ดคนปัจจุบันจะมีการดำเนินตามขั้นตอนดังกล่าวอย่างรวดเร็ว คงเหลือเพียงเรื่องการประเมินทรัพย์สินโดยเฉพาะท่อก๊าซในส่วนที่เป็นของภาครัฐ-เอกชน ซึ่งอาจล่าช้าอันเนื่องมาจากความเห็นต่างด้านกฏหมาย
สรุป การปฏิรูปปตท.นี้คงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ช่วงเวลาจากนี้ไป นักลงทุนระยะยาวอาจต้องกลับมาทบทวนความเสี่ยงต่อการโอกาสและศักยภาพในการทำกำไรของหุ้นกลุ่ม ปตท.การอ่อนตัวของราคาหุ้นในกลุ่มนี้น่าจะเป็นโอกาสเข้าลงทุนของนักลงทุนระยะสั้นและกลางเพื่อรอการเติบโตของผลประกอบการรายไตรมาสเท่านั้น
Smart Port Note
BANPU เตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาออกหุ้นกู้ไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อบริหารหนี้ให้มีอัตราดอกเบี้ยคงที่มากขึ้น โดยปัจจุบันหนี้สัดส่วน 65% มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ซึ่งบริษัทจะทยอยเพิ่มเป็น 70% สอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดว่าดอกเบี้ยนโยบายจะไม่ปรับลดต่ำกว่านี้ ประกอบกับบริษัทจะพิจารณาจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.5 บาท
BTS ซื้อหุ้นคืนภายในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 6 พันล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนประมาณ 5% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้ว กำหนดระยะเวลาที่จะซื้อคืนตั้งแต่ วันที่ 25/08/57 – 24/02/58
TRUE หุ้นเพิ่มทุนเข้าซื้อ-ขายวันแรก 10/09/2557
AJD มูลค่าเหมาะสมอยู่ในระหว่างทบทวนประมาณการ
AJD ติด Cash Balance ระหว่าง 13/08/20147 – 19/09/2014
หุ้นใน Smart Port ที่จะขึ้น XD ได้แก่
2/10/2557 - TVD
8/10/2557 - BLA