- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 May 2014 17:26
- Hits: 3459
บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
HIGHLIGHT แกว่งเหนือ 1,360 จุดเพื่อรอสถานการณ์ได้ แต่การขึ้นไปยืนเหนือ 1,410 จุดยังมองเสี่ยง
SET View
ประเด็นหลักวันนี้ ในระยะสั้นไม่เกิน 1 สัปดาห์เราประเมินว่า SET น่าจะยังคงแกว่งตัวเหนือ 1,360 จุดได้ และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติน่าจะชะลอลงก่อนในระยะสั้น เพื่อรอความชัดเจนที่อาจจะออกมาจากฝั่งของวุฒิสภาในระยะไม่เกิน 1 สัปดาห์นี้ ซึ่งถ้าผลออกมาสามารถสร้างทางออกให้กับประเทศได้ เราประเมินว่านักลงทุนต่างชาติพร้อมกลับมาเข้าซื้อสุทธิอีกครั้ง เนื่องจากมุมมองต่อผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นไทยยังคงดีขึ้น สะท้อนออกมาจากการที่ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (25 เม.ย.-8 พ.ค.2557) Bloomberg Consensus ปรับประมาณการ EPS Growth ในปี 2557 ของตลาดหุ้นไทยขึ้น 0.8% สู่ระดับ 14.6% YoY เทียบกับค่าเฉลี่ยของ MSCI Asia Pacific ex Japan ที่ถูกปรับประมาณการลง 0.2% สู่ระดับ 9.5% YoY อย่างไรก็ดีในเชิงของแนวโน้มระยะไม่เกิน 1 เดือนกรณีที่ SET ยังคงไม่สามารถกลับไปปิดเหนือ 1,410 จุดได้ เรายังให้น้ำหนักกับโอกาสที่ SET จะลงไปแกว่งตัวในกรอบ 1,330-1,300 จุดในช่วงที่เหลือของ พ.ค.2557
แม้ว่า ตั้งแต่ต้น พ.ค.2557 ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติจะเริ่มกลับมาทยอยขายทำกำไรในตลาดหุ้นไทยบ้างแล้ว แต่สาเหตุที่ SET ยังคงไม่หลุดแนวรับระยะสั้นบริเวณ 1,360 จุดลงไป เนื่องจากแรงขายที่ออกมาส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มหุ้น Market Cap ขนาดเล็ก สะท้อนออกมาจากสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติใน SET50 (Actual+NVDR) ที่ล่าสุดปรับตัวอยู่ที่ระดับสูงที่สุดของปี 2557 อีกครั้งที่ 38.5% โดยหุ้นใน SET50 ที่สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แก่ BTS (+0.85%), IVL (+0.45%) และ THCOM (+0.35%) ขณะที่ล่าสุด MSCI ประกาศ Semi-Annual Review โดยปรับหุ้น BH เข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard ขณะที่ดัชนี MSCI Global Small-Cap ได้มีการนำหุ้น BJCHI, MEGA, NYT และ TTCL เข้าคำนวณ และปรับหุ้น BH, GSTEL, GRAMMY, SITHAI, TUF และ UMI ออก ทั้งหมดมีผล 30 พ.ค.2557
กลยุทธ์การลงทุน การลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) กรณีที่ SET ยังกลับไปปิดเหนือ 1,410 จุดไม่ได้ แนะนำ “ ดีดขึ้นขาย” กลับมาถือเงินสด 100% ขณะที่การลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน) แนะนำ “รอเพิ่มพอร์ตหุ้น” จากเดิม 50% มาเป็น 75% ของพอร์ต ในกรอบ 1,330-1,300 จุด โดยยังคงเน้นหุ้นกลุ่ม “Value Investing” ได้แก่ AP, SIRI, HEMRAJ, AAV, MAJOR, ESSO และ SAMART
Futures Strategy
SET 50 Futures S50M14
แนะนำ ถือ short
ถ้า > 950 ปิดถือ short / ถ้า < 950 ถือ short
Gold Futures GFM14
แนะนำ ถือ long
ถ้า > 20000 ถือ long / ถ้า < 19900 ปิดถือ long
Silver Futures SVM14
แนะนำ ถือ short
ถ้า > 640 ปิดถือ short / ถ้า < 640 ถือ short
Oil Futures BRM14
แนะนำ ถือ long
ถ้า > 3500 ถือ long / ถ้า < 3500 ปิดถือ long
USD Futures USDM14
แนะนำ ถือ long
ถ้า > 32.50 ถือ long / ถ้า < 32.50 ปิดถือ long
Stock Futures KTB
แนะนำ ซื้อขายในกรอบแนวรับแนวต้าน 18-18.60 บาท
ถ้า > 18 ซื้อ / ถ้า < 18 ขาย
Stock Picks
MODERN (+) แม้ว่าการประกาศผลการดำเนินงานใน 1Q57 ออกมาวานนี้อาจไม่น่าตื่นเต้นนัก โดยที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% YoY แต่ลดลง 26% QoQ แต่ปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้นจะเป็นผลต่อเนื่องจากจากการขายหุ้น MFEC จำนวน 61.98 ล้านหุ้น (สัดส่วน 14%) มูลค่ารวม 663 ล้านบาทผ่านการทำ Big Lot วานนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีเงินสดเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปี 2556 ขณะที่บริษัทมีความต้องการใช้เงินลงทุนต่อปีราว 100 ล้านบาท ซึ่งจากการมีสภาพคล่องส่วนเกิน ทำให้เราประเมินว่าบริษัทมีโอกาสจากเงินปันผลพิเศษออกมาหุ้นละ 0.40-0.50 บาท คิดเป็น Dividend Yield ราว 4-5% ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 11.00 บาท แนะนำ “ซื้อ”
TVD (+) เป็นหุ้นที่มีทิศทางของผลการดำเนินงาน Turnaround ชัดเจนในปีนี้ โดยที่ล่าสุดบริษัทประกาศกำไรสุทธิใน 1Q57 ออกมาที่ 26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% YoY และพลิกจากขาดทุน 12 ล้านบาทในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างการดำเนินงานภายในใหม่ ขณะที่ภายหลังการเพิ่มทุนใน ทีวีดี ช้อปปิ้ง (บริษัทย่อย) เรามองเป็นโอกาสในการเติบโตแบบก้าวกระโดดผ่านการบริหารของพันธมิตร “โมโม่” ซึ่งเป็นผู้นำตลาดโฮมช้อปปิ้งไต้หวัน นอกจากนี้ TVD ยังมีโอกาสจ่ายปันผลพิเศษจากการขาย TVD Shopping จำนวน 125 ล้านบาทที่จะรับรู้ในกลางปี 2557 เราประเมินกำไรสุทธิในปี 2557 ไว้ที่ 92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101% YoYประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 4.68 บาท แนะนำ “ซื้อ”