- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 06 December 2017 17:12
- Hits: 5114
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> ระยะสั้น Trading ในกรอบ ระยะยาวยังสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways ตามคาดด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางตาลงเหลือเพียง 4 หมื่นลบ.เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลวันหยุด ขณะที่นักลงทุนยังติดตามการร่วมร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐฯของทั้ง 2 สภา รวมถึงประเด็นความวุ่นวายทางการเมือง นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่อง แต่บางตาลงเหลือ 175 ลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิ 981 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,690-1,705 จุด เนื่องจากยังอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวเทศกาลวันหยุด ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศโดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯยังคงกดดันทั้งการรวมร่วงกฎหมายปฏิรูปภาษีของ 2 สภา การขยายเพนดานหนี้ รวมถึงความมั่นคงของตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ ทำให้ระยะสั้นตลาดยังปรับขึ้นได้จำกัด แต่เรายังมองเป็นจังหวะสะสมหุ้นพื้นฐานและถือลงทุนในระยะยาวจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งและอยู่ในช่วงขาขึ้น
กลยุทธ์ : ระยะสั้น Trading ในกรอบ ระยะยาวยังสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, CMO, EPG, MINT, ROBINS
Fund Flow วานนี้และวันก่อนหน้ากระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$65ล้าน นำโดยอินโดนีเซีย US$80ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$5ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$93ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลการเมืองสหรัฐ และคาดการณ์ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นในการประชุมสัปดาห์หน้า
กลยุทธ์วันนี้ >> ระยะสั้น Trading ในกรอบ ระยะยาวยังสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways ตามคาดด้วยมูลค่าการซื้อขายที่บางตาลงเหลือเพียง 4 หมื่นลบ.เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลวันหยุด ขณะที่นักลงทุนยังติดตามการร่วมร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐฯของทั้ง 2 สภา รวมถึงประเด็นความวุ่นวายทางการเมือง นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่อง แต่บางตาลงเหลือ 175 ลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิ 981 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,690-1,705 จุด เนื่องจากยังอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวเทศกาลวันหยุด ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศโดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯยังคงกดดันทั้งการรวมร่วงกฎหมายปฏิรูปภาษีของ 2 สภา การขยายเพนดานหนี้ รวมถึงความมั่นคงของตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ ทำให้ระยะสั้นตลาดยังปรับขึ้นได้จำกัด แต่เรายังมองเป็นจังหวะสะสมหุ้นพื้นฐานและถือลงทุนในระยะยาวจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งและอยู่ในช่วงขาขึ้น
กลยุทธ์ : ระยะสั้น Trading ในกรอบ ระยะยาวยังสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, CMO, EPG, MINT, ROBINS
Fund Flow วานนี้และวันก่อนหน้ากระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$65ล้าน นำโดยอินโดนีเซีย US$80ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$5ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$93ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลการเมืองสหรัฐ และคาดการณ์ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นในการประชุมสัปดาห์หน้า
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> SQ <<
โครงการเหมืองแม่เมาะ 9 มูลค่ากว่า 4 หมื่นลบ. ที่บริษัทยื่นซองไปแล้วตั้งแต่ ส.ค. ที่ผ่านมา กฟผ.จะเปิดซองประมูลและรู้ผล 8 ธ.ค. นี้
หาก SQ ชนะประมูลจะช่วยเพิ่ม Backlog จากปัจจุบันที่ 3.6 หมื่นลบ. เป็น 7.6 หมื่นลบ. รองรับรายได้กว่า 10 ปีข้างหน้า
เราแนะนำเก็งกำไรระยะสั้นสำหรับโครงการนี้ เพราะ SQ มีความพร้อมและน่าจะเสนอราคาได้ดีกว่าคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบันเต็มมูลค่าปีหน้าที่ 7.50 บาท หากได้รับงานนี้ มูลค่าหุ้นจะเพิ่มเป็นประมาณ 9.25 บาทแต่อาจจำเป็นต้องเพิ่มทุนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ในทางเทคนิคมีแนวรับอยู่ที่ 7.60-7.65 บาท และแนวต้านที่ 8.00-8.40 บาท
โครงการเหมืองแม่เมาะ 9 มูลค่ากว่า 4 หมื่นลบ. ที่บริษัทยื่นซองไปแล้วตั้งแต่ ส.ค. ที่ผ่านมา กฟผ.จะเปิดซองประมูลและรู้ผล 8 ธ.ค. นี้
หาก SQ ชนะประมูลจะช่วยเพิ่ม Backlog จากปัจจุบันที่ 3.6 หมื่นลบ. เป็น 7.6 หมื่นลบ. รองรับรายได้กว่า 10 ปีข้างหน้า
เราแนะนำเก็งกำไรระยะสั้นสำหรับโครงการนี้ เพราะ SQ มีความพร้อมและน่าจะเสนอราคาได้ดีกว่าคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบันเต็มมูลค่าปีหน้าที่ 7.50 บาท หากได้รับงานนี้ มูลค่าหุ้นจะเพิ่มเป็นประมาณ 9.25 บาทแต่อาจจำเป็นต้องเพิ่มทุนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ในทางเทคนิคมีแนวรับอยู่ที่ 7.60-7.65 บาท และแนวต้านที่ 8.00-8.40 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) ปัจจัยต่างประเทศยังมีความเสี่ยง แม้ตลาดหุ้นต่างประเทศจะตอบรับในเชิงบวกหลังส.ว.สหรัฐผ่านร่างกม.ปฎิรูปภาษี แต่ความแตกต่างสำคัญคือร่างของสส.ให้มีผลใช้ทันทีปีหน้า แต่ร่างฉบับส.ว.ให้ใช้ในปี 2019 เพราะเกรงว่าการขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะของประเทศ (ปัจจุบัน 77% ของ GDP) จะมากเกินไป ความไม่แน่นอนยังมีอยู่และควรได้ข้อสรุปก่อน 8 ธ.ค. ซึ่งเป็นเดทลายที่สภาต้องผ่านร่างงบประมาณการใช้จ่าย มิเช่นนั้นจะเสี่ยงต่อการ shutdown นอกจากนี้ ความเสี่ยงที่ทรัมป์จะถูกถอดถอนมีสูงขึ้นหลังนายไมเคิล ฟินน์ระบุว่าทรัมป์ติดต่อกับรัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งในปีก่อน
(0) FTSE SET Index Series สำหรับรอบการคำนวณเดือนธ.ค. มีผลตั้งแต่ 18 ธ.ค. 17 มีหุ้นเข้า Large Cap 1 ตัวคือ EA ส่วน Mid Cap มี 6 ตัว คือ BGRIM ORI PRM RATCH RS TOA และที่เข้า Shariah มี 14 ตัว คือ AIT AMARIN BAFS EKH FN GGC HFT LST PRM SEAFCO SRICHA TOA TPIPP UVAN ปกติ FTSE SET Index Series มีการทบวนปีละ 2 ครั้ง Large Cap และ Mid Cap มีผลกับการปรับพอร์ตของสถาบันและต่างชาติอยู่บ้าง ส่วน Shariah ยังไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
(+) ARROW ผู้บริหารคาดกำไร 4Q17 จะเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ จากทั้ง High Season และแรงกดดันด้านต้นทุนเหล็กที่ลดลง หลังจากราคาเหล็กเริ่มนิ่ง และมีการทยอยปรับขึ้นราคาขายท่อร้อยสายไฟ โดยปัจจุบันบันมีงานในมือ 680 ลบ. และเพิ่งได้งานโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 ราว 120 ลบ. ส่วนปีหน้าจะทยอยส่งมอบให้รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ เรายังมีมุมมองที่ดีต่อการกลับมาเติบโตของกำไรในปี 2018 โดยคาด +25% Y-Y จากปีนี้คาด -21% Y-Y เพราะงานโครงสร้างพื้นฐานเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนเดินท่อร้อยสายไฟ เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 16.40 บาท และยังยืนยันให้ Switch จาก ZIGA เป็น ARROW จากการฟื้นตัวของกำไรที่ชัดเจนกว่า และ PE2018 ที่ 13 เท่า ต่ำกว่า ZIGA ที่ 16 เท่า
(-) PRM ผู้บริหารยอมรับว่ากำไรปีนี้จะชะลอตัว Y-Y จากเดิมที่คาดทรงตัวหรือเห็นการเติบโตเล็กน้อย แรงกดดันมาจากทั้งต้นทุนเชื้อเพลิงและค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง ยังไม่สามารถหาลูกค้ารายใหม่ชดเชยรายเดิมที่สูญเสียไปในกลุ่มงานขนส่งน้ำมัน นอกจากนี้ ภาวะ Over Supply ยังทำให้ค่าระวางถูกกดดันต่อเนื่อง ซึ่งตรงข้ามกับเรือเทกองที่ค่าระวางอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเราคาดว่าความไม่สมดุลของโครงสร้างตลาดจะกดดันค่าระวางต่อเนื่องถึงปีหน้า ทำให้มีแนวโน้มปรับประมาณการลง จากเดิมคาดกำไรสุทธิปีนี้ -2% Y-Y และ +33% Y-Y ในปีหน้า ยังไม่แนะนำให้ซื้อ
(-) ปัจจัยต่างประเทศยังมีความเสี่ยง แม้ตลาดหุ้นต่างประเทศจะตอบรับในเชิงบวกหลังส.ว.สหรัฐผ่านร่างกม.ปฎิรูปภาษี แต่ความแตกต่างสำคัญคือร่างของสส.ให้มีผลใช้ทันทีปีหน้า แต่ร่างฉบับส.ว.ให้ใช้ในปี 2019 เพราะเกรงว่าการขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะของประเทศ (ปัจจุบัน 77% ของ GDP) จะมากเกินไป ความไม่แน่นอนยังมีอยู่และควรได้ข้อสรุปก่อน 8 ธ.ค. ซึ่งเป็นเดทลายที่สภาต้องผ่านร่างงบประมาณการใช้จ่าย มิเช่นนั้นจะเสี่ยงต่อการ shutdown นอกจากนี้ ความเสี่ยงที่ทรัมป์จะถูกถอดถอนมีสูงขึ้นหลังนายไมเคิล ฟินน์ระบุว่าทรัมป์ติดต่อกับรัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งในปีก่อน
(0) FTSE SET Index Series สำหรับรอบการคำนวณเดือนธ.ค. มีผลตั้งแต่ 18 ธ.ค. 17 มีหุ้นเข้า Large Cap 1 ตัวคือ EA ส่วน Mid Cap มี 6 ตัว คือ BGRIM ORI PRM RATCH RS TOA และที่เข้า Shariah มี 14 ตัว คือ AIT AMARIN BAFS EKH FN GGC HFT LST PRM SEAFCO SRICHA TOA TPIPP UVAN ปกติ FTSE SET Index Series มีการทบวนปีละ 2 ครั้ง Large Cap และ Mid Cap มีผลกับการปรับพอร์ตของสถาบันและต่างชาติอยู่บ้าง ส่วน Shariah ยังไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
(+) ARROW ผู้บริหารคาดกำไร 4Q17 จะเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ จากทั้ง High Season และแรงกดดันด้านต้นทุนเหล็กที่ลดลง หลังจากราคาเหล็กเริ่มนิ่ง และมีการทยอยปรับขึ้นราคาขายท่อร้อยสายไฟ โดยปัจจุบันบันมีงานในมือ 680 ลบ. และเพิ่งได้งานโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 ราว 120 ลบ. ส่วนปีหน้าจะทยอยส่งมอบให้รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ เรายังมีมุมมองที่ดีต่อการกลับมาเติบโตของกำไรในปี 2018 โดยคาด +25% Y-Y จากปีนี้คาด -21% Y-Y เพราะงานโครงสร้างพื้นฐานเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนเดินท่อร้อยสายไฟ เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 16.40 บาท และยังยืนยันให้ Switch จาก ZIGA เป็น ARROW จากการฟื้นตัวของกำไรที่ชัดเจนกว่า และ PE2018 ที่ 13 เท่า ต่ำกว่า ZIGA ที่ 16 เท่า
(-) PRM ผู้บริหารยอมรับว่ากำไรปีนี้จะชะลอตัว Y-Y จากเดิมที่คาดทรงตัวหรือเห็นการเติบโตเล็กน้อย แรงกดดันมาจากทั้งต้นทุนเชื้อเพลิงและค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง ยังไม่สามารถหาลูกค้ารายใหม่ชดเชยรายเดิมที่สูญเสียไปในกลุ่มงานขนส่งน้ำมัน นอกจากนี้ ภาวะ Over Supply ยังทำให้ค่าระวางถูกกดดันต่อเนื่อง ซึ่งตรงข้ามกับเรือเทกองที่ค่าระวางอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเราคาดว่าความไม่สมดุลของโครงสร้างตลาดจะกดดันค่าระวางต่อเนื่องถึงปีหน้า ทำให้มีแนวโน้มปรับประมาณการลง จากเดิมคาดกำไรสุทธิปีนี้ -2% Y-Y และ +33% Y-Y ในปีหน้า ยังไม่แนะนำให้ซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
6 ธ.ค.- ออสเตรเลีย: 3Q17GDP ครั้งสุดท้าย ตลาดคาด +1.9% Y-Y
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนADP (พ.ย.)
- ไทย: GULF เริ่มซื้อขายวันแรก ราคา IPO 45 บาท
7 ธ.ค.- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)
- ยูโรโซน: 3Q17GDP ครั้งสุดท้าย ตลาดคาด +2.5% Y-Y
- สหรัฐฯ: ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
8 ธ.ค.- ญี่ปุ่น: 3Q17GDP ครั้งสุดท้าย
- จีน: ดุลการค้า (พ.ย.)
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (พ.ย.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดในแดนลบ 3 วันติดต่อกันนำโดยหุ้นกลุ่มสื่อสารฯ ขณะที่ประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นปัจจัยกดดัน
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเช่นกันโดยถูกกดดันจากการเจรจา Brexit ที่อาจล่าช้ากว่าคาดหลังยังไม่สามารถตกลงเงื่อนไขบางประการได้
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดลบตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยถูกกดดันจากความไม่แน่นอนหลายประการ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แกว่งทรวตัวโดยล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 32.58-32.65 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดบวก 0.15 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 57.62 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ที่ว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะปรับตัวลดลง รวมถึงการที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันบรรลุข้อตกลงยืดเวลาปรับลดกำลังการผลิต
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ร่วงแรง 12.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,264.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นจากความคืบหน้าของมาตรการปฏิรูปภาษี
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO3204
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนADP (พ.ย.)
- ไทย: GULF เริ่มซื้อขายวันแรก ราคา IPO 45 บาท
7 ธ.ค.- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)
- ยูโรโซน: 3Q17GDP ครั้งสุดท้าย ตลาดคาด +2.5% Y-Y
- สหรัฐฯ: ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
8 ธ.ค.- ญี่ปุ่น: 3Q17GDP ครั้งสุดท้าย
- จีน: ดุลการค้า (พ.ย.)
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (พ.ย.)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดในแดนลบ 3 วันติดต่อกันนำโดยหุ้นกลุ่มสื่อสารฯ ขณะที่ประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นปัจจัยกดดัน
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเช่นกันโดยถูกกดดันจากการเจรจา Brexit ที่อาจล่าช้ากว่าคาดหลังยังไม่สามารถตกลงเงื่อนไขบางประการได้
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดลบตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยถูกกดดันจากความไม่แน่นอนหลายประการ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แกว่งทรวตัวโดยล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 32.58-32.65 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดบวก 0.15 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 57.62 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ที่ว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะปรับตัวลดลง รวมถึงการที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันบรรลุข้อตกลงยืดเวลาปรับลดกำลังการผลิต
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ร่วงแรง 12.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,264.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นจากความคืบหน้าของมาตรการปฏิรูปภาษี
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO3204