- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 December 2017 17:14
- Hits: 15931
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อเหนือ 1700 /ถ้าอ่อนตัวซื้อแนวรับ 1680+/-”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปิดบวกเล็กๆ (+2.26 ปิดที่ 1699.65) แรงซื้อแบงค์ใหญ่&กลาง และหุ้นปันผลสูงช่วยพยุงตลาด กลุ่มที่ซื้อสุทธิเป็นสถาบันในประเทศ (Net buy 2.4 พันล้านบาท) ส่วนที่ขายสุทธิเป็นต่างชาติ (Net sell 2.1 พันล้านบาท) ส่วนอีก 2 กลุ่มที่เหลือขายสุทธิกลุ่มละไม่มาก
ปัจจัยวันนี้ – ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สบวกกว่า 0.8% เช้าวันนี้หลังวุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียง 51-49 ส่วนขั้นตอนต่อไปก็จะนำร่างของสภาผู้แทนราษฎรและร่างของวุฒิสภามาจัดทำเป็นร่างเดียวกันแล้วเสนอให้ทรัมป์ลงนามเพื่อใช้เป็นกฎหมายต่อไป แต่การรวมทั้งสองร่างฯเข้าด้วยกันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ซึ่งต้องติดตามกันต่อ นอกจากนั้นทรัมป์ยังมีประเด็นเสี่ยงเรื่องความมั่นคง หลังนายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของปธน.ทรัมป์ได้ยอมรับว่าให้การเท็จต่อ FBI เกี่ยวกับการสนทนาของเขากับนายเซอร์เกย์ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ และซัดทอดว่าทรัมป์เป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งปธน.สหรัฐในปี 59 สำหรับราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นรับข่าวการขยายเวลาลดการผลิต 1.8 ล้านบาร์เรล/วันออกไป 9 เดือนเป็นสิ้นปี 61...ปัจจัยที่ควรระวังคือ แรงขายทำกำไรเมื่อจบข่าวบวก โดยเฉพาะในตลาดน้ำมัน ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีด้วย
ส่วนในประเทศ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน พ.ย.60 ปรับขึ้นเล็กน้อยจาก 50.6 ในเดือนต.ค. เป็น 51.3 เนื่องจากธุรกิจอสังหาฯปรับตัวดีขึ้น (ช่วงท้ายปีผู้ประกอบการจะเร่งทำการตลาด) เข้าสู่ High season ของท่องเที่ยว และภาคส่งออกยังไปได้ดี
กลยุทธ์ : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อเมื่อ SET ยืนเหนือ 1700 โดยมีแนวต้านระยะสั้น 1705-1710,1720-1730 การอ่อนตัวต่ำกว่า 1700 มีแนวรับ 1680,1670 แนวตัดขาดทุน คือต่ำกว่า 1700 หุ้นแนะนำใน Wealth Perspective เดือนธ.ค.60 ประกอบด้วย หุ้นเติบโต MTLS, TMB หุ้นมูลค่า AMATA, BBL หุ้นปันผล KKP, SENA ทั้งนี้ Theme การลงทุนช่วงธ.ค.เป็น 1. LTF Play – แนะซื้อสะสมหุ้น Big Cap ที่ได้ประโยชน์จาก LTF โค้งสุดท้ายปีนี้ ซึ่งหุ้น Big Cap ใน DBSV Coverage ที่แนะนำซื้อ คือ AOT, BEM, BBL, KBANK, TMB, HMPRO, IVL, PTTGC, LH, MINT, MTLS และ 2. High Dividend Yield Play - เพราะอีกประมาณ 4 เดือนก็จะได้ปันผลสำหรับผลประกอบการปี 60 แล้ว หุ้นปันผลเด่นของเรา เป็น KKP, KTB, LH, SENA, LALIN, DIF, TMT เป็นต้น
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งกว่า 200 จุดเช้านี้...รับวุฒิสภาสหรัฐไฟเขียวร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี
# วุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียง 51-49 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่วนขั้นตอนต่อไปนั้นสภาคองเกรสสหรัฐจะต้องรวมร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างเดียวกัน และให้การอนุมัติ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป
# จับตาสภาคองเกรสสหรัฐว่าจะอนุมัติการใช้จ่ายเพื่อให้รัฐบาลมีงบประมาณในการบริหารประเทศหลังจากวันศุกร์ที่ 8 ธ.ค.นี้หรือไม่ ซึ่งหากสภาคองเกรสให้การอนุมัติก็จะช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐหรือชัตดาวน์
- สหรัฐ : อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติซัดทอดว่าทรัมป์สั่งการให้ติดต่อกับจนท.รัสเซียช่วงเลือกตั้งปธน.
# สำนักข่าว ABC รายงานว่านายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ออกมายอมรับว่าตนได้ให้การเท็จต่อสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เกี่ยวกับการสนทนาของเขากับนายนายเซอร์เกย์ คิซยัค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ และให้การซัดทอดทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 59 ทั้งนี้ การให้การเท็จต่อ FBI ถือว่ามีความผิดร้ายแรง มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์
•/+ สหรัฐ : PMI ภาคผลิตพ.ย.อ่อนลง (แต่ยังสูงกว่า 50) ส่วนภาคก่อสร้างเติบโตดีขึ้น
# มาร์กิตเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายลดลงสู่ 53.9 ในเดือนพ.ย. จาก 54.6 ในเดือนต.ค.
# การใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง +1.4%MoM ในเดือนต.ค.สู่ระดับ 1.24 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการก่อสร้างในภาครัฐ และการลงทุนในภาคเอกชน
• จีน : มาร์กิตรายงานดัชนี PMI ภาคผลิตเดือนพ.ย.อ่อนลง แต่ NBS รายงานว่าขยับขึ้นเล็กน้อย
# ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 50.8 ในเดือนพ.ย. ลดลงจากระดับ 51.0 ในเดือนต.ค. ส่วนสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. ขยายตัวเป็น 51.8 จากระดับ 51.6 ในเดือนต.ค.
+/• ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนีอ่อนลงเพราะกังวลความมั่นคงปธน.ทรัมป์
# ดัชนี DJIA ปิด 24,231.59 จุด -40.76 จุด หรือ -0.17% ดัชนี Nasdaq ปิด 6,847.59 จุด -26.39 จุด หรือ -0.38% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,642.22 จุด -5.36 จุด หรือ -0.20%
# ปัจจัยกดดัน คือ การที่นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ออกมายอมรับว่าตนได้ให้การเท็จต่อ FBI และซัดทอดทรัมป์ว่าเป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 59
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาพุ่งขึ้นรับข่าวการขยายเวลาลดการผลิตไปอีก 9 เดือนถึงสิ้นปี 61
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 58.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 63.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
# กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกกลุ่มโอเปก (นำโดยรัสเซีย) มีมติเป็นเอกฉัณฑ์ในการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปีหน้า จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดสิ้น 1Q61
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาเพิ่มขึ้นหลังมีประเด็นกังวลการเมืองสหรัฐ
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 5.60 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ระดับ 1,282.30 ดอลลาร์/ออนซ์
# เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ หลังมีเจ้าหน้าที่ซัดทอดว่าทรัมป์เป็นผู้ให้ติดต่อรัสเซียช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 59 ซึ่งความกังวลเรื่องการเมืองสหรัฐและการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์เป็นบวกกับราคาทองคำ
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
+ ธปท.เผยดัชนีเชื่อมั่นธุรกิจพ.ย.ดีขึ้น
# ธปท.เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน พ.ย.60 ปรับขึ้นเล็กน้อยจาก 50.6 ในเดือนต.ค. เป็น 51.3 โดยดัชนีสูงกว่าระดับ 50 เป็นเดือนที่ 7 ปัจจัยหนุนหลัก คือ การเข้าสู่ช่วง High season ของการท่องเที่ยว และธุรกิจอสังหาฯดีขึ้นอย่างไรก็ตาม ดัชนีฯด้านต้นทุนลดลง บ่งชี้ถึงความกังวลด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการในหลายธุรกิจ อาทิ ขนส่งและคมนาคม ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร และการค้าส่ง
# สำหรับในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 54.2 โดยลดลงในทุกองค์ประกอบ
• กระทรวงการคลังไฟเขียวเงินเฟ้อปี 61 ที่ 2.5%
# รายงานข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่านายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้เห็นชอบกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 61 ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอมาในระดับ 2.5% หรือเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1-4% เรียบร้อยแล้ว เพื่อใช้เป็นอีกตัวชี้วัดในการกำกับดูแลการขยายตัวเศรษฐกิจปี 61 โดย ธปท. ยืนยันว่าเงินเฟ้อที่ 2.5% ยังเป็นระดับที่ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เต็มศักยภาพที่ระดับ 4-5% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO3178