WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Mayบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง :รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 

Market summary
  เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแรงซื้อเด่นในกลุ่มธนาคารนำโดย TMB, SCB, KTB, BBL และกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP ภายหลัง OPEC ขยายเวลากำลังการผลิตออกไปจนถึงธันวาคม 2561 โดย GPI เข้าซื้อขายวันแรกด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 1.2 พันล้านบาท   ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่  1,699 จุด (+2.2 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.4 หมื่นลบ. ลดลงเมื่อเทียบเท่ากับวันก่อนหน้าที่ 6.5 หมื่นล้านบาท  (มี Biglot PTTGC รวมมูลค่า 457 ล้านบาท)
  นักลงทุนชาติขายหุ้นไทยต่อที่  2,431 ล้านบาท และคงสถานะ Short สุทธิ SET50  Index Future ที่ 720 สัญญา
 
Investment theme
  หลายปัจจัยต่างประเทศ ส่งผลต่อความผันผวนของ Fund Flow  เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย สภาสูงมีมติผ่านร่างกฎหมายปฎิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียง 51-49 (ยกเว้นนาย  Bob Corker ที่ไม่เห็นด้วย) โดยลำดับถัดไปจะมีการนำแผนของทั้งสองแบบมาเรียบเรียงอีกครั้งก่อนส่งให้ Trump พิจารณา อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาดียวกัน นาย Michael Flynn (อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคง) รับสารภาพให้การเท็จต่อ FBI ในคดีที่ Trump อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลระดับสูงของรัสเซียและอาจเชื่อมโยงกับการเลือกตั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยเรามองว่าประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดหุ้นสหรัฐ และสำหรับภาพการลงทุนในเดือนธันวาคม เราคาดนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยแต่ไม่มาก ในขณะที่คาดสถาบันซื้อสุทธิประมาณ 5 พัน -1.0 หมื่นล้านบาท
  Investment theme:  สัปดาห์นี้คาด SET ยังคงแกว่งตัวในกรอบ 1,680-1,720 และด้วยสถานการณ์เช่นนี้แนะนักลงทุนเปลี่ยนใช้กลยุทธ์ซื้อเมื่ออ่อนตัว และขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน โดยเราแนะนำลงทุนหุ้นในกลุ่ม Logistic อย่าง PSL, WICE และ PORT รวมถึงทยอยสะสมกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL) และกลุ่มอสังหา (LPN, AP)
 
Big issue
  เมื่อคืนที่ผ่านมา   สหรัฐ และ ยุโรปรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตสูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ 53.9 และ 60.1 ตามลำดับ  / Brent ปรับตัวขึ้นต่อที่ 63.6 / เกาหลีใต้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เป็น 1.50%  / ประเทศไทยรายงานเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ที่ 0.99% ส่งผลให้ตัวเลข 11 เดือนที่ 0.66% / Nasdaq เตรียมพิจารณาเปิดขายซื้อขายฟิวเจอร์ Bitcoin / BDI ปรับขึ้นอีก 48 จุด เป็น 1,626
ตลาดนำ PORT เข้าเกณฑ์ Cash Balance
Stock pick : AP
B AP : เก็งกำไรราคาเหมาะสม 9.50 บาท/หุ้น
   คาดกำไรไตรมาส 4 สูงเป็นสัดส่วนสูงกว่า 44% ของประมาณการกำไรทั้งปี หรือคิดประมาณ 3.19 พันล้าน สนับสนุนจากทั้งกำไรของ JV กับ Mitsubishi ในการรับรู้รายได้จากโครงการRHYTHM (คอนโดรางน้ำ) ในขณะที่คาดรับรู้รายได้จาก Backlog ที่สูงกว่า 6.0  พันล้านบาท โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่คาดอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 33%
  ในขณะที่คาด Presale ปีนี้จะทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดกำไร AP จะเด่นต่อเนื่องถึงใน 1Q61 ในขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้น Laggard กลุ่มอสังหาประมาณ 3% คงคำแนะนำซื้อ ด้วยราคาเหมาะสม 9.50 บาท/หุ้น พร้อมปันผลประมาณ 4%
  Trading idea – –  BJC @ 68.0 บาท // ทยอยสะสม WICE @6.10 และ PSL @13.70 
 
Technical View
  ยังคงมีแรงซื้อกลับที่ Low ของวัน : ภาพหลักดัชนียังคงแกว่งตัวในกรอบ Symmetry Triangle รอการเลือกทาง เรายังคงให้น้ำหนักในทิศทางขึ้น เนื่องจาก 1) ทุกครั้งที่แท่งเทียนทดสอบแนวรับจะมีแรงซื้อกลับทันที (เกิดเป็นหาง) 2) RSI ยังคงมากกว่า 50 แสดงถึงความแข็งแกร่งของเทรน โดยมองว่าแนวรับ 1690 เป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง คาดระยะสั้นดัชนีจะ Rebound ขึ้นตามกรอบสามเหลี่ยม ยังคงใช้แนวรับ 1690 และแนวต้าน 1720 เป็นจุดตัดสินใจ กลยุทธ์การลงทุน  1) มีหุ้น: Let Profit Run คาดหวังการ Rebound ขึ้นตามกรอบสามเหลี่ยม 2) ไม่มีหุ้น: หากดัชนีไม่หลุดแนวรับ 1688-1690 มองเป็นโอกาสเล่น Rebound
  แนวรับ : 1695, 1690  แนวต้าน : 1706, 1715
 
Eyes on
  ปัจจัยต่างประเทศ : 5 ธ.ค. ยุโรปรายงานตัวเลข PMI ภาคบริการ / สหรัฐรายงานตัวเลข ISM –Non Maufacuting / ญี่ปุ่นรายงาน GDP ไตรมาส 3 วันที่ 7 ธ.ค. / จับตาปัญหาการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐและจีน
 
ปัจจัยในประเทศ : -
หุ้นเทคนิค:
  PTTEP (B 92.00, Tp 95.00//97.00, Cut 90.00)
  PTT (B 416.00, Tp 428.00, Cut 412.00)
 
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
 OO3165

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!