- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 November 2017 17:01
- Hits: 1480
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selections >> AOT, IVL, MINT
Stock S R Comment
AOT 61.00 63.00 "อาคม" ไฟเขียวยก "อุดรธานี-ตาก" ให้ AOT
IVL 49.00 50.50 อานิสงส์นโยบายภาษีสหรัฐฯ
MINT 43.00 44.50 หวังมาตรการท่องเที่ยวปี 2561 หนุนยอดเข้าพักโตโดดเด่น
A busy but exciting day
Factors : หลากหลายปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในวันนี้ได้แก่
1) การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางเกาหลีใต้เช้าวันนี้สู่ระดับ 1.50% ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 ปีกว่า มองการปรับขึ้นดอกเบี้ยนี้อาจส่งผลให้เกิด Capital rotation ในตลาดตราสารหนี้ของประเทศ EM อื่นเข้าสู่ประเทศเกาหลีใต้ในช่วงถัดไปได้
2) การรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนประจำเดือนพฤศจิกายนเช้าวันนี้ที่ระดับ 51.8 ถือว่าดีกว่าเดือนก่อนและระดับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ มองเป็นปัจจัยบวกต่อราคาโลหะอุตสาหกรรม ดัชนีค่าระวางเรือ ตลาดหุ้นเกิดใหม่ และราคาหุ้นกลุ่มวัฏจักร
3) การแถลงภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือนตุลาคมโดยธปท. ซึ่งเราแนะนำให้ติดตามตัวเลขภาคการบริโภค (โดยเฉพาะ Farm income) และตัวเลขภาคการลงทุนอย่างใกล้ชิด ซึ่งเราประเมินว่าน่าจะเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวจากกระบวนการส่งผ่านของภาคการส่งออกมายังภาคอุปสงค์ในประเทศ
4) การประชุมระหว่างกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ซึ่งเราประเมินเช่นเดิมว่าหากในที่ประชุมมีมติเพียงแค่การขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปอีก 6 เดือน ผลกระทบคงมีไม่มากนัก และต้องระวังแรงขาย Sell on fact ในน้ำมันดิบและหุ้นในกลุ่ม Upstream ที่อาจจะตามมา ในทางกลับกันหากในที่ประชุมมีมติขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตนานกว่านั้น หรือมีมติลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก มองจะเป็น Sentiment เชิงบวกได้
5) หุ้นที่ถูกนำเข้าและตัดออกจาก MSCI จะมีผลบังคับใช้ในช่วงปิดตลาดวันนี้ เราไม่แนะนำให้เก็งกำไรสำหรับหุ้นที่ถูกนำเข้าสู่ดัชนีแล้ว ในทางกลับกัน หากหุ้นที่ถูกถอดออกจากดัชนีมีการปรับตัวลงลึกในวันนี้ มองเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานดีอย่างเช่น GPSC โดยหากอ้างอิงจากผลการศึกษาของเรานับตั้งแต่ปี 2008 จะพบว่า หุ้นที่ถูกถอดออกจากดัชนี Small cap มักปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ย 3% นับจากวันมีผลบังคับใช้ไปจนถึงช่วง 1 เดือนหลังจากนั้น
6) FTSE ประกาศรายชื่อหุ้นไทยที่ถูกนำเข้าสู่ดัชนี Small cap รอบใหม่พบว่ามี 2 บริษัทได้แก่ BGRIM และ TPIPP โดยจะมีผลบังคับใช้ในช่วงปิดตลาดของวันที่ 15 ธันวาคมนี้ คาดเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นทั้งสองในระยะสั้น โดยในส่วนของ TPIPP นั้นยังเป็นหุ้นที่เราคาดการณ์ว่าจะถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 และ SET100 ในรอบถัดไปด้วย ซึ่งตลาดฯจะประกาศผลออกมาในช่วงกลางเดือนธันวาคม ทั้งนี้ในเชิงพื้นฐานเรายังคงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" TPIPP ที่ราคาเป้าหมาย 7.80 บาท โดยมีปัจจัยที่น่าสนใจได้แก่
I) การติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง (TG6 TG7 และ TG8) คืบหน้าตามแผน โดย TG7 เตรียม COD เดือนธ.ค.นี้ ขณะที่ TG6 และ TG8 คาดจะเห็นความคืบหน้าและเริ่ม COD ได้ในช่วงต้นปี 61
II) แนวโน้มรายได้ในไตรมาส 4 เติบโตหลังโรง TG3 และ TG5 กลับมาเดินเครื่องเป็นปกติ พร้อมแรงหนุนจาก Boiler ตัวใหม่ (B9&B10) ส่งผลให้ Utilization Rate โดยรวมสูงขึ้นชัดเจน
III) จับตาประเด็นบวกจากการเจรจาเข้าร่วมในโครงการกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าหรือ Quick Win Projects และแนวโน้มการปรับขึ้นค่า Ft ในปีหน้า ซึ่งจะส่งผลบวกต่อรายได้ของบริษัท
แนวรับ 1,698 แนวต้าน 1,719
บทวิเคราะห์วันนี้
AOT (Neutral ราคาเป้าหมาย 60 บาท) 4Q60 อ่อนตัวลงจากค่าตอบแทนย้อนหลัง แต่การเติบโตของผู้โดยสารยังคงแข็งแกร่ง
TPIPP (Trading Buy ราคาเป้าหมาย 7.80 บาท) แนวโน้มไตรมาส 4 สดใส TG7 เดินหน้าตามแผน ติดตาม TG6 และ TG8 หนุนกำลังการผลิตไฟฟ้า
Today's Event
CTARAF XD 0.10 บาท
KPNPF XD 0.115 บาท
MJLF XD 0.225 บาท
OISHI XD 2.30 บาท
TCMC ลูกหุ้นเข้า 254,396,325 หุ้น
JKN เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (540mn sh @ Bt. 8.00) ตลาด MAI
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]
OO3039