- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 27 November 2017 17:13
- Hits: 2855
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> ยังซื้อหุ้นพื้นฐานดีเพิ่มในช่วงอ่อนตัว และเก็งกำไรหุ้น Mid-Small Cap
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัวในแดนลบตลอดทั้งวันโดยปิดลบ 11.54 จุดและหลุดต่ำกว่าระดับ 1,700 จุดซึ่งแย่กว่าที่เราประเมิน โดยมีแรงขายออกมาค่อนข้างหนักในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งหากดูสถานะของนักลงทุนรายกลุ่มแรงขายหลักๆมาจากฝั่งสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิสูงถึง 2,668 ลบ. ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิ 732 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,685-1,705 จุด หลังจากพักฐานพอสมควรจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนรายกลุ่ม เราคาดว่ากลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่ถูกขายค่อนข้างหนักสัปดาห์ที่ผ่านมาจะหนุนตลาดได้หลังราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี ขณะที่สัปดาห์นี้มีปัจจัยที่ต้องติดตามค่อนข้างมาก ได้แก่ คือตัวเลข GDP 3Q17 ของสหรัฐฯ การโหวตผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของวุฒิสภา การประชุม OPEC เป็นต้น ทำให้ตลาดน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดและมีโอกาสปรับฐานต่อหากผลลัพธ์ต่างๆสร้างความผิดหวัง แต่เรายังมองเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานดีจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งและอยู่ในช่วงขาขึ้น
กลยุทธ์ : ยังซื้อหุ้นพื้นฐานดีเพิ่มในช่วงอ่อนตัวและเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CPALL, CPN, EKH, MINT, SYNEX
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$254ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$162ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$22ล้าน ขณะที่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$50ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคตามตลาดหุ้นสหรัฐที่บวกขึ้นจากการซื้อขายที่คึกคักในวัน Black Friday
กลยุทธ์วันนี้ >> ยังซื้อหุ้นพื้นฐานดีเพิ่มในช่วงอ่อนตัว และเก็งกำไรหุ้น Mid-Small Cap
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัวในแดนลบตลอดทั้งวันโดยปิดลบ 11.54 จุดและหลุดต่ำกว่าระดับ 1,700 จุดซึ่งแย่กว่าที่เราประเมิน โดยมีแรงขายออกมาค่อนข้างหนักในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งหากดูสถานะของนักลงทุนรายกลุ่มแรงขายหลักๆมาจากฝั่งสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิสูงถึง 2,668 ลบ. ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิ 732 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,685-1,705 จุด หลังจากพักฐานพอสมควรจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนรายกลุ่ม เราคาดว่ากลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่ถูกขายค่อนข้างหนักสัปดาห์ที่ผ่านมาจะหนุนตลาดได้หลังราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี ขณะที่สัปดาห์นี้มีปัจจัยที่ต้องติดตามค่อนข้างมาก ได้แก่ คือตัวเลข GDP 3Q17 ของสหรัฐฯ การโหวตผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของวุฒิสภา การประชุม OPEC เป็นต้น ทำให้ตลาดน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดและมีโอกาสปรับฐานต่อหากผลลัพธ์ต่างๆสร้างความผิดหวัง แต่เรายังมองเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานดีจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งและอยู่ในช่วงขาขึ้น
กลยุทธ์ : ยังซื้อหุ้นพื้นฐานดีเพิ่มในช่วงอ่อนตัวและเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CPALL, CPN, EKH, MINT, SYNEX
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$254ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$162ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$22ล้าน ขณะที่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$50ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคตามตลาดหุ้นสหรัฐที่บวกขึ้นจากการซื้อขายที่คึกคักในวัน Black Friday
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> MINT <<
คาดกำไร 4Q17 โตดี Q-Q และ Y-Y จาก High Season ของธุรกิจโรงแรม ส่วนธุรกิจอาหารแม้รายได้ไม่โต แต่ถูกหักล้างด้วยการบริหารต้นทุนอย่างดีเยี่ยม เราคาดกำไรปกติทั้งปีนี้ +23% Y-Y อยู่ที่ 5.6 พันลบ.
ส่วนปีหน้าคาด +15% Y-Y อยู่ที่ 6.5 พันลบ. จากการขยายตัวในทุกธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ ส่วนเงินที่ได้จาก MINT-W5 อีก 7 พันลบ. จะเอาไปใช้ลงทุนและคืนนี้บางส่วนเพื่อลดภาระดอกเบี้ยและเสริมฐานะการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น
NVDR ซื้อเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และตั้งแต่ต้นปีซื้อไปแล้วถึง 3.9 พันลบ. ราคาหุ้นที่พักตัวลงระยะนี้เรามองเป็นโอกาสซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 48 บาท
คาดกำไร 4Q17 โตดี Q-Q และ Y-Y จาก High Season ของธุรกิจโรงแรม ส่วนธุรกิจอาหารแม้รายได้ไม่โต แต่ถูกหักล้างด้วยการบริหารต้นทุนอย่างดีเยี่ยม เราคาดกำไรปกติทั้งปีนี้ +23% Y-Y อยู่ที่ 5.6 พันลบ.
ส่วนปีหน้าคาด +15% Y-Y อยู่ที่ 6.5 พันลบ. จากการขยายตัวในทุกธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ ส่วนเงินที่ได้จาก MINT-W5 อีก 7 พันลบ. จะเอาไปใช้ลงทุนและคืนนี้บางส่วนเพื่อลดภาระดอกเบี้ยและเสริมฐานะการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น
NVDR ซื้อเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และตั้งแต่ต้นปีซื้อไปแล้วถึง 3.9 พันลบ. ราคาหุ้นที่พักตัวลงระยะนี้เรามองเป็นโอกาสซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 48 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) Motor Expo 2017 เริ่ม 30 พ.ย. – 11 ธ.ค. 17 ผู้จัดตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ 4 หมื่นคัน เพิ่มขึ้นจาก 3.2 หมื่นคันในปีก่อน ถือเป็นปัจจัยบวกกับหุ้นกลุ่มยานยนต์โดยตรง ซึ่ง Top Pick ของเรายังเป็น PCSGH ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 9.60 บาท นอกจากนี้ ยังมีหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการจัดงาน ซึ่งที่เรา cover คือ CMO เป็นผู้จัดอีเว้นท์และให้เช่าอุปกรณ์แสงสีเสียง โดยปีนี้ได้งานมากกว่าปีก่อน และถ้าอิงการจัดงานครั้งที่ผ่านมา ราคาหุ้นทรงตัวในช่วงจัดงาน แต่ปรับขึ้น 5% ใน 5 วันทำการหลังจัดงาน และ 10% ใน 10 วันทำการหลังจัดงาน แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 3.00 บาท ส่วนอีกหุ้นคือ K รับงานตกแต่งบูธ ราคาหุ้นไม่มีความสัมพันธ์กับการจัดงาน แต่คาดว่ามูลค่างานที่สูงขึ้นจะทำให้ 4Q17 พลิกมามีกำไรครั้งแรกของปี แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
(0) กกพ. ประกาศชื่อผู้ผ่านเทคนิค SPP Hybrid 42 โครงการขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,062.2 MW และมีปริมาณเสนอขายรวมทั้งสิ้น 755.3 MW โดย กกพ. จะรับซื้อตามโครงการนี้ 300 MW หลังจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาข้อเสนอด้านราคา และประกาศผลผู้ได้รับคัดเลือกในวันที่ 14 ธ.ค. 17
(0) BJC การประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ได้ข้อมูลเชิงบวกเล็กน้อย จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อและมาตรการช้อปช่วยชาติ รวมถึง SSSG ของ BIGC ต.ค. 17 ที่เป็นบวกราว 3% Y-Y และคาด พ.ย. 17 จะเร่งตัวขึ้นอีก เพราะอีก 3 ธุรกิจที่เหลือทั้ง Packaging, Consumer, และ Healthcare มีแนวโน้มดีขึ้นหมด แต่ที่ผิดคาดคือการปรับโครงสร้างภาษีอาจเสร็จไม่ทันปีนี้ ซึ่งจะไปลดลงในปีหน้าแทน ส่วนแนวโน้มธุรกิจหลักในปีหน้าสดใสมากขึ้น จากแผนการเปิดสาขาใหม่และ SSSG ที่เป็นบวกของ BIGC รวมถึงธุรกิจแก้วที่ขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2017 ลงเป็น +25% Y-Y (เดิมคาด +49% Y-Y) และปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 2018 เป็น +54% Y-Y จากเดิมคาด +21% Y-Y ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2018 เป็น 64 บาท จาก 60 บาท แต่ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาเร็ว็ว็จน Upside เหลือน้อยลง เราจึงปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ
(-) ZIGA ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาจากความกังวลในการฟื้นตัวของกำไรที่ล่าช้า เพราะราคาเหล็กยังทรงตัวในระดับสูง และไม่สามารถปรับราคาขายขึ้นได้ทัน ถ้ากำไร 4Q17 เท่า 3Q17 กำไรทั้งปีนี้จะ -30% Y-Y ส่วนปีหน้าคาด +19% Y-Y ที่ราคา 5.80 บาท คิดเป็น PE2018 ที่ 16 เท่าใกล้ค่าเฉลี่ยกลุ่มเหล็กและวัสดุก่อสร้าง จึงยังมี Downside อีกเล็กน้อย เรากำลังปรับลดประมาณการ โดยกำลังรอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหาร แนะนำหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่ยังไม่มี ส่วนถ้ามีอยู่แล้วให้เพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขาย โดยอาจพิจารณาลดน้ำหนักการลงทุนในช่วงราคาฟื้น แล้วเปลี่ยนเป็น ARROW แทน
(+) SYNEX สำหรับ SYNEX ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเรามองเป็นโอกาสซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 20 บาท โดยไม่ว่าสัปดาห์ก่อนที่ราคาร่วงเกือบ 5% จะมาจากเหตุผลทางเทคนิคหรือจิตวิทยาการลงทุน แต่สำหรับปัจจัยพื้นฐาน เรายังเชื่อมั่นกับการเติบโตของกำไรสุทธิในปีนี้ (คาด +57% Y-Y อยู่ที่ 639 ลบ.) โดย 4Q17 เราคาดโตแรงต่อเนื่องราว 35-44% Y-Y อยู่ที่ 160-170 ลบ. จากแรงหนุนของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้ง Huawei และ Sumsung และแรงดึงจากช้อปช่วยชาติ รวมถึงการรับรู้กำไรของบัฟ (ประเทศไทย) ที่กำลังโตดี ส่วนปีหน้าที่คาดโต 10% Y-Y อาจต่ำเกินไป เพราะ SYNEX มีแผนขยายตลาดเชิงรุกในต่างประเทศ รวมถึงการซื้อกิจการที่จะเกื้อหนุนให้เกิด Synegy ในอนาคต
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
(0) กกพ. ประกาศชื่อผู้ผ่านเทคนิค SPP Hybrid 42 โครงการขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,062.2 MW และมีปริมาณเสนอขายรวมทั้งสิ้น 755.3 MW โดย กกพ. จะรับซื้อตามโครงการนี้ 300 MW หลังจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาข้อเสนอด้านราคา และประกาศผลผู้ได้รับคัดเลือกในวันที่ 14 ธ.ค. 17
(0) BJC การประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ได้ข้อมูลเชิงบวกเล็กน้อย จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อและมาตรการช้อปช่วยชาติ รวมถึง SSSG ของ BIGC ต.ค. 17 ที่เป็นบวกราว 3% Y-Y และคาด พ.ย. 17 จะเร่งตัวขึ้นอีก เพราะอีก 3 ธุรกิจที่เหลือทั้ง Packaging, Consumer, และ Healthcare มีแนวโน้มดีขึ้นหมด แต่ที่ผิดคาดคือการปรับโครงสร้างภาษีอาจเสร็จไม่ทันปีนี้ ซึ่งจะไปลดลงในปีหน้าแทน ส่วนแนวโน้มธุรกิจหลักในปีหน้าสดใสมากขึ้น จากแผนการเปิดสาขาใหม่และ SSSG ที่เป็นบวกของ BIGC รวมถึงธุรกิจแก้วที่ขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2017 ลงเป็น +25% Y-Y (เดิมคาด +49% Y-Y) และปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 2018 เป็น +54% Y-Y จากเดิมคาด +21% Y-Y ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2018 เป็น 64 บาท จาก 60 บาท แต่ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาเร็ว็ว็จน Upside เหลือน้อยลง เราจึงปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ
(-) ZIGA ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาจากความกังวลในการฟื้นตัวของกำไรที่ล่าช้า เพราะราคาเหล็กยังทรงตัวในระดับสูง และไม่สามารถปรับราคาขายขึ้นได้ทัน ถ้ากำไร 4Q17 เท่า 3Q17 กำไรทั้งปีนี้จะ -30% Y-Y ส่วนปีหน้าคาด +19% Y-Y ที่ราคา 5.80 บาท คิดเป็น PE2018 ที่ 16 เท่าใกล้ค่าเฉลี่ยกลุ่มเหล็กและวัสดุก่อสร้าง จึงยังมี Downside อีกเล็กน้อย เรากำลังปรับลดประมาณการ โดยกำลังรอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหาร แนะนำหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่ยังไม่มี ส่วนถ้ามีอยู่แล้วให้เพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขาย โดยอาจพิจารณาลดน้ำหนักการลงทุนในช่วงราคาฟื้น แล้วเปลี่ยนเป็น ARROW แทน
(+) SYNEX สำหรับ SYNEX ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเรามองเป็นโอกาสซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 20 บาท โดยไม่ว่าสัปดาห์ก่อนที่ราคาร่วงเกือบ 5% จะมาจากเหตุผลทางเทคนิคหรือจิตวิทยาการลงทุน แต่สำหรับปัจจัยพื้นฐาน เรายังเชื่อมั่นกับการเติบโตของกำไรสุทธิในปีนี้ (คาด +57% Y-Y อยู่ที่ 639 ลบ.) โดย 4Q17 เราคาดโตแรงต่อเนื่องราว 35-44% Y-Y อยู่ที่ 160-170 ลบ. จากแรงหนุนของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้ง Huawei และ Sumsung และแรงดึงจากช้อปช่วยชาติ รวมถึงการรับรู้กำไรของบัฟ (ประเทศไทย) ที่กำลังโตดี ส่วนปีหน้าที่คาดโต 10% Y-Y อาจต่ำเกินไป เพราะ SYNEX มีแผนขยายตลาดเชิงรุกในต่างประเทศ รวมถึงการซื้อกิจการที่จะเกื้อหนุนให้เกิด Synegy ในอนาคต
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
28 พ.ย.- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)
29 พ.ย.- สหรัฐฯ: GDP3Q17 (ตัวเลขสุดท้าย), รายงานภาวะเศรษฐกิจ Beige Book ของเฟด
30 พ.ย.- จีน: PMI ภาคการผลิต (พ.ย.)
- OPEC: ประชุมเพื่อขยายกรอบเวลาควบคุมการผลิตน้ำมัน
- ไทย: ตัวเลขเศรษฐกิจของ ธปท., MSCI รอบใหม่มีผลบังคับใช้, JKN เข้าซื้อขายวันแรก ราคา IPO 8.00 บาท
1 ธ.ค.- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (พ.ย.)
5 ธ.ค.- ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดขยับขึ้นจากแรงซื้อกลุ่มค้าปลีกตามกระแสคาดการณ์ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือนพ.ย.-ธ.ค.ที่จะแข็งแกร่ง
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบจากความกังวลสถานการณ์การเมืองเยอรมนี และ ความคืบหน้าของกระบวนการแยกตัวของอังกฤษ
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมในกรอบแคบตามภาวะตลาดโลก ขณะที่นักลงทุนเฝ้าจับตาการประกาศตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนวันนี้
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัวอ่อนค่าเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 32.67-32.73 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดบวก 0.93 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 58.95 ดอลลาร์/บาร์เรล จากอุปทานสหรัฐที่ถูกกระทบจากการปิดซ่อมท่อขนส่งน้ำมัน นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากความคาดหวังการประชุมโอเปกวันที่ 30 พ.ย.นี้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 4.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,287.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าช่วยพยุงให้ราคาให้ไม่ร่วงลงมากนัก
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO2846
29 พ.ย.- สหรัฐฯ: GDP3Q17 (ตัวเลขสุดท้าย), รายงานภาวะเศรษฐกิจ Beige Book ของเฟด
30 พ.ย.- จีน: PMI ภาคการผลิต (พ.ย.)
- OPEC: ประชุมเพื่อขยายกรอบเวลาควบคุมการผลิตน้ำมัน
- ไทย: ตัวเลขเศรษฐกิจของ ธปท., MSCI รอบใหม่มีผลบังคับใช้, JKN เข้าซื้อขายวันแรก ราคา IPO 8.00 บาท
1 ธ.ค.- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (พ.ย.)
5 ธ.ค.- ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดขยับขึ้นจากแรงซื้อกลุ่มค้าปลีกตามกระแสคาดการณ์ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือนพ.ย.-ธ.ค.ที่จะแข็งแกร่ง
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบจากความกังวลสถานการณ์การเมืองเยอรมนี และ ความคืบหน้าของกระบวนการแยกตัวของอังกฤษ
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมในกรอบแคบตามภาวะตลาดโลก ขณะที่นักลงทุนเฝ้าจับตาการประกาศตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีนวันนี้
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัวอ่อนค่าเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 32.67-32.73 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดบวก 0.93 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 58.95 ดอลลาร์/บาร์เรล จากอุปทานสหรัฐที่ถูกกระทบจากการปิดซ่อมท่อขนส่งน้ำมัน นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากความคาดหวังการประชุมโอเปกวันที่ 30 พ.ย.นี้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 4.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,287.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าช่วยพยุงให้ราคาให้ไม่ร่วงลงมากนัก
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO2846