- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 27 November 2017 17:13
- Hits: 2120
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
OPEC meeting…risks of a disappointment
วันนี้คาด ดัชนีฯผันผวนในกรอบ 1,687-1,704 จุด
ระยะสัปดาห์: ดัชนีฯหุ้นไทยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวนอยู่ในกรอบที่คาด 1,730-1,680 จุด แต่ราคาหุ้น
หลายตัวที่ขึ้นแรงรอบนี้ เริ่มถูกเร่งขายล็อกกำไรจนลงแรงกว่าดัชนีฯ...เราคาดว่าการปรับพอร์ตระยะสั้น
ในหุ้นที่ขึ้นแรง เป็นแค่การขายล็อกกำไร บวกกับ การตั้งเครื่องมือเทรดหุ้นตามระบบตัดขาดทุนเมื่อหลุด
รอบด้านตลาดหุ้น
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
OPEC meeting…risks of a disappointment
วันนี้คาด ดัชนีฯผันผวนในกรอบ 1,687-1,704 จุด
ระยะสัปดาห์: ดัชนีฯหุ้นไทยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวนอยู่ในกรอบที่คาด 1,730-1,680 จุด แต่ราคาหุ้น
หลายตัวที่ขึ้นแรงรอบนี้ เริ่มถูกเร่งขายล็อกกำไรจนลงแรงกว่าดัชนีฯ...เราคาดว่าการปรับพอร์ตระยะสั้น
ในหุ้นที่ขึ้นแรง เป็นแค่การขายล็อกกำไร บวกกับ การตั้งเครื่องมือเทรดหุ้นตามระบบตัดขาดทุนเมื่อหลุด
Stop loss
ซึ่งหุ้นหลายตัวลงมาสวนทางกับปัจจัยพื้นฐานที่มีพัฒนาการดีขึ้น จึงมองเป็นโอกาสในการสะสมซื้อรอบใหม่
โดยคาดว่า เม็ดเงินที่ได้จากการขายปรับพอร์ต รอบนี้ จะเข้าซื้อหุ้นพื้นฐานดีแต่ราคายังไม่ขึ้น หรือ ราคาหุ้น
ปรับฐานลงมาก่อนหน้านี้ รวมไปถึงหุ้นที่น่าสนใจในประเด็นการลงทุนสัปดาห์นี้...กับผลการประชุมโอเปก
คาดมีโอกาสที่ราคาน้ำมันดิบจะถูกขายทำกำไรระยะสั้น หลังราคาน้ำมันแรลรี่ มาตั้งแต่กลางปีตาม
ภาวะเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่ง บวกกับอานิสงส์ ผลการประชุม โอเปก เมื่อ 25 พค.ที่ขยายเวลาปรับลดกำลัง
การผลิต 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปถึง มีค. 2018 แต่ครั้งนี้คาดว่า ผลการประชุม มีแนวโน้มจะสร้างความ
ผิดหวังให้กับตลาด โดยไม่ขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไป ตามที่ตลาดคาดหวังคือการขยายฯ
ออกไปถึงสิ้นปีหน้าหรือ ต่อให้มีการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิต เราคาดว่าจะยังมีแรงขาย Sell on fact ราคาน้ำมันดิบอยู่ดี
เมื่อพิจารณาจาก สถานะ Long สุทธิสัญญาน้ำมันดิบ เปรียบเทียบกับ Outstanding contract ที่ขึ้นมาเกิน
70% (เป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ มค. 2016) ซึ่งเป็นการเก็งกำไรล่วงหน้า สะท้อนต่อ การประชุมโอเปก ที่
มองว่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน แนะนำหุ้น ที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง...
โดยคาดว่า เม็ดเงินที่ได้จากการขายปรับพอร์ต รอบนี้ จะเข้าซื้อหุ้นพื้นฐานดีแต่ราคายังไม่ขึ้น หรือ ราคาหุ้น
ปรับฐานลงมาก่อนหน้านี้ รวมไปถึงหุ้นที่น่าสนใจในประเด็นการลงทุนสัปดาห์นี้...กับผลการประชุมโอเปก
คาดมีโอกาสที่ราคาน้ำมันดิบจะถูกขายทำกำไรระยะสั้น หลังราคาน้ำมันแรลรี่ มาตั้งแต่กลางปีตาม
ภาวะเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่ง บวกกับอานิสงส์ ผลการประชุม โอเปก เมื่อ 25 พค.ที่ขยายเวลาปรับลดกำลัง
การผลิต 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปถึง มีค. 2018 แต่ครั้งนี้คาดว่า ผลการประชุม มีแนวโน้มจะสร้างความ
ผิดหวังให้กับตลาด โดยไม่ขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไป ตามที่ตลาดคาดหวังคือการขยายฯ
ออกไปถึงสิ้นปีหน้าหรือ ต่อให้มีการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิต เราคาดว่าจะยังมีแรงขาย Sell on fact ราคาน้ำมันดิบอยู่ดี
เมื่อพิจารณาจาก สถานะ Long สุทธิสัญญาน้ำมันดิบ เปรียบเทียบกับ Outstanding contract ที่ขึ้นมาเกิน
70% (เป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ มค. 2016) ซึ่งเป็นการเก็งกำไรล่วงหน้า สะท้อนต่อ การประชุมโอเปก ที่
มองว่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน แนะนำหุ้น ที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง...
หุ้นแนะนำวันนี้
SCCC แนวรับ 278 ต้าน 290 Stop loss 276
TPAC แนวรับ 13 ต้าน 14 Stop loss 12
TPAC แนวรับ 13 ต้าน 14 Stop loss 12
รายงานวันนี้
CBG: Short-term pain, long-term gain
บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ICUK เพิ่มเป็น 84.3% (จากเดิม 51%) ส่งผลให้ในระยะสั้นบริษัท
จะต้องแบกรับภาระขาดทุนจาก ICUK มากขึ้น แต่เรามองว่าในระยะยาวจะเพิ่มมูลค่าให้กิจการได้ นอกจากนี้
ยอดขายในจีนและอังกฤษมีแนวโน้มที่ต่ำกว่าที่เราประมาณการไว้ แต่เราเชื่อว่ากลยุทธ์ของบริษัทจะส่งผล
ยอดขายเติบโตได้ในระยะยาว เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2018 ลง 18% และปรับราคาเป้าหมายจาก
109 บาทเป็น 99 บาท อย่างไรก็ตามเรายังเชื่อมั่นในการเติบโตของบริษัทในระยะยาวทั้งในตลาด UK และ
ประเทศจีน เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ
CBG: Short-term pain, long-term gain
บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ICUK เพิ่มเป็น 84.3% (จากเดิม 51%) ส่งผลให้ในระยะสั้นบริษัท
จะต้องแบกรับภาระขาดทุนจาก ICUK มากขึ้น แต่เรามองว่าในระยะยาวจะเพิ่มมูลค่าให้กิจการได้ นอกจากนี้
ยอดขายในจีนและอังกฤษมีแนวโน้มที่ต่ำกว่าที่เราประมาณการไว้ แต่เราเชื่อว่ากลยุทธ์ของบริษัทจะส่งผล
ยอดขายเติบโตได้ในระยะยาว เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2018 ลง 18% และปรับราคาเป้าหมายจาก
109 บาทเป็น 99 บาท อย่างไรก็ตามเรายังเชื่อมั่นในการเติบโตของบริษัทในระยะยาวทั้งในตลาด UK และ
ประเทศจีน เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ
BRR: Rating downgrade; gloomy 2018 earnings and expensive
valuation
เราปรับคำแนะนำลงจาก ถือ เป็น ขาย โดยเราปรับประมาณการกำไรปี 2017 ลง 55% มาที่ 451 ล้านบาท
และปรับกำไรปี 2018 ลงจากราคาขายที่ปรับตัวลดลง และปรับราคาเป้าหมายใหม่มาที่ 7.50 บาท เรามองว่า
ผลประกอบการในปีหน้าจะยังถูกดดันจากราคาน้ำตาลตาลในตลาดโลกที่จะได้รับผลกระทบจากผลผลิตของ
น้ำตาลในตลาดโลกที่จะกลับมาเป็นอุปทานส่วนเกิน
เราปรับคำแนะนำลงจาก ถือ เป็น ขาย โดยเราปรับประมาณการกำไรปี 2017 ลง 55% มาที่ 451 ล้านบาท
และปรับกำไรปี 2018 ลงจากราคาขายที่ปรับตัวลดลง และปรับราคาเป้าหมายใหม่มาที่ 7.50 บาท เรามองว่า
ผลประกอบการในปีหน้าจะยังถูกดดันจากราคาน้ำตาลตาลในตลาดโลกที่จะได้รับผลกระทบจากผลผลิตของ
น้ำตาลในตลาดโลกที่จะกลับมาเป็นอุปทานส่วนเกิน
Key takeaways from meeting
COL: เราได้เข้าร่วม Opportunity day เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บริษัทมองว่ายอดขายในไตรมาส 4/60 นั้นจะ
เติบโตทั้งธุรกิจ Office mate และ B2S ซึ่งมาจากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว และความต้องการซื้อ
ของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ นอกจากนี้ยังตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในปี 2018 อย่างน้อย 10%
บริษัทยังมีแผนการเพิ่ม SSS ของธุรกิจ B2S ในปี 2018 โดยการปรับโมเดลร้าน B2S หลายสาขา จากร้าน
หนังสือธรรมดามาเป็น co-living space รวมถึงมุ่งเน้นธุรกิจ E-book มากขึ้น ผู้บริหารมีแผนการเพิ่มอัตรา
กำไรขั้นต้นด้วยการเพิ่มสัดส่วนสินค้า housebrand ซึ่งขณะนี้มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 15% โดยตั้งเป้าให้เพิ่ม
เป็น 20% ในปี 2018 และในอนาคตตั้งเป้าจะให้มีสัดส่วน 30-35% เราเชื่อว่าผลประกอบการในไตรมาส
4/60 จะขยายตัว YoY และ QoQ หนุนโดยการเติบโตของยอดขายทั้ง B2S และ Office Mate รวมถึงอัตรา
กำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มขยายตัวจากสัดส่วนสินค้า house brand ที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ดูเหมือนว่าราคา หุ้นใน
ปัจจุบันจะสะท้อนปัจจัยต่างๆเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำขาย
MEGA: เราได้เข้าร่วม Opportunity day เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผู้บริหารมองการเติบโตของกำไรในไตรมาส
4/60 เช่นเดียวกับการเติบโตของกำไรในไตรมาส 3/60 นอกจากนี้ยังตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในปี
2018 อยู่ที่ 8-10% ซึ่งมาจากการเติบโตของยอดขายของ Mega We care ใน SEA และ Africa รวมถึงการ
เติบโตของธุรกิจ Maxxcare จากโอกาสในการได้ลูกค้ารายใหม่ในประเทศพม่า บริษัทมีการเลื่อนออกสินค้า
ที่ร่วมลงทุนกับ MALEE เป็นไตรมาส 2/60 จากเดิมที่ตั้งเป้าจะออกจำหน่ายสินค้าดังกล่าวในเดือน มีนาคม
เนื่องจากยังคงอยู่ในกระบวนการขอใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แม้ว่าราคาหุ้น
MEGA จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังประกาศผลประกอบการในไตรมาส 3/60 แต่เราก็ยังคงชอบและ
ยังคงคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/60 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ
นอกจากนี้การเติบโตในระยะยาวของบริษัทจากธุรกิจ Mega-Malee และ Wellness We Care ก็ยังน่าสนใจ
และยังเป็น upside ที่ทำให้เรามีโอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการกำไรในอนาคต
เติบโตทั้งธุรกิจ Office mate และ B2S ซึ่งมาจากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว และความต้องการซื้อ
ของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ นอกจากนี้ยังตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในปี 2018 อย่างน้อย 10%
บริษัทยังมีแผนการเพิ่ม SSS ของธุรกิจ B2S ในปี 2018 โดยการปรับโมเดลร้าน B2S หลายสาขา จากร้าน
หนังสือธรรมดามาเป็น co-living space รวมถึงมุ่งเน้นธุรกิจ E-book มากขึ้น ผู้บริหารมีแผนการเพิ่มอัตรา
กำไรขั้นต้นด้วยการเพิ่มสัดส่วนสินค้า housebrand ซึ่งขณะนี้มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 15% โดยตั้งเป้าให้เพิ่ม
เป็น 20% ในปี 2018 และในอนาคตตั้งเป้าจะให้มีสัดส่วน 30-35% เราเชื่อว่าผลประกอบการในไตรมาส
4/60 จะขยายตัว YoY และ QoQ หนุนโดยการเติบโตของยอดขายทั้ง B2S และ Office Mate รวมถึงอัตรา
กำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มขยายตัวจากสัดส่วนสินค้า house brand ที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ดูเหมือนว่าราคา หุ้นใน
ปัจจุบันจะสะท้อนปัจจัยต่างๆเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำขาย
MEGA: เราได้เข้าร่วม Opportunity day เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผู้บริหารมองการเติบโตของกำไรในไตรมาส
4/60 เช่นเดียวกับการเติบโตของกำไรในไตรมาส 3/60 นอกจากนี้ยังตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในปี
2018 อยู่ที่ 8-10% ซึ่งมาจากการเติบโตของยอดขายของ Mega We care ใน SEA และ Africa รวมถึงการ
เติบโตของธุรกิจ Maxxcare จากโอกาสในการได้ลูกค้ารายใหม่ในประเทศพม่า บริษัทมีการเลื่อนออกสินค้า
ที่ร่วมลงทุนกับ MALEE เป็นไตรมาส 2/60 จากเดิมที่ตั้งเป้าจะออกจำหน่ายสินค้าดังกล่าวในเดือน มีนาคม
เนื่องจากยังคงอยู่ในกระบวนการขอใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แม้ว่าราคาหุ้น
MEGA จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังประกาศผลประกอบการในไตรมาส 3/60 แต่เราก็ยังคงชอบและ
ยังคงคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/60 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ
นอกจากนี้การเติบโตในระยะยาวของบริษัทจากธุรกิจ Mega-Malee และ Wellness We Care ก็ยังน่าสนใจ
และยังเป็น upside ที่ทำให้เรามีโอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการกำไรในอนาคต
หุ้นมีข่าว
(+) การประชุมพบผู้บริหารหลังงบออก คาดจะกระตุ้นการเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่มีมุมมองเชิงบวกหลังประชุม
ฯ: ตารางประชุมนักวิเคราะห์ และ Opportunity day
27 พย. BCPG EA LHK AMATAV AMATA TTA RJH AOT
28 พย. WORK SIMAT
29 พย. BGRIM TVD CNTWICE ASN SGP CENTEL EGCO
(+) กกพ. เปิดเผยถึงโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรูปแบบ SPP Hybrid Firm ในปี 2560 ว่า
ตามที่ สำนักงาน กกพ. ได้เปิดให้ผู้สนใจเข้ายื่นข้อเสนอขายไฟฟ้าเมื่อวันที่ 16-20 ตุลาคม 2560 พบว่ามีผู้
มายื่นข้อเสนอขายไฟฟ้าจำนวน85 โครงการ ซึ่งจากการตรวจสอบคุณสมบัติ และประเมินข้อเสนอขอขาย
ไฟฟ้าด้านเทคนิค พบว่า มีโครงการที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกจำนวน 42 โครงการ ขนาดกำลังผลิตติดตั้งรวม
1,062.2 เมกะวัตต์โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายรวมทั้งสิ้น 755.3 เมกะวัตต์ โดยขั้นตอนต่อไปจะเข้าสู่
ขั้นตอนของการพิจารณาข้อเสนอทางด้านราคา โดยกำหนดจะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้ได้ภายใน
วันที่ 14 ธันวาคม 2560 (ที่มา แนวหน้า)
(-) OISHI เหตุเพลิงไหม้โรงงานโออิชิ ภายในนิคมฯนวนคร จ.ปทุมธานีเช้านี้ ควบคุมเพลิงได้ใน
วงจำกัดแล้ว (ที่มา JS100)
--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ โทร.02-2535000 อีเมล์: [email protected]
(*) MSCI Quarterly reviews มีผล 30 พ.ย. MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้น Standard index TOP KBANK
SCB PTTGC IVL และ MSCI Global Small Cap เพิ่มหุ้น BEC, GGC, ORI, VNT, WHAUP ถอดหุ้น
AIRA, GPSC, NYT, SCN, STPI, THRE (ที่มา MSCI)
(+/-) Consensus คาดหุ้นเข้า SET50 รอบใหม่ได้แก่ (+) SAWAD CENTEL TPIPP หุ้นออกได้แก่ (-)
KCE PSH TPIPL (ที่มา ASPEN)
ฯ: ตารางประชุมนักวิเคราะห์ และ Opportunity day
27 พย. BCPG EA LHK AMATAV AMATA TTA RJH AOT
28 พย. WORK SIMAT
29 พย. BGRIM TVD CNTWICE ASN SGP CENTEL EGCO
(+) กกพ. เปิดเผยถึงโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรูปแบบ SPP Hybrid Firm ในปี 2560 ว่า
ตามที่ สำนักงาน กกพ. ได้เปิดให้ผู้สนใจเข้ายื่นข้อเสนอขายไฟฟ้าเมื่อวันที่ 16-20 ตุลาคม 2560 พบว่ามีผู้
มายื่นข้อเสนอขายไฟฟ้าจำนวน85 โครงการ ซึ่งจากการตรวจสอบคุณสมบัติ และประเมินข้อเสนอขอขาย
ไฟฟ้าด้านเทคนิค พบว่า มีโครงการที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกจำนวน 42 โครงการ ขนาดกำลังผลิตติดตั้งรวม
1,062.2 เมกะวัตต์โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายรวมทั้งสิ้น 755.3 เมกะวัตต์ โดยขั้นตอนต่อไปจะเข้าสู่
ขั้นตอนของการพิจารณาข้อเสนอทางด้านราคา โดยกำหนดจะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้ได้ภายใน
วันที่ 14 ธันวาคม 2560 (ที่มา แนวหน้า)
(-) OISHI เหตุเพลิงไหม้โรงงานโออิชิ ภายในนิคมฯนวนคร จ.ปทุมธานีเช้านี้ ควบคุมเพลิงได้ใน
วงจำกัดแล้ว (ที่มา JS100)
--อินโฟเควสท์ โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ โทร.02-2535000 อีเมล์: [email protected]
(*) MSCI Quarterly reviews มีผล 30 พ.ย. MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้น Standard index TOP KBANK
SCB PTTGC IVL และ MSCI Global Small Cap เพิ่มหุ้น BEC, GGC, ORI, VNT, WHAUP ถอดหุ้น
AIRA, GPSC, NYT, SCN, STPI, THRE (ที่มา MSCI)
(+/-) Consensus คาดหุ้นเข้า SET50 รอบใหม่ได้แก่ (+) SAWAD CENTEL TPIPP หุ้นออกได้แก่ (-)
KCE PSH TPIPL (ที่มา ASPEN)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(*) US Tax reform: ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรเต็ม
คณะไปแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เหลือรอการอนุมัติจากวุฒิสภา ซึ่งจะลงมติหลังจากช่วงเทศกาลวัน
ขอบคุณพระเจ้าในวันที่ 23 พ.ย.
(0/-) โบรกต่างชาติโกล์ดแมน แซค คาดปีหน้าเฟดขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง ส่วน Morgan Stanley ยังคงคาด
ว่าเฟดจะขึ้นเดือนหน้า 0.25% เป็น 1.375% และปีหน้า ขึ้น 3 ครั้งเป็น 2.125%
(+) GDP 3Q17 ไทย สภาพัฒน์รายงาน +4.3% ดีกว่าคาด และปีหน้าคาดกรอบ 3.6-4.6% ขณะที่
Morgan Stanley และนักเศรษฐศาสตร์ต่างชาติส่วนใหญ่ ยังคงคาด GDP ไทยปีหน้าโตแค่ 3.5%
ทำให้หุ้นไทยมี Upside risk ต่อคาดการณ์เศรษฐกิจและกำไร บจ. ปีหน้า
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO2855
(*) US Tax reform: ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรเต็ม
คณะไปแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เหลือรอการอนุมัติจากวุฒิสภา ซึ่งจะลงมติหลังจากช่วงเทศกาลวัน
ขอบคุณพระเจ้าในวันที่ 23 พ.ย.
(0/-) โบรกต่างชาติโกล์ดแมน แซค คาดปีหน้าเฟดขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง ส่วน Morgan Stanley ยังคงคาด
ว่าเฟดจะขึ้นเดือนหน้า 0.25% เป็น 1.375% และปีหน้า ขึ้น 3 ครั้งเป็น 2.125%
(+) GDP 3Q17 ไทย สภาพัฒน์รายงาน +4.3% ดีกว่าคาด และปีหน้าคาดกรอบ 3.6-4.6% ขณะที่
Morgan Stanley และนักเศรษฐศาสตร์ต่างชาติส่วนใหญ่ ยังคงคาด GDP ไทยปีหน้าโตแค่ 3.5%
ทำให้หุ้นไทยมี Upside risk ต่อคาดการณ์เศรษฐกิจและกำไร บจ. ปีหน้า
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO2855