- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 23 November 2017 16:39
- Hits: 2943
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อ แต่คงไปไม่ไกล
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ขึ้นต่อแต่ไม่แรง ภาวะตลาดน่าจะคล้ายวานนี้คือปรับขึ้นได้แต่ยังเปราะบางต่อแรงขายที่สลับเข้ามาในวัน และวานนี้ดัชนีฯ ก็ยังไม่ผ่านระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 1,720 จุด ปัจจัยหนุนวันนี้ได้แก่ฟันด์โฟลว์ที่น่าจะอยู่ในขาซื้อสุทธิต่อไป หลังจากค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ปิดที่ 32.67/ดอลล่าร์ฯ เมื่อคืนนี้ ตามปัจจัยที่กดดันสกุลเงินดอลล่าร์ฯ ได้แก่ i) ตัวเลขสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ ต.ค. ที่ต่ำกว่า consensus คาด และ ii) รายงานการประชุมเฟดจากครั้งก่อนหน้านี้ ซึ่งชี้ว่ากรรมการเฟดยัง ‘เสียงแตก’ ต่อสปีดการขึ้นดอกเบี้ยที่เหมาะสมสำหรับปี 2561 เนื่องจากเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวค่อนข้างมาก ทั้งนี้หลังรายงานดังกล่าวเปิดเผยออกมา สัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ให้น้ำหนักว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2561 (หลังจากขึ้นในเดือน ธ.ค. 2560 แล้ว) กดดันดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ฯ ลงต่ำสุดรอบ 5 สัปดาห์ ด้านตลาดหุ้นยุโรปลดลง นำโดยตลาดหุ้นเยอรมันซึ่งร่วง 1.16% หลังมีแนวโน้มว่าเยอรมันต้องจัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง (แต่เรายังคงมุมมองว่ามีผลต่อตลาดหุ้นไทยน้อยมาก) ภาพรวม SET ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น เรามองว่าหลังจากมีความชัดเจนต่อประเด็นปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ และผลประชุมเฟดเดือน ธ.ค. น่าจะเห็นฟันด์โฟลว์เข้าหุ้นไทยแข็งแกร่งขึ้นอีก
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อ แต่คงไปไม่ไกล
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ขึ้นต่อแต่ไม่แรง ภาวะตลาดน่าจะคล้ายวานนี้คือปรับขึ้นได้แต่ยังเปราะบางต่อแรงขายที่สลับเข้ามาในวัน และวานนี้ดัชนีฯ ก็ยังไม่ผ่านระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 1,720 จุด ปัจจัยหนุนวันนี้ได้แก่ฟันด์โฟลว์ที่น่าจะอยู่ในขาซื้อสุทธิต่อไป หลังจากค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ปิดที่ 32.67/ดอลล่าร์ฯ เมื่อคืนนี้ ตามปัจจัยที่กดดันสกุลเงินดอลล่าร์ฯ ได้แก่ i) ตัวเลขสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ ต.ค. ที่ต่ำกว่า consensus คาด และ ii) รายงานการประชุมเฟดจากครั้งก่อนหน้านี้ ซึ่งชี้ว่ากรรมการเฟดยัง ‘เสียงแตก’ ต่อสปีดการขึ้นดอกเบี้ยที่เหมาะสมสำหรับปี 2561 เนื่องจากเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวค่อนข้างมาก ทั้งนี้หลังรายงานดังกล่าวเปิดเผยออกมา สัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ให้น้ำหนักว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2561 (หลังจากขึ้นในเดือน ธ.ค. 2560 แล้ว) กดดันดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ฯ ลงต่ำสุดรอบ 5 สัปดาห์ ด้านตลาดหุ้นยุโรปลดลง นำโดยตลาดหุ้นเยอรมันซึ่งร่วง 1.16% หลังมีแนวโน้มว่าเยอรมันต้องจัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง (แต่เรายังคงมุมมองว่ามีผลต่อตลาดหุ้นไทยน้อยมาก) ภาพรวม SET ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น เรามองว่าหลังจากมีความชัดเจนต่อประเด็นปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ และผลประชุมเฟดเดือน ธ.ค. น่าจะเห็นฟันด์โฟลว์เข้าหุ้นไทยแข็งแกร่งขึ้นอีก
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร EASON / สะสม KBANK*
EASON (เป้า Consensus 4.5 บาท) 1) ประเมินยอดผลิตรถจักรยานยนต์ฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และ Upside risk จากการรุกธุรกิจสีเคลือบกระป๋องสำหรับอาหาร (คาด Consensus ยังไม่รวมในประมาณการฯ) 2) การลงทุนถือหุ้นบริษัท APCON 20.95% (ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า เน้นโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะ) คาด Backlog 1 พันล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ใน 3Q60 – 4Q60 (สมมติฐานอัตรากำไรสุทธิ 5% - 10% เท่ากับว่า EASON จะรับรู้กำไรราว 10.5 – 20.5 ล้านบาท คิดเป็น 13% - 25% ของกำไรสุทธิเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี ที่ยังไม่มีธุรกิจ APCON) 3) รูปแบบราคาพักตัว Sideway หลังปรับตัวขึ้นแรงก่อนหน้า ประเมินแนวรับ 4.0 บาท และแนวต้านแรก 4.06 บาท แนะนำ “เก็งกำไรตาม” หากผ่านแนวต้าน 4.06 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.22 บาท (Trailing stop 4.0 บาท)
KBANK* (เป้าพื้นฐาน 250 บาท) 1) เรายังคงประเมินมุมบวกต่อ KBANK* สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานที่คาดว่าพ้นจุดต่ำสุดแล้วในปีนี้ โดยคาดยอดสินเชื่อปีหน้าเติบโต YoY ฟื้นตามภาวะเศรษฐกิจ และ Credit cost ที่ลดลง 2) เราประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายปีหน้ามีโอกาสปรับขึ้น ตามเศรษฐกิจที่ขยายตัว เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 3) Valuation ไม่แพง ด้วย PBV 1.56 เท่า (ค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 5 ปี เท่ากับ 1.8 เท่า) 3) ประเมินแนวรับ 220 บาท แนะนำ “สะสมแนวรับ” แนวต้าน 237 บาท (Stop loss 216 บาท)
EASON (เป้า Consensus 4.5 บาท) 1) ประเมินยอดผลิตรถจักรยานยนต์ฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และ Upside risk จากการรุกธุรกิจสีเคลือบกระป๋องสำหรับอาหาร (คาด Consensus ยังไม่รวมในประมาณการฯ) 2) การลงทุนถือหุ้นบริษัท APCON 20.95% (ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า เน้นโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะ) คาด Backlog 1 พันล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ใน 3Q60 – 4Q60 (สมมติฐานอัตรากำไรสุทธิ 5% - 10% เท่ากับว่า EASON จะรับรู้กำไรราว 10.5 – 20.5 ล้านบาท คิดเป็น 13% - 25% ของกำไรสุทธิเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี ที่ยังไม่มีธุรกิจ APCON) 3) รูปแบบราคาพักตัว Sideway หลังปรับตัวขึ้นแรงก่อนหน้า ประเมินแนวรับ 4.0 บาท และแนวต้านแรก 4.06 บาท แนะนำ “เก็งกำไรตาม” หากผ่านแนวต้าน 4.06 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.22 บาท (Trailing stop 4.0 บาท)
KBANK* (เป้าพื้นฐาน 250 บาท) 1) เรายังคงประเมินมุมบวกต่อ KBANK* สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานที่คาดว่าพ้นจุดต่ำสุดแล้วในปีนี้ โดยคาดยอดสินเชื่อปีหน้าเติบโต YoY ฟื้นตามภาวะเศรษฐกิจ และ Credit cost ที่ลดลง 2) เราประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายปีหน้ามีโอกาสปรับขึ้น ตามเศรษฐกิจที่ขยายตัว เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 3) Valuation ไม่แพง ด้วย PBV 1.56 เท่า (ค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 5 ปี เท่ากับ 1.8 เท่า) 3) ประเมินแนวรับ 220 บาท แนะนำ “สะสมแนวรับ” แนวต้าน 237 บาท (Stop loss 216 บาท)
หุ้นมีข่าว
(+) ครม.อนุมัติสัญญากู้เงิน ADB 3.4พันล. (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ครม. เห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้ ADB วงเงิน 3.4 พันล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงอำเภอหนองหาน-อำเภอพังโคน ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงสกลนคร-นครพนม (กิโลเมตรที่ 180-213) และทางหลวงหมายเลข 23 ช่วงร้อยเอ็ด-ยโสธร โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 4.5 ปี
(+) อีอีซีลงทุนปีนี้ 7 หมื่นล. ระบุ 9 เดือนอุตฯเป้าหมายลุย 6.78 หมื่นล้านสั่งเพิ่มพื้นที่นิคมฯรับ (โพสต์ทูเดย์) บอร์ดอีอีซีคาดสิ้นปีนี้ยอดลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายแตะ 7 หมื่นล้าน นายกฯ สั่งเพิ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เชื่อต่างชาติสนใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (กนศ.) หรือบอร์ดอีอีซี ว่า ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลักที่มีการกำหนดกรอบเวลาการประกาศร่างทีโออาร์ การเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุน และระยะเวลาการเปิดใช้บริการที่ชัดเจน โดยการเข้ามาลงทุนในอีอีซีของนักลงทุนในระยะแรกถือว่าได้รับความสนใจสูง โดยมีหลาย 100 รายที่เตรียมจะเข้ามาลงทุน
(-) DTAC* ส่อเคว้งยาวปีหน้า กสทช.กังขาหลายเรื่อง เรียก TOT แจงคู่ค้าคลื่น 2300 วันที่ 27 พ.ย.นี้ (ข่าวหุ้น) คณะอนุฯกลั่นกรองกสทช.กังขาหลายเรื่อง เรียก TOT ชี้แจงร่างสัญญาคู่ค้ากับ DTAC ให้บริการ 4G LTE-TDD บนคลื่น 2300 MHz วันที่ 27 พ.ย.นี้ ก่อนชงเข้าบอร์ดกสทช.พิจารณาวันที่ 6 ธ.ค.60 พร้อมสั่ง DTAC ปรับปรุงบริการไลน์โมบาย
(+) PTG* ปักธงอนาคตปีหน้า ดันรายได้เกินแสนล้าน (ข่าวหุ้น) “พีทีจี” ตั้งเป้ารายได้ปี 61 พุ่งเกิน 100,000 ล้านบาท เหตุคาดปริมาณการขายโต 20% และขยายปั๊มเพิ่มเป็น 2,000 แห่ง พร้อมทุ่มงบลงทุน 5,000 ล้านบาทเพื่อขยายธุรกิจ เล็งปิดดีลเข้าซื้อกิจการและร่วมลงทุนอีก 2-3 ดีลในไตรมาส 1/61
(+) JUBILE ลั่นงบ Q4 พีคสุดรอบปีนี้ ตั้งเป้าปีหน้าโกยรายได้โต 10% (ข่าวหุ้น) JUBILE ลั่นงบไตรมาส 4/60 พีคสุด รับอานิสงส์ช็อปช่วยชาติ เตรียมจัดอีเว้นท์กระตุ้นยอดขาย ส่วนปี 61 ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% หลังเล็งออกผลิตภันฑ์ใหม่ กระตุ้นยอดขาย
(+) RICHY ลั่นรายได้ปีนี้ทะลุพันล้าน (ข่าวหุ้น) RICHY มั่นใจรายได้ปีนี้ทะลุเป้า 1,000 ล้านบาท เผยตุนแบ็กล็อก 4,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้ถึงปี 2561
(+) ECF จ่อ COD ไฟฟ้าชีวมวล เติมพอร์ตพลังงานแน่น (ทันหุ้น) ECF เผยแนวโน้มไตรมาส 4/2560 โตต่อเนื่อง โชว์ฟอร์มกลุ่มธุรกิจสดใสทั้งธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และพลังงาน หนุนรายได้รวมในปี 2560 จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ เตรียมรับรู้รายได้ COD โรงไฟฟ้าชีวมวล จ.แพร่ กำลังผลิตรวม 2 เมกะวัตต์ ไตรมาสแรกปี 2561
(+) ครม.อนุมัติสัญญากู้เงิน ADB 3.4พันล. (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ครม. เห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้ ADB วงเงิน 3.4 พันล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงอำเภอหนองหาน-อำเภอพังโคน ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงสกลนคร-นครพนม (กิโลเมตรที่ 180-213) และทางหลวงหมายเลข 23 ช่วงร้อยเอ็ด-ยโสธร โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 4.5 ปี
(+) อีอีซีลงทุนปีนี้ 7 หมื่นล. ระบุ 9 เดือนอุตฯเป้าหมายลุย 6.78 หมื่นล้านสั่งเพิ่มพื้นที่นิคมฯรับ (โพสต์ทูเดย์) บอร์ดอีอีซีคาดสิ้นปีนี้ยอดลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายแตะ 7 หมื่นล้าน นายกฯ สั่งเพิ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เชื่อต่างชาติสนใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (กนศ.) หรือบอร์ดอีอีซี ว่า ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลักที่มีการกำหนดกรอบเวลาการประกาศร่างทีโออาร์ การเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุน และระยะเวลาการเปิดใช้บริการที่ชัดเจน โดยการเข้ามาลงทุนในอีอีซีของนักลงทุนในระยะแรกถือว่าได้รับความสนใจสูง โดยมีหลาย 100 รายที่เตรียมจะเข้ามาลงทุน
(-) DTAC* ส่อเคว้งยาวปีหน้า กสทช.กังขาหลายเรื่อง เรียก TOT แจงคู่ค้าคลื่น 2300 วันที่ 27 พ.ย.นี้ (ข่าวหุ้น) คณะอนุฯกลั่นกรองกสทช.กังขาหลายเรื่อง เรียก TOT ชี้แจงร่างสัญญาคู่ค้ากับ DTAC ให้บริการ 4G LTE-TDD บนคลื่น 2300 MHz วันที่ 27 พ.ย.นี้ ก่อนชงเข้าบอร์ดกสทช.พิจารณาวันที่ 6 ธ.ค.60 พร้อมสั่ง DTAC ปรับปรุงบริการไลน์โมบาย
(+) PTG* ปักธงอนาคตปีหน้า ดันรายได้เกินแสนล้าน (ข่าวหุ้น) “พีทีจี” ตั้งเป้ารายได้ปี 61 พุ่งเกิน 100,000 ล้านบาท เหตุคาดปริมาณการขายโต 20% และขยายปั๊มเพิ่มเป็น 2,000 แห่ง พร้อมทุ่มงบลงทุน 5,000 ล้านบาทเพื่อขยายธุรกิจ เล็งปิดดีลเข้าซื้อกิจการและร่วมลงทุนอีก 2-3 ดีลในไตรมาส 1/61
(+) JUBILE ลั่นงบ Q4 พีคสุดรอบปีนี้ ตั้งเป้าปีหน้าโกยรายได้โต 10% (ข่าวหุ้น) JUBILE ลั่นงบไตรมาส 4/60 พีคสุด รับอานิสงส์ช็อปช่วยชาติ เตรียมจัดอีเว้นท์กระตุ้นยอดขาย ส่วนปี 61 ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% หลังเล็งออกผลิตภันฑ์ใหม่ กระตุ้นยอดขาย
(+) RICHY ลั่นรายได้ปีนี้ทะลุพันล้าน (ข่าวหุ้น) RICHY มั่นใจรายได้ปีนี้ทะลุเป้า 1,000 ล้านบาท เผยตุนแบ็กล็อก 4,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้ถึงปี 2561
(+) ECF จ่อ COD ไฟฟ้าชีวมวล เติมพอร์ตพลังงานแน่น (ทันหุ้น) ECF เผยแนวโน้มไตรมาส 4/2560 โตต่อเนื่อง โชว์ฟอร์มกลุ่มธุรกิจสดใสทั้งธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และพลังงาน หนุนรายได้รวมในปี 2560 จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ เตรียมรับรู้รายได้ COD โรงไฟฟ้าชีวมวล จ.แพร่ กำลังผลิตรวม 2 เมกะวัตต์ ไตรมาสแรกปี 2561
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
COM7* (เป้า Consensus 17.8 บาท … สูงสุด 21 บาท) ประเมินแนวรับ 17 บาท และถัดไปที่ 16.8 บาท หากผ่านแนวราคา 17.5 บาทได้ ประเมินทดสอบแนวต้าน Channel line ที่ 18.5 บาท
MONO* (เป้าพื้นฐาน 5.75 บาท) ประเมินแนวรับ 4.08 บาท และถัดไปที่ 4.0 บาท แนะนำ “สะสมแนวรับ” แนวต้าน 4.24 บาท (Stop loss 4.0 บาท)
SPA (เป้า Consensus 18.3 บาท ... สูงสุด 20 บาท) ประเมินแนวรับ 18.2 บาท แนวต้าน 18.8 บาท และถัดไปที่ 19.5 บาท (Trailing stop 17.9 บาท)
TICON (เป้าพื้นฐาน 19.3 บาท) ประเมินแนวรับ 16.9 บาท แนวต้าน 18 บาท และถัดไปที่ 18.6 บาท (Trailing stop 16.6 บาท)
SGF (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 0.25 บาท แนวต้านเทรนไลน์ที่ 0.28 บาท และถัดไปที่ 0.30 บาท (Stop loss 0.25 บาท)
PTTEP* (เป้าพื้นฐาน 103 บาท) ประเมินแนวรับ 90 บาท แนวต้าน 95 บาท แนะนำ “สะสมแนวรับ” (Stop loss 86 บาท)
KTC* (เป้าพื้นฐาน 180 บาท) แนะนำ “Let profit run” กำหนด Trailing stop 158 บาท
WHAUP (เป้าพื้นฐาน 8.5 บาท) ประเมินแกว่งตัวในกรอบ 7.9 – 8.7 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบฯ
BANPU* (เป้าพื้นฐาน 23.5 บาท) พิจารณาแนวราคา 17.1 บาท หากต่ำกว่าแนะนำ “Stop loss” / หากยืนได้ แนะนำ “ถือ”
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
HANA แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 48 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ประเมิน ธุรกิจในกลุ่มสื่อสารจะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักใน4Q60 เช่นเดียวกับใน 3Q60 แต่ยังเป็นห่วงวัฏจักรธุรกิจที่กำลังจะจบขาขึ้นใน 1H61 อย่างไรก็ดี บริษัทวางแผนขยายกำลังการผลิตโรงงานที่ จ.อยุธยาเพิ่มขึ้น 40% รองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
WHAUP แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 8.5 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ประเมิน ธุรกิจบำบัดน้ำเสีย, น้ำประปาเทศบาล และตลาดCLMV จะช่วยหนุนแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวได้ ในขณะเดียวกัน บริษัทก็มองเห็นโอกาสในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไฟฟ้า (จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ และผู้ให้บริการด้านพลังงานแบบครบวงจร) ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจพลังงาน แต่เนื่องจาก upside เริ่มจำกัดจึงแนะนำเพียง “ถือ”
BDMS* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 25 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ประเมิน กำไรสุทธิของ BDMS ใน 4Q60 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 พันล้านบาท (+24% YoY, ทรงตัว QoQ) จาก i) จำนวนผู้ป่วยจากตะวันออกกลางที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ii) จำนวนผู้ป่วยจากจีนที่เติบโตในอัตราสูง (+27% YoY) ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นตัวใหม่ iii) กลุ่มโรงพยาบาลใหม่อาจจะถึงจุดคุ้มทุนในระดับ EBITDA ได้ (ภายในเวลาแค่ไม่ถึง 2 ปีหลังจากที่เข้าไปซื้อกิจการมา) และ iv) คุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดี
Market strategy Thailand
COM7* (เป้า Consensus 17.8 บาท … สูงสุด 21 บาท) ประเมินแนวรับ 17 บาท และถัดไปที่ 16.8 บาท หากผ่านแนวราคา 17.5 บาทได้ ประเมินทดสอบแนวต้าน Channel line ที่ 18.5 บาท
MONO* (เป้าพื้นฐาน 5.75 บาท) ประเมินแนวรับ 4.08 บาท และถัดไปที่ 4.0 บาท แนะนำ “สะสมแนวรับ” แนวต้าน 4.24 บาท (Stop loss 4.0 บาท)
SPA (เป้า Consensus 18.3 บาท ... สูงสุด 20 บาท) ประเมินแนวรับ 18.2 บาท แนวต้าน 18.8 บาท และถัดไปที่ 19.5 บาท (Trailing stop 17.9 บาท)
TICON (เป้าพื้นฐาน 19.3 บาท) ประเมินแนวรับ 16.9 บาท แนวต้าน 18 บาท และถัดไปที่ 18.6 บาท (Trailing stop 16.6 บาท)
SGF (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 0.25 บาท แนวต้านเทรนไลน์ที่ 0.28 บาท และถัดไปที่ 0.30 บาท (Stop loss 0.25 บาท)
PTTEP* (เป้าพื้นฐาน 103 บาท) ประเมินแนวรับ 90 บาท แนวต้าน 95 บาท แนะนำ “สะสมแนวรับ” (Stop loss 86 บาท)
KTC* (เป้าพื้นฐาน 180 บาท) แนะนำ “Let profit run” กำหนด Trailing stop 158 บาท
WHAUP (เป้าพื้นฐาน 8.5 บาท) ประเมินแกว่งตัวในกรอบ 7.9 – 8.7 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบฯ
BANPU* (เป้าพื้นฐาน 23.5 บาท) พิจารณาแนวราคา 17.1 บาท หากต่ำกว่าแนะนำ “Stop loss” / หากยืนได้ แนะนำ “ถือ”
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
HANA แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 48 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ประเมิน ธุรกิจในกลุ่มสื่อสารจะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักใน4Q60 เช่นเดียวกับใน 3Q60 แต่ยังเป็นห่วงวัฏจักรธุรกิจที่กำลังจะจบขาขึ้นใน 1H61 อย่างไรก็ดี บริษัทวางแผนขยายกำลังการผลิตโรงงานที่ จ.อยุธยาเพิ่มขึ้น 40% รองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
WHAUP แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 8.5 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ประเมิน ธุรกิจบำบัดน้ำเสีย, น้ำประปาเทศบาล และตลาดCLMV จะช่วยหนุนแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวได้ ในขณะเดียวกัน บริษัทก็มองเห็นโอกาสในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไฟฟ้า (จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ และผู้ให้บริการด้านพลังงานแบบครบวงจร) ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจพลังงาน แต่เนื่องจาก upside เริ่มจำกัดจึงแนะนำเพียง “ถือ”
BDMS* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 25 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ประเมิน กำไรสุทธิของ BDMS ใน 4Q60 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 พันล้านบาท (+24% YoY, ทรงตัว QoQ) จาก i) จำนวนผู้ป่วยจากตะวันออกกลางที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ii) จำนวนผู้ป่วยจากจีนที่เติบโตในอัตราสูง (+27% YoY) ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นตัวใหม่ iii) กลุ่มโรงพยาบาลใหม่อาจจะถึงจุดคุ้มทุนในระดับ EBITDA ได้ (ภายในเวลาแค่ไม่ถึง 2 ปีหลังจากที่เข้าไปซื้อกิจการมา) และ iv) คุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดี
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยต้าน 1714 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1714 จุดนั้น อาจสะสมแรงผลักขึ้นในกรอบ 1714-1739 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1714 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1714-1701 จุด
แนวรับวันนี้: 1709/1702 แนวต้านวันนี้: 1714/1725
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1714 จุดนั้น อาจสะสมแรงผลักขึ้นในกรอบ 1714-1739 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1714 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1714-1701 จุด
แนวรับวันนี้: 1709/1702 แนวต้านวันนี้: 1714/1725
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ