- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 21 November 2017 19:03
- Hits: 3484
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทดสอบแนวต้าน 1720-1730
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : -
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยปิด +5 จุดที่ 1714.38 หลังตัวเลข GDP งวด 3Q60 เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น +4.3%YoY หนุนโดยภาคส่งออกและท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี สถาบันในปท. & ต่างชาติ & พอร์ตบล.ซื้อสุทธิแต่กลุ่มละไม่มาก รายย่อยขายสุทธิ 1.1 พันลบ.
# ปัจจัยต่างประเทศ – ตลาดรอดูผลโหวตร่างกฎหมายปฎิรูปภาษีของสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งตลาดคาดว่าจะโหวตหลังวันขอบคุณพระเจ้า 23 พ.ย.60 จับตาดูว่าจะมีการเลื่อนวันโหวตหรือไม่ (ถ้าเลื่อนก็เป็นสัญญาณไม่ดี) และถ้าได้โหวตแล้วผลจะเป็นอย่างไร รวมทั้งถ้าร่างผ่านฯ จะเริ่มลดภาษีฯ ได้เมื่อไร (ตามข่าวดูว่าจะเลื่อนไปบังคับใช้ปี 62) ก็ต้องลุ้นและติดตามกันไปทีละ Step อย่างไรก็ตาม เรื่องเลื่อนไปบังคับใช้ปี 62 คิดว่าจะมีผลต่อตลาดไม่มากแล้วเพราะเรื่องนี้ Kick in เข้ามาเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ตลาดน่าจะ Price in ไปพอควรแล้ว
ส่วนในประเทศ – สภาพัฒน์ฯ มีการปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP Growth ปีนี้เพิ่มเป็น 3.9% (เดิมค่ากลางอยู่ที่ 3.7%) หลัง GDP 3Q60 ออกมาดีกว่าคาด (+4.3%YoY, +1.0%QoQ) และปรับเพิ่มงวด 2Q60 เป็น +3.8%YoY (เดิม +3.7%YoY) สำหรับ 9M60 เศรษฐกิจไทย +3.8%YoY…นับว่าตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีกว่าที่เราประเมินไว้แนวโน้ม 4Q60 ยังอยู่ในโมเมนตัมดี โดยเฉพาะภาคส่งออกและท่องเที่ยวทาง DBS อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการปี 60-61 ขึ้นจากปัจจุบัน สำหรับค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าอีกรอบหลังเงิน US$ อ่อนเพราะขาดปัจจัยกระตุ้นและกังวลเรื่องการปฎิรูปภาษีของสหรัฐและ GDP งวด 3Q60 โตแกร่งเกินคาด ซึ่งเป็นลบต่อ Sentiment หุ้นกลุ่มส่งออกแม้ว่าจะเป็นหนึ่งใน Key growth driver ของเศรษฐกิจไทยก็ตาม ระยะสั้นจึงควรระวังการแกว่ง/อ่อนของกลุ่มนี้เอาไว้ก่อน สำหรับน้ำหนักหุ้นช่วงนี้เน้นไปที่ 1. Big cap ที่จะได้ประโยชน์จาก LTF และ 2. หุ้นพื้นฐานดี ปันผลสูง
กลยุทธ์ : ภาพเป็นบวก แนะซื้อค่าบวกของราคาหุ้น หรือ Follow buy เมื่อ SET ยืนเหนือ 1700 แนวต้านระยะสั้น 1715-1720, 1730 อ่อนตัวต่ำกว่า 1700 มีแนวรับ 1690, 1680-1670 หุ้นแนะนำรายสัปดาห์ (15-21 พ.ย.) คือ AMATA, RJH สำหรับหุ้นปันผลเด่นเป็น DIF, KKP, SENA, TMT ส่วน Top Picks เดือนพ.ย. คือ AMATA, ERW, DIF, SPALI, TMB และ Dark Horse เป็น GOLD
หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ SCP, UNIQ, TKN, COM7, MC, SCC, PYLON, CK ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้ถือต่อ เป็น PTTGC, NOK, ESSO, TCJ, ASAP, ERW, EPG, TTCL, CGD ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไร ได้แก่ TTW, SMPC, KKP, HMPRO หุ้นที่หลุด List คือ SGP, ECL, AH
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• Brexit : อังกฤษจะยื่นข้อเสนอ Brexit ก่อน EC ประชุมธ.ค.60...ประเด็นใหญ่คือค่าถอนตัวที่อังกฤษต้องจ่าย
# นายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอังกฤษ เปิดเผยว่า รัฐบาลอังกฤษเตรียมยื่นข้อเสนอเรื่องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดการประชุมรอบหน้าวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้
# คาดว่าการเจรจาจะเป็นไปในลักษณะที่แข็งกร้าว แต่ก็คาดว่าจะบรรลุข้อตกลงด้านการค้ากันได้ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ประธานรัฐสภายุโรปแสดงความเห็นว่าอังกฤษควรจ่ายเงินอย่างน้อย 6 หมื่นล้านยูโร (7 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปเพื่อปฏิบัติตามภาระผูกพันทางการเงิน แต่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคยเสนอไว้ว่าจะจ่ายประมาณ 2 หมื่นล้านยูโรเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่ขัดขวางการเจรจาระหว่างอังกฤษและ EU ก่อนที่อังกฤษมีกำหนดต้องแยกตัวออกจาก EU ในเดือนมี.ค.2562
•/+ ราคาน้ำมันดิบ : ระยะสั้นอาจแกว่งแต่ Downside ไม่มาก...คาดกลุ่มโอเปกหนุนการขยายเวลาลดการผลิต
# ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแบบ Sideway up นับตั้งแต่กลางปี 60 เป็นต้นมา โดยระดับสูงสุดของราคาน้ำมันดิบ BRENT เพิ่มจากระดับต่ำสุดเมื่อมิ.ย.60 แล้ว 39% สะท้อนอุปสงค์ที่เติบโตดีกว่าคาด และแผนปรับลดการผลิตของประเทศผู้ผลิตน้ำมันขนาดใหญ่ต่างๆ
# การปรับขึ้นมามากทำให้ราคาน้ำมันดิบระยะสั้นมีโอกาสแกว่งตัว แต่เห็นว่าความเสี่ยงขาลง (Downside risk) ยังไม่มากเพราะกลุ่มโอเปกจะประชุมอย่างเป็นทางการวันที่ 30 พ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าสมาชิกกลุ่มโอเปกจะหนุนให้ขยายเวลาลดการผลิตออกไปถึงสิ้นปี 61 (จากสิ้น 1Q61) ส่งผลให้ปริมาณอุปทานน้ำมันในปี 61 จะออกมาน้อยกว่าที่ตลาดประมาณการไว้ราว 520,000 บาร์เรลต่อวัน
# ประเมินกรอบแกว่งในช่วง 4Q60 ของราคาน้ำมันดิบ BRENT ไว้ที่ 60-66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (ตามรูปด้านล่าง)
•/- การเมือง : สหรัฐจะขายระบบต่อต้านขีปนาวุธแพทริออตให้โปแลนด์...อาจสร้างความไม่พอใจให้รัสเซีย
# กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้อนุมัติการขายระบบต่อต้านขีปนาวุธแพทริออตให้กับทางการโปแลนด์ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 1.05 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยข้อตกลงดังกล่าวจะมีการยื่นต่อสภาคองเกรสเพื่อขอรับการอนุมัติต่อไป
# ปัจจุบันชาติสมาชิกนาโตที่มีระบบป้องกันขีปนาวุธแพทริออตอยู่ในครอบครอง คือ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สเปน และกรีซ
# ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเคยกล่าวว่าระบบป้องกันขีปนาวุธในยุโรปตะวันออกคือ "ตัวอันตราย" และประกาศว่ารัสเซียจะพัฒนาขีปนาวุธที่มีศักยภาพสูงกว่าเพื่อเป็นการตอบโต้
ปัจจัยในประเทศและหุ้นเด่น
+ ไทย : GDP ไตรมาส 3/60 โต 4.3%YoY ดีกว่าคาด...ปรับคาดการณ์ทั้งปี 60 เป็น +3.9% (เดิมคาดโต 3.5-4%)
# สภาพัฒน์ฯ เปิดเผยตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ไตรมาส 3/60 +4.3%YoY สูงสุดในรอบ 18 ไตรมาส และดีขึ้นจากไตรมาส 2/60 ที่ +3.8% (ปรับเพิ่มจากเดิมที่ +3.7%YoY) และเติบโตจาก 2Q60 เท่ากับ +1.0%QoQ (S.A) ปัจจัยหนุน คือ การเติบโตของภาคส่งออกและท่องเที่ยว สำหรับ 9M60 เศรษฐกิจไทยขยายตัวเทากับ +3.8%YoY
# แนวโน้มไตรมาส 4/60 คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ในระดับสูง เพราะภาคส่งออกขยายตัวยังดีต่อเนื่อง และเข้าสู่ช่วง High season ของภาคท่องเที่ยว
# สภาพัฒน์ได้ปรับคาดการณ์ GDP ของไทยทั้งปี 60 เป็น +3.9%YoY (จากเดิมที่คาดไว้ในช่วง 3.5-4.0% หรือค่ากลางที่ 3.7%) และคาดการณ์ GDP ในปี 61 จะเติบโตในช่วง 3.6-4.6% หรือค่ากลาง 4.1%YoY
# การปรับเพิ่มประมาณการปี 2560 มาจากการปรับสมมติฐานว่ามูลค่าส่งออกปีนี้จะขยายตัวได้ 8.6% การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 3.2% และการลงทุนรวมขยายตัว 2.0% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 0.7% และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 46.5 พันล้านดอลลาร์ หรือ 10.4% ต่อ GDP
• BCP : กำไร 3Q60 ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ปี 61 มีแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่
# กำไร 3Q60 ของ BCP ต่ำกว่าที่ตลาดประเมินไว้ โดยอยู่ที่ 1.32 พันล้านบาท (+12%YoY, +33%QoQ) ทั้งนี้เพราะมีการตั้งด้อยค่าในธุรกิจสำรวจและผลิต (E&P) คือ Nido 1.36 พันล้านบาทในไตรมาสนี้ แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษต่างๆ พบว่า Core Profit อยู่ในเกณฑ์ดี โดยค่าการกลั่น (GRM) เพิ่มขึ้นเป็น 6.7 US%/bbl (จาก 6.4 US$/bbl ใน 2Q60) EBITDA ของธุรกิจโรงกลั่นเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แต่ของธุรกิจการตลาดลดลงตามค่าการตลาดและปริมาณขายที่ต่ำลง ส่วนธุรกิจไฟฟ้าทรงตัว
# แนวโน้ม 4Q60 คาดว่า Core Profit จะลดลง QoQ เพราะค่าการกลั่นงวด 3Q60 สูงผิดปกติจากเรื่องพายุเฮอร์ริเคนในสหรัฐหนุน ส่วนปี 61 บริษัทจะมีการปิดซ่อมบำรุงขนาดใหญ่ ทำให้ปริมาณขายจะลดลง อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งจะได้รับการชดเชยจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มแต่ก็ไม่สามารถชดเชยได้ทั้งหมด โดยรวมแล้วคาดว่ากำไรปี 61 จะอ่อนลงประมาณ 5% สำหรับเงินปันผลปีนี้คาด Yield ทั้งปีไว้ที่ 5% ส่วนปี 61 คาดไว้ 4.7% ซึ่งก็ยังอยู่ในเกณฑ์สูง เชิงกลยุทธ์ ถือรับปันผลได้
# การวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาหุ้นอ่อนลงมาพอควรจะอยู่ในภาวะ Oversold ในกราฟรายวัน จึงมีโอกาสรีบาวด์ในระยะสั้น เล่นรอบให้ Follow Buy ค่าบวก โดยมีแนวต้าน 38, 39.50 บาท และ Stop loss ถ้าหลุด 36.50 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected].
OO2598