- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 August 2014 16:09
- Hits: 1686
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังผันผวนแต่คาดกรอบลบจำกัดและลุ้นบวกต่อได้ ดังนั้นเน้นถือ
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET ยังมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนอยู่ แต่เราคาดว่ากรอบลบยังจำกัด และดัชนียังมีโอกาสที่จะกลับไปแกว่งตัวบวกขึ้นต่อเนื่องได้ตามคาดเดิม โดยยังสามารถลุ้นเป้าหมายที่ 1600 จุด(+/-) ดังนั้นช่วงนี้เราจึงยังแนะนำเลือกหุ้นซื้อช่วงลบ เพื่อถือต่อเนื่องจนกว่าดัชนีจะขยับเข้าใกล้ 1600 จุดหรือสูงกว่าขึ้นไป จึงจะพิจารณาหาจังหวะขายทำกำไรกันอีกครั้ง
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BJCHI, LOXLEY, BCP(short)
แนวโน้ม แม้ว่า SET จะยังแกว่งตัวขึ้น-ลงสลับ แต่ก็สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องอยู่ โดยคาดว่าแรงซื้อส่วนหนึ่งยังมาจากการเก็งกำไรเพื่อรอดูโฉมหน้าของ ครม.ชุดใหม่ ขณะที่บรรยากาศการลงทุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศก็ไม่ได้เลวร้ายนัก หลังตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปยังปิดบวกเล็กน้อย จากมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการของบริษัทเอกชนและแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีของสหรัฐ รวมทั้งความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เริ่มคลี่คลายลงบ้าง อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังเปิดมาอย่างไร้ทิศทาง โดยมีทั้งบวกและลบแคบๆ สลับไปมา เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีร่วงลงอย่างผิดคาด ส่งผลกดดันต่อความมั่นใจของนักลงทุนพอควร ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่องได้เช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วเราคาดว่า SET ยังมีลุ้นแกว่งบวกต่อเนื่องได้อีก จากแรงซื้อเก็งกำไรผลประชุม ECB ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดการณ์กันว่า ECB อาจจะประกาศเปิดตัวโครงการ QE ครั้งใหม่เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้
แนวรับ 1562-1558 , 1555-1552 จุด แนวต้าน 1568-1572 , 1576-1580 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$393.5 ล้าน อินโดนีเซีย US$22.9 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$27.3 ล้าน ไทย US$13.1 ล้าน เกาหลีใต้ US$10.3 ล้าน แต่ขายในตลาดหุ้นเวียดนาม US$6.3 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้แข็งค่าตามค่าเงินยูโร Flow น่าจะยังไหลเข้าต่อเนื่อง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) หากไม่รวมการส่งออกทองคำและน้ำมัน ส่งออกของไทยเดือน ก.ค. ฟื้นตัว 2.5% Y-Y ต่อเนื่องจาก มิ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 3.5% Y-Y ตามการฟื้นตัวของสินค้าเกษตร (ข้าว ผักผลไม้ ไก่ อาหารทะเล) ยานยนต์ คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ ขณะเดียวกันตลาดส่งออกหลักคือ สหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรป และ CLMV ดีขึ้น แต่ตลาดออสเตรเลียและอาเซียนหดตัวแรง หากดูภาพรวมทั้งหมด ส่งออกเดือน ก.ค. กลับมาอ่อนแอ -0.9% Y-Y, -4.8% M-M
(+) การนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มต่อเนื่อง การนำเข้าเดือน ก.ค. ลดลง Y-Y ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของการนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ เหล็ก เครื่องประดับ แต่สัญญาณที่ดีคือสินค้าทุน (ปัจจัยในการผลิตที่ใช้ผลิตเพื่อบริโภคในประเทศและส่งออก) มีการนำเข้าต่อเนื่องและสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง เราจึงไม่ได้กังวลกับภาพรวมของส่งออกที่ฟื้นช้ากว่าคาด แนะนำให้เลือกลงทุนในสินค้าส่งออกที่ฟื้นเช่น CPF, KSL, TUF หลีกเลี่ยงธุรกิจยาง มันสำปะหลัง เหล็ก
(+) DCON เราคาดบริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์เร็วขึ้นจากปี 2015 เป็นปีนี้ เราจึงปรับกำไรปี 2014 ขึ้น 43% เป็น 318 ล้านบาท เติบโต 48% Y-Y และปรับปี 2015 ลง 22% เป็น 286 ล้านบาท ลดลง 10% Y-Y แต่ยังไม่ได้รวมความเป็นไปได้ที่ DCON อาจสร้างคอนโด Low rise เพิ่มเติมในปีหน้า และโอกาสที่จะได้รับงานเสาเข็มจากโครงการรถไฟทางคู่ที่น่าจะประมูลปลายปีนี้หรือปีหน้า รวมถึงธุรกิจวัสดุก่อสร้างอื่นๆ ที่บริษัทอาจเข้าไปลงทุนเพิ่มเติม เรายังคงชอบ DCON และจากการที่บริษัทจะยังคงจ่ายปันผลสูงถึง 90-100% ของกำไร เราจึงเปลี่ยนวิธีประเมินมูลค่าหุ้นจาก PE เป็น DDM ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2015 ใหม่ที่ 22 บาท สูงกว่าเดิมที่ 18 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
(+) THCOM เลื่อนกำหนดส่งดาวเทียมไทยคม 7 จากเดิมที่กำหนดไว้ 27 ส.ค. เป็นประมาณสัปดาห์หน้า เพื่อให้บริษัท SapceX ซึ่งเป็นผู้จัดส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร ได้ตรวจสอบข้อมูลให้มั่นใจก่อน การเลื่อนจากกำหนดการเดิมที่ไม่นาน ไม่มีผลกระทบต่อประมาณการของเราซึ่งตั้งสมมติฐานว่ารายได้จากไทยคม 7 จะเริ่มรับรู้กลาง 4Q14 เรายังคงแนะนำซื้อ เพราะมอง THCOM เป็น Growth stock ด้วยอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในช่วง 3 ปีนี้ (2014-16) เฉลี่ย 16% Y-Y จากดาวเทียมปัจจุบัน 3 ดวง และไทยคม 7 ที่จะยิงเร็วๆนี้ และยังมีแผนจะยิงไทยคม 8 กลางปี 2016 (ยังไม่รวมในประมาณการ) คงราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 50 บาท
(0) BGH ซื้อกิจการทั้งหมดของโรงพยาบาลสิริโรจน์ที่ภูเก็ต ด้วยมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 3.6 พันล้านบาท คิดเป็นการซื้อที่ PE 33 เท่า ค่อนข้างสูง และคิดเป็นการลงทุนเฉลี่ย 24 ล้านบาทต่อเตียง สูงมากเมื่อเทียบกับปกติของรพ.ระดับกลางที่ประมาณ 7-10 ล้านบาทต่อเตียง แม้การลงทุนจะค่อนข้างแพงแต่เป็นการซื้ออนาคตระยะยาว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น BGH ปรับขึ้นมา 4% WTD, 13% MTD แรงที่สุดในกลุ่ม และมี upside จำกัดเพียง 4% จากราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 20 บาท จึงแนะนำเพียงถือ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังขยับขึ้นได้อีกเล็กน้อยจากผลประกอบการบริษัทเอกชนที่แข็งแกร่งโดยที่ไม่ได้เกิดจากการลดต้นทุนแต่จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อปิดในแดนบวกได้เล็กน้อยเช่นกัน โดยประเด็นหนุนยังเป็นเรื่องของความเป็นไปได้ที่ ECB จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในอนาคต
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ขยับตัวในกรอบแคบๆหลังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจนกระตุ้นตลาด แต่ประเด็นสำคัญคือตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะประกาศคืนนี้
ค่าเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นต่ออีกเล็กน้อย ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 31.78-31.90 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ขยับขึ้น 0.02 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 93.88 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบออกมาเป็นกลาง โดยนักลงทุนจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯในคืนนี้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทิศทางอุปสงค์ของน้ำมันในอนาคต
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 1.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,283.40 ดอลลาร์/ออนซ์ จากตลาดหุ้นที่ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและทำให้มีแรงขายออกมาจากสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27-29 ส.ค. - ไทย: Thailand Focus 2014 – Reforming for Sustainable Growth ตลาดฯร่วมจัดกับ BofaML
28 ส.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.ค.)
- ฟิลิปปินส์: 2Q14 GDP
- สหรัฐ: 2Q14 GDP (ตลาดคาด +3.9% Q-Q ชะลอเล็กน้อยจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ +4.0% Q-Q)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ส.ค.)
29 ส.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ค.
- อินเดีย: 2Q14 GDP
- ยูโรโซน: เงินเฟ้อ (ส.ค.)
- MSCI Quarterly Review ไม่มีหุ้นไทยที่นำเข้าคำนวณเพิ่ม แต่มีหุ้นเอาออก 2 ตัวคือ GJS และ GSTEL ใช้ราคาปิดวันนี้
1 ก.ย. - ไทย: เงินเฟ้อ (ส.ค.)
- จีน: Manufacturing PMI (ส.ค.)
2 ก.ย. - ไทย: LDC เริ่มซื้อขาย (ราคา IPO 1.50 บาท)
- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลางประชุม
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (ส.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852