WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily 

ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีเปิดตัวยืนบวก พร้อมกับแกว่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยได้แรงซื้อหลักจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ อสังหา และพาณิชย์ ขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 1699.85 จุด เพิ่มขึ้น 9.59 จุด ขณะเดียวกันเผชิญแรงขายจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ส่งผลให้ดัชนีมีความผันผวนที่ยังสามารถยืนในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน โดยมีจุดต่ำสุดของวันที่ 1691.17 จุด เพิ่มขึ้น 0.91 จุด กรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 8.68 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีได้แก่ IVL, BBL, TMB, AMATA, BJC, RS ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1691.25 จุด เพิ่มขึ้น 0.99 จุด  (+0.06%) มูลค่าการซื้อขาย 58,164 ล้านบาท
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

"พักฐานใกล้จบ เน้นซื้อหุ้นอิงเศรษฐกิจ  "
          ทิศทางตลาดหุ้นไทย : ดัชนีฯมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่การเคลื่อนไหวของดัชนีฯยังคงอยู่ในกรอบจำกัด ....  กฎหมายปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนฯไปคืนที่ผ่านมา ลดความกังวลใจของนักลงทุนไประดับหนึ่ง แต่ยังต้องติดตามร่างกฎหมายของวุฒิสภาว่าเนื้อหาจะไปในทางเดียวกันหรือไม่  ตลาดเอเซียเดินหน้าบวกเช้านี้ ขณะที่ค่าดอลล่าร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย  แต่เหตุที่เรามองว่าตลาดจะเคลื้อนไหวโดยมีกรอบที่จำกัด  และยังอยู่ในช่วงของการปรับฐานอยู่ต่อไป เนื่องจาก แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังมีการขายหุ้น ต่อเนื่องในตลาดหุ้นเอเซีย (ไทย-อินโดนีเซีย-ฟิลิปปินส์) ขณะที่ตลาดพันธบัตรไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแม้เงินบาทจะแข็งค่า อาจบ่งชี้ว่าเป็นแรงขายหลังตลาดนำส่งงบการเงินไปแล้วและมีการเลือกขายหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมามาก ......  ตัวแปรที่น่าสนใจของตลาดในวันนี้ จะเป็น การประชุมนโยบาย คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือ EEC ช่วงบ่ายที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีแนวโน้มที่จะเป็นบวกต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงจาก EEC (WHA, TICON, AMATA)
          กลยุทธ์การลงทุน : การปรับฐานของดัชนีฯ เราประเมินว่าใกล้จบลงเนื่องจาก การขายของนักลงทุนต่างประเทศช่วงสองเดือนที่ผ่านมาถึง 2.2 หมื่นลบ.นั้นถือว่าขายมาแล้วค่อนข้างมากอาจขายต่อไม่มากขณะที่กองทุนฯ ยังมีแนวโน้มซื้อหุ้นต่อ ด้วยปัจจัยบวกในเรื่องของ GDP ของไทย ที่ยังขยายตัวดี (ธปท.ระบุ GDP ปี '60-61 ขยายตัวได้ใกล้ๆ 3.8%) และดัชนีฯ ยังไม่น่าต่ำกว่าระดับ 1680 จุด ....  กลยุทธ์ลงทุน ด้วยเรามองตลาดมี downside น้อยลง ภาพรวม แนะนำเป็น "ถือ"  สำหรับการเข้าซื้อ เราเน้นหุ้นกลุ่มนำตลาดที่คาดจะเป็น ค้าปลีก+ธนาคาร หุ้นขนาดใหญ่ เหล่านี้ ได้แก่ CPALL ,BBL  หรือหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว หรือแม้กระทั่งผลประกอบการมีแนวโน้มดี
          หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน:   สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ TMB, WHA*, SAT, M*, ASAP
          หุ้นแนะนำทางเทคนิค:  HTECH, III, AGE          
          * เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
 
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) CPALL : SSSG ปรับตัวดีขึ้น คาดปี 2018 ดีต่อเนื่อง
(0) EPG : คาดเริ่มค่อยๆ เห็นการฟื้นตัวในงวด 2H18 (ต.ค.2017-มี.ค.2018)
(0) HTECH : คาด Utilization rate ของโรงงานใหม่ใน 4Q17 อาจจะต่ำกว่าที่เคยคาด
 
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด                                                                 
          ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (16 พ.ย.) - ปิดที่ระดับ 1,691.25 จุด เพิ่มขึ้น 0.99 จุด หรือ +0.06% มูลค่าการซื้อขาย 58,163.93 ล้านบาท ตลาดปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบตลาด อีกทั้งกำไรตลาดสำหรับช่วง 3Q17 ออกมาต่ำกว่าคาด
          ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนี  Dow Jones ปิดที่  23,458.36 จุด พุ่งขึ้น 187.08 จุด หรือ +0.80%จากทั้งปัจจัยเฉพาะตัวจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดและร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน ผ่านมติสภาผู้แทนราษฎรแล้ว .... ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.8% ปิดที่ 384.93 จุด จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มยานยนต์หลัง รายงานของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) ซึ่งระบุว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนต.ค.
          ราคาน้ำมันดิบ - ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 55.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ยังคงเป็นปัจจัยลบต่อเนื่องจากการที่ EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง อย่างไรก็ตามเรามองว่าประเด็นดังกล่าวตลาดรับรู้ไปมากแล้ว คาดว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสรีบาวด์ได้ซึ่งจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานของไทย
          ปัจจัยต่างประเทศ ร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีผ่านมติแล้ว, ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี - สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 205 ให้ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป ประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อตลาดหุ้นโดยรวม ซึ่งก่อนหน้านี้มีการกังวลกันว่ามติดังกล่าวจะไม่ผ่านร่าง …. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 249,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดในวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 4,000 รายสู่ระดับ 235,000 ราย  
          ปัจจัยในประเทศ สิ้นสุดการส่งงบไตรมาส 3-  สิ้นสุดการส่งงบสำหรับผลการดำเนินงาน 3Q17 มีบริษัทนำส่งงบ 677 บริษัท กำไรสุทธิของตลาด (SET)  งวด 3Q17 รวบรวมโดย KTBST อยู่ที่ 2.04 แสนล้านบาท (-0.4% YoY, -4.2% QoQ) ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเติบโต  นักลงทุนจะเริ่มพิจารณาทั้งหุ้นที่จะเข้าซื้อหากผลประกอบการมีแนวโน้มดี (เริ่มมีงาน Op.day) และหุ้นที่มีแนวโน้มแย่ลง ก็อาจถูกขายออกมา
          นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน  วานนี้นักลงทุนต่างประเทศยังคงมีสถานะเป็นขายสุทธิเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันที่ 1,863 ล้านบาท  (รวม 6 วัน  net sell 10,700 ล้านบาท)
Stock in Focus
หุ้น               เหตุผล
TMB(ราคาปิด  2.72)   แนะนำ TMB ต่อเนื่องจากวันก่อน โดยเริ่มเห็นปริมาณการซื้อขายของ TMB สูงขึ้น มองว่าตลาดจะให้ความสนใจกับหุ้นกลุ่มแบงก์ในวันนี้ …. เรามองสินเชื่อของ TMB เติบโตได้ดีโดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อบ้านเป็นหลัก KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 9,044 ล้านบาท (+10% YoY) และปี 2018 ที่ 9,901 ล้านบาท (+10% YoY) ….  (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 2.80 บาท)
WHA*(ราคาปิด 4.02)    ความคืบหน้าเรื่องมาตรการ EEC ยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดย WHA เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มนิคมฯที่ได้รับผลบวกจากมาตรการดังกล่าว .... ผลประกอบการ WHA ช่วง 3Q17 ออกมาที่ 506 ล้านบาท (+1088% YoY, -48% QoQ) เติบโตสูงจากรายได้จากการให้สิทธิในการใช้พื้นที่นิคมฯ .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่2,910 ล้านบาท (+1% YoY) และปี 2018 ที่ 3,444 ล้านบาท (+18% YoY)  …. (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 4.19 บาท)
SAT(ราคาปิด  24.30)   มองว่า SAT มีความน่าสนใจจากผลประกอบการช่วง 3Q17 ที่ออกมาดี โดย  SAT รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 225 ล้านบาท ดีกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 34% YoY และ 67% QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้นและรายได้ที่ดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ .... KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 และ 2018 ที่ 692 ล้านบาท และ 777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY และ 12% YoY ตามลำดับ จากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาดเดิม ทั้งนี้ เราประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมไทยในปี 2017 ยอดการผลิตรถยนต์จะทรงตัวจากปี 2016 ราว 1.93 ล้านคัน …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 23.00 บาท)
M*(ราคาปิด  79.00)   M เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ผลประกอบการช่วง 3Q17 ออกมาดี โดยช่วง 3Q17 บริษัทยังคงเติบโตได้ดีแม้เป็นช่วง low season ที่ 651 ล้านบาท (+28% YoY, -3% QoQ) เนื่องจากราคาหมูและเป็ดปรับตัวลง ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น .... Bloomberg คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 2,469 ล้านบาท (+18% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 2,656 ล้านบาท (+8% YoY) .... (ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 70.83 บาท)
ASAP(ราคาปิด  8.85)    ASAP เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ประกาศผลการดำเนินงาน 3Q17 ออกมาดี  โดย ASAP รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 35 ล้านบาท (+82%YoY และ +6%QoQ) ตามจำนวนรถเช่าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรายได้ทางภาษีรับคืน 7 ล้านบาท.... กำไรสุทธิ ปี 2017 เราคาดไว้ที่ 131 ล้านบาท (+39%YoY) และปี 2018 ที่ 146 ล้านบาท (+3.3%YoY) มาจาก คาดจำนวนรถให้เช่า อยู่ที่ 9.7 พันคัน +29% YoY จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคารถยนต์มือสอง, ASAP Autopark ที่จะเปิดดำเนินงานใน 1Q18 และธุรกิจการขายรถออนไลน์ … (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 9.30 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
          (+) CPAL แจ้งยอดขายของสาขาเดิม (SSSG) ที่ 2.4% สูงกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 2.0% โดย CPALL มีการออกแสตมป์เพื่อกระตุ้นยอดขาย ช่วยเสริมให้ลูกค้าเกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทั้งนี้กลุ่มสินค้าที่มียอดขายดีเป็นกลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง คือ กลุ่มสินค้าพร้อมทาน และกลุ่มสุขภาพและความงาม อนึ่งบริษัทยังสามารถขยายสาขาได้อย่างต่อเนื่องที่ 10,152 สาขาแล้ว ซึ่งคาดว่าจะยังคงสามารถขยายสาขาได้ตามแผน เราปรับ sssg ในปี 2018 ขึ้นจาก 2% เป็น 2.5% เราประเมินมูลค่า โดยวิธี DCF สะท้อนธุรกิจที่ยังไปได้ดี มีความ Defensive และขยายตัวตามการบริโภคในระยะยาว ปรับราคาเหมาะสมจาก 79 บาท เป็น 84 บาท ให้คำแนะนำ "ซื้อ"
          (0) EPG เราคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q18 (ก.ค.-ก.ย.2017) และคาดว่าจะเริ่มมีทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้นใน 2H18 (ต.ค.2017-มี.ค.2018) จากทั้ง 3 ธุรกิจหลัก โดย Aeroklas ยังมีคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาหนุน, EPP คาดกำลังซื้อจะเริ่มกลับมาและจะได้ผลบวกจากการเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season และ Aeroflex คาดยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง และจะได้ผลบวกจากภาคก่อสร้างที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวอาจช้ากว่าที่คาดเดิม และกำไรสุทธิงวด 2Q18 (ก.ค.-ก.ย.2017) ที่ต่ำกว่าที่เราคาด ดังนั้น เรามีการปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 (เม.ย.2017-มี.ค.2018) ลงจากเดิมราว 10% เป็น 1,243 ล้านบาท ลดลง 10% YoY ส่วนปี 2019 (เม.ย.2018-มี.ค.2019) เราคาดว่ากำไรสุทธิจะกลับมาเติบโตได้ ทั้งนี้ เรามีการปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 12.20 บาท (จาก 12.40 บาท) และปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ จากเดิม ซื้อ
          (0) HTECH เราได้ปรับกำไรสุทธิปี 2017 ลง 5% จากประมาณการเดิมเหลือ 160 ล้านบาท โดยการปรับ 1) Utilization rate ใน 4Q17 ของโรงงานใหม่ลงเหลือ 15% จากการติดตั้งเครื่องจักรในโรงงานใหม่ใช้เวลามากกว่าที่เราเคยคาดไว้ 2) ปรับดอกเบี้ยจ่ายใน 4Q17 เพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านบาทจากเดิม 3 ล้านบาท เนื่องจาก HTECH มีเงินกู้ที่มีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นใน 3Q17 เกือบเท่าตัวของ 2Q17 ซึ่งคาดว่าจะลดลงใน 1Q17 จากการคืนเงินต้นที่ถึงกำหนดชำระ อย่างไรก็ตามเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 เท่าเดิม โดยมองว่าผลของการติดตั้งเครื่องจักรล่าช้าเป็นผลกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น คำสั่งซื้อไม่ได้หายไปไหน หากติดตั้งเครื่องจักรสมบูรณ์ในเดือนธันวาคมนี้ เราคาดว่าบริษัทจะเร่งผลิตให้ได้ตาม order ใน 1Q18 โดยในระยะนี้ราคาหุ้นอาจแกว่งตัวในระดับ Sideway เนื่องจากผลประกอบการใน 4Q17 ที่อาจจะอ่อนตัวลง แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานในปีหน้าที่ดี เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสม 14.40 บาท (อิง PE=19.59x)
Source: KTBST Research
         
Analyst :   Mongkol Puangpetra
          License No: 001937  
          +662 648 1123
          [email protected]
          Nontapat Rushtasomboon
          License No: 081447  
          +662 648 1127
          [email protected]

OO2507

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!