- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 17 November 2017 17:37
- Hits: 2824
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> ถือ Let Profit Run และเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัวในแดนบวกได้ตลอดทั้งวันก่อนที่ช่วงท้ายชั่วโมงการซื้อขายจะอ่อนตัวลงมาและปิดบวกได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดตลาดจะแกว่ง Sideways กลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นค่อนข้างดีขณะที่กลุ่มพลังงานยังเป็นตัวกดดัน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 อีก 1,857 ลบ. ส่วนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,597 บาท
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นทะสอบ 1,700 จุดและมีโอกาสยืนเหนือได้จากบรรยากาศการลงทุนภาพรวมที่กลับมาสดใส หลังสภาผู้แทนสหรัฐฯมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีเมื่อคืนที่ผ่านมาเพื่อให้วุฒิสภาพิจารณาต่อ ทำให้ตลาดคลายความกังวลต่อความสำเร็จในประเด็นดังกล่าวไปบางส่วน ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยใน 4Q17 และปี 2018 คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นและมีโอกาสสูงกว่า 4% ทำให้เรายังมีมุมมองบวกต่อทิศทางดัชนีที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในอดีตได้
กลยุทธ์ : ถือ Let Profit Run และเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CPALL, CPN, EKH, MINT, SYNEX
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$295ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$449ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$56ล้าน และอินโดนีเซีย US$52ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค ตลาดลดความกังวลหลังสภาผู้แทนฯสหรัฐได้มีมติผ่านร่างกฏหมายปฏิรูปภาษี ส่งให้วุฒิสภาพพิจารณาต่อไป
กลยุทธ์วันนี้ >> ถือ Let Profit Run และเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัวในแดนบวกได้ตลอดทั้งวันก่อนที่ช่วงท้ายชั่วโมงการซื้อขายจะอ่อนตัวลงมาและปิดบวกได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดตลาดจะแกว่ง Sideways กลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นค่อนข้างดีขณะที่กลุ่มพลังงานยังเป็นตัวกดดัน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 อีก 1,857 ลบ. ส่วนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,597 บาท
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นทะสอบ 1,700 จุดและมีโอกาสยืนเหนือได้จากบรรยากาศการลงทุนภาพรวมที่กลับมาสดใส หลังสภาผู้แทนสหรัฐฯมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีเมื่อคืนที่ผ่านมาเพื่อให้วุฒิสภาพิจารณาต่อ ทำให้ตลาดคลายความกังวลต่อความสำเร็จในประเด็นดังกล่าวไปบางส่วน ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยใน 4Q17 และปี 2018 คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นและมีโอกาสสูงกว่า 4% ทำให้เรายังมีมุมมองบวกต่อทิศทางดัชนีที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในอดีตได้
กลยุทธ์ : ถือ Let Profit Run และเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CPALL, CPN, EKH, MINT, SYNEX
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$295ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$449ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$56ล้าน และอินโดนีเซีย US$52ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค ตลาดลดความกังวลหลังสภาผู้แทนฯสหรัฐได้มีมติผ่านร่างกฏหมายปฏิรูปภาษี ส่งให้วุฒิสภาพพิจารณาต่อไป
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> TACC <<
ถือเป็นหนึ่งในหุ้นเครื่องดื่มที่ไว้ใจได้มากสุด แม้กำไรสุทธิ 3Q17 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แต่จะเร่งตัวขึ้นใน 4Q17 เราคาด 30 ลบ. +36% Q-Q, +3% Y-Y จากการออกสินค้าใหม่หนาแน่นปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า เช่น Hershey’s Freeze(เครื่องดื่มโถกดรสชาติโกโก้), Easy Dip(ซอสจิ้มจุ่ม), และ Sanrio
ส่วนการร่วมมือกับ QJ จะมีการทำ Cross-Selling ทำให้สินค้าของ TACC กระจายไปจีนง่ายขึ้น คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนปีหน้า คาดกำไรสุทธิปีนี้ +8% Y-Y และปีหน้า +23% Y-Y (ไม่รวม Upside จาก QJ)
ราคาหุ้นที่พักตัวลงไม่สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่กำลังเร่งตัวขึ้น แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 7.70 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลุ่มยานยนต์ กำไรสุทธิของทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้น 20% Q-Q และ 49% Y-Y ตามปัจจัยฤดูกาลที่ 3Q มักฟื้นแรงเมื่อเทียบ 2Q ที่มีวันหยุดมาก และเป็นผลจากการฟื้นตัวของยอดผลิตรถยนต์ +13% Q-Q, +9% Y-Y อยู่ที่ 526,778 คัน ตัวที่กำไรโตทั้ง Q-Q และ Y-Y คือ PCSGH SAT และ STANLY กลุ่มยานยนต์กลับมาได้รับความน่าสนใจอีกครั้ง จากภาวะอุตสาหกรรมที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เรายังชอบ PCSGH มากที่สุด (ราคาเป้าหมาย 9.60 บาท) จากความสามารถในการทำกำไรและฐานะทางการที่ดีสุดในกลุ่ม ขณะที่ แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 น่าจะ Outperform กลุ่ม จากการผลิตชิ้นส่วนให้ Big Bike, Big Truck, และ Non-Auto บ่ายนี้มีประชุมนักวิเคราะห์ และมี Opp Day วันที่ 23 พ.ย. น่าจะทำให้ราคาสะท้อน Valuation ได้ดีขึ้น
(0) GUNKUL กำไรสุทธิ 3Q17 อยู่ที่ 140 ลบ. +10% Q-Q, +12% Y-Y หากไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจะมีกำไรปกติ 193 ลบ. +58% Q-Q, +91% Y-Y จากรายได้ขายอุปกรณ์ไฟฟ้าและก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานลม (WED) ที่กลับมาเป็นปกติ จาก 2Q17 ที่ลมน้อยเกินไป แนวโน้ม 4Q17 จะดีขึ้นอีก เพราะโรงไฟฟ้าลมจะมีรายได้ดีในไตรมาส 4 และไตรมาส 1 ส่วนปี 2018 คาดกำไรโตสูง 87% Y-Y จากการ COD โรงไฟฟ้าในไทยและญี่ปุ่นอีก 4 แห่ง โดยปัจจุบัน GUNKUL มี PPA รวมทุกโครงการ 490MW ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 5 บาท
(+) PPS กำไร 3Q17 อยู่ที่ 18 ลบ. -10% Q-Q, +100% Y-Y จากการรับรู้รายได้ตามความคืบหน้าของงานก่อสร้าง และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 38.0% จาก 36.8% ใน 2Q17 และ 34.7% ใน 3Q16 กำไรสุทธิ 9M17 อยู่ที่ 52 ล้านบาท คิดเป็น 96% ของประมาณการเดิม จึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ขึ้นเป็น 66 ลบ. +106% Y-Y และคาด +9% Y-Y อยู่ที่ 72 ลบ. ในปีหน้า แนวโน้ม 4Q17 ยังโตดีจากงานในมือที่มี 447 ลบ. ปรับใช้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 2.50 บาท แนะนำซื้อ
(0) CMO งบ 3Q17 ขาดทุน 23 ลบ. ซึ่งเป็นภาวะปกติที่ไตรมาส 3 ของปีถือเป็น Low Season ที่มักขาดทุน อีกทั้ง Himmapan Avartar ขาดทุนมากกว่าคาด และมีการแก้ไขรายการทางบัญชีที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เราคาด 4Q17 กลับมามีกำไร เพราะเป็น High Season และเป็นช่วงรับรู้งานใหญ่ของ PM Center ที่มีอัตรากำไรสูง ยังคงคาดปีนี้กลับมามีกำไร 35 ลบ. และโตอีก 26% Y-Y อยู่ที่ 44 ลบ. ในปีหน้า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นโอกาสซื้อลงทุนเพราะ Turnaround และปันผลสูง 6-7% ต่อปี ราคาเป้าหมาย 3.00 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
ถือเป็นหนึ่งในหุ้นเครื่องดื่มที่ไว้ใจได้มากสุด แม้กำไรสุทธิ 3Q17 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แต่จะเร่งตัวขึ้นใน 4Q17 เราคาด 30 ลบ. +36% Q-Q, +3% Y-Y จากการออกสินค้าใหม่หนาแน่นปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้า เช่น Hershey’s Freeze(เครื่องดื่มโถกดรสชาติโกโก้), Easy Dip(ซอสจิ้มจุ่ม), และ Sanrio
ส่วนการร่วมมือกับ QJ จะมีการทำ Cross-Selling ทำให้สินค้าของ TACC กระจายไปจีนง่ายขึ้น คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนปีหน้า คาดกำไรสุทธิปีนี้ +8% Y-Y และปีหน้า +23% Y-Y (ไม่รวม Upside จาก QJ)
ราคาหุ้นที่พักตัวลงไม่สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่กำลังเร่งตัวขึ้น แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 7.70 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลุ่มยานยนต์ กำไรสุทธิของทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้น 20% Q-Q และ 49% Y-Y ตามปัจจัยฤดูกาลที่ 3Q มักฟื้นแรงเมื่อเทียบ 2Q ที่มีวันหยุดมาก และเป็นผลจากการฟื้นตัวของยอดผลิตรถยนต์ +13% Q-Q, +9% Y-Y อยู่ที่ 526,778 คัน ตัวที่กำไรโตทั้ง Q-Q และ Y-Y คือ PCSGH SAT และ STANLY กลุ่มยานยนต์กลับมาได้รับความน่าสนใจอีกครั้ง จากภาวะอุตสาหกรรมที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เรายังชอบ PCSGH มากที่สุด (ราคาเป้าหมาย 9.60 บาท) จากความสามารถในการทำกำไรและฐานะทางการที่ดีสุดในกลุ่ม ขณะที่ แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 น่าจะ Outperform กลุ่ม จากการผลิตชิ้นส่วนให้ Big Bike, Big Truck, และ Non-Auto บ่ายนี้มีประชุมนักวิเคราะห์ และมี Opp Day วันที่ 23 พ.ย. น่าจะทำให้ราคาสะท้อน Valuation ได้ดีขึ้น
(0) GUNKUL กำไรสุทธิ 3Q17 อยู่ที่ 140 ลบ. +10% Q-Q, +12% Y-Y หากไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจะมีกำไรปกติ 193 ลบ. +58% Q-Q, +91% Y-Y จากรายได้ขายอุปกรณ์ไฟฟ้าและก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานลม (WED) ที่กลับมาเป็นปกติ จาก 2Q17 ที่ลมน้อยเกินไป แนวโน้ม 4Q17 จะดีขึ้นอีก เพราะโรงไฟฟ้าลมจะมีรายได้ดีในไตรมาส 4 และไตรมาส 1 ส่วนปี 2018 คาดกำไรโตสูง 87% Y-Y จากการ COD โรงไฟฟ้าในไทยและญี่ปุ่นอีก 4 แห่ง โดยปัจจุบัน GUNKUL มี PPA รวมทุกโครงการ 490MW ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 5 บาท
(+) PPS กำไร 3Q17 อยู่ที่ 18 ลบ. -10% Q-Q, +100% Y-Y จากการรับรู้รายได้ตามความคืบหน้าของงานก่อสร้าง และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 38.0% จาก 36.8% ใน 2Q17 และ 34.7% ใน 3Q16 กำไรสุทธิ 9M17 อยู่ที่ 52 ล้านบาท คิดเป็น 96% ของประมาณการเดิม จึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ขึ้นเป็น 66 ลบ. +106% Y-Y และคาด +9% Y-Y อยู่ที่ 72 ลบ. ในปีหน้า แนวโน้ม 4Q17 ยังโตดีจากงานในมือที่มี 447 ลบ. ปรับใช้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 2.50 บาท แนะนำซื้อ
(0) CMO งบ 3Q17 ขาดทุน 23 ลบ. ซึ่งเป็นภาวะปกติที่ไตรมาส 3 ของปีถือเป็น Low Season ที่มักขาดทุน อีกทั้ง Himmapan Avartar ขาดทุนมากกว่าคาด และมีการแก้ไขรายการทางบัญชีที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เราคาด 4Q17 กลับมามีกำไร เพราะเป็น High Season และเป็นช่วงรับรู้งานใหญ่ของ PM Center ที่มีอัตรากำไรสูง ยังคงคาดปีนี้กลับมามีกำไร 35 ลบ. และโตอีก 26% Y-Y อยู่ที่ 44 ลบ. ในปีหน้า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นโอกาสซื้อลงทุนเพราะ Turnaround และปันผลสูง 6-7% ต่อปี ราคาเป้าหมาย 3.00 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17 พ.ย.- ยูโรโซน: ถ้อยแถลงของประธาน ECB
- สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่
22 พ.ย.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
23 พ.ย.- ไทย: THMUI เริ่มซื้อขายวันแรก
- สหรัฐฯ: รายงานการประชุม FOMC ของเฟดงวดล่าสุด
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิตและบริการ
28 พ.ย.- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
29 พ.ย.- สหรัฐฯ: GDP3Q17
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดบวกหลังปิดลบมา 2 วัน โดยสาเหตุหลักมาจากการประกาศผลประกอบการบมจ.ขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งกว่าคาด
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกจากแรงหนุนในกลุ่มยานยนต์หลังตัวเลขยอดขายรถยนต์ใหม่เดือนต.ค.พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดบวกสดในตามทิศทางตลาดโลก
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัวในทิศทางแข็ง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆแถว 32.86-33.01 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 0.19 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 55.14 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปัจจัยกดดันยังมาจากตัวเลขสต๊อกน้ำมันสหรัฐที่เพิ่มขึ้นสวนทางตลาดคาด
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 0.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,278.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ทรงตัวเนื่องจากนักลงทุนยังเฝ้าดูการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO2503