- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 16 November 2017 16:53
- Hits: 1420
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตัวในแดนลบ เป็นจุดสูงสุดของวันที่ 1701.01 จุด ลดลง 1.62 จุด พร้อมกับแกว่งตัวผันผวนในทิศทางลงอย่างต่อเนื่อง จากแรงขายหลักจากหุ้นขนาดใหญ่-กลาง นำโดย IVL, PTT, CPF, PTTEP, BCPG, IVL-W2, SCB, TOP, KBANK ลงทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1688.65 จุด ลดลง 13.98 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 12.36 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1690.26 จุด ลดลง 12.37 จุด (-0.73%) มูลค่าการซื้อขาย 60,963 ล้านบาท
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตัวในแดนลบ เป็นจุดสูงสุดของวันที่ 1701.01 จุด ลดลง 1.62 จุด พร้อมกับแกว่งตัวผันผวนในทิศทางลงอย่างต่อเนื่อง จากแรงขายหลักจากหุ้นขนาดใหญ่-กลาง นำโดย IVL, PTT, CPF, PTTEP, BCPG, IVL-W2, SCB, TOP, KBANK ลงทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1688.65 จุด ลดลง 13.98 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 12.36 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1690.26 จุด ลดลง 12.37 จุด (-0.73%) มูลค่าการซื้อขาย 60,963 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้ไม่สามารถไปต่อได้ หลังจากที่วันก่อนหน้าปรับตัวขึ้นแรงยืนเหนือ 1700 จุด แต่ภาพดังกล่าวเป็นลักษณะเพียงการ Rebound โดยวานนี้กลับลงมาพักตัวอีกครั้ง มี Low ที่ 1689 จุด ซึ่งเป็นการลงมา 2 ใน 3 ของขา Rebound ล่าสุด ดังนั้นหวังการดีดกลับขึ้นไปที่ใกล้ 1700 จุดกันอีกครั้ง แต่หากผิดทางเลือกที่จะลงต่อ มีแนวรับถัดไป 1680-1685 // 1675 จุด แนวต้าน 1698 // 1705 จุด
แกว่งตัวผันผวน - ปรับฐานยังไม่จบ ลุ้นการยืน 1680 จุดให้อยู่
หากจะลบภาพการปรับฐานต้องขึ้นยืน 1710 จุด
Support 1670 // 1664 จุด Resistance 1700 // 1728 จุด
ดัชนีวานนี้ไม่สามารถไปต่อได้ หลังจากที่วันก่อนหน้าปรับตัวขึ้นแรงยืนเหนือ 1700 จุด แต่ภาพดังกล่าวเป็นลักษณะเพียงการ Rebound โดยวานนี้กลับลงมาพักตัวอีกครั้ง มี Low ที่ 1689 จุด ซึ่งเป็นการลงมา 2 ใน 3 ของขา Rebound ล่าสุด ดังนั้นหวังการดีดกลับขึ้นไปที่ใกล้ 1700 จุดกันอีกครั้ง แต่หากผิดทางเลือกที่จะลงต่อ มีแนวรับถัดไป 1680-1685 // 1675 จุด แนวต้าน 1698 // 1705 จุด
แกว่งตัวผันผวน - ปรับฐานยังไม่จบ ลุ้นการยืน 1680 จุดให้อยู่
หากจะลบภาพการปรับฐานต้องขึ้นยืน 1710 จุด
Support 1670 // 1664 จุด Resistance 1700 // 1728 จุด
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
" ขึ้นไม่ไหว ฝรั่งยังขาย งบตลาดไม่สวย "
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯผันผวนหลังถูกแรงขายกลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง ...... นักลงทุนขายหุ้นที่ราคาขึ้นไปแรงในวันก่อน (เพราะ MSCI ปรับหุ้นคำนวณดัชนีฯ) บ่งชี้ว่าแรงซื้อในตลาดยังคงอ่อนแอ นักลงทุนต่างประเทศ เป็นกลุ่มผู้ขายหลักของตลาดโดยมีการขายสุทธิ 2 เดือนติดต่อกัน เหตุผลที่ทำให้นักลงทุนต่างประเทศ คาดจะเป็นการลดพอร์ตลงต่อเนื่องหลัง Fed เริ่มลด QE มีการขายทำกำไรหลังราคาหุ้นขึ้นมามาก และความเสี่ยงจากกฎหมายภาษีสหรัฐฯ ที่คาดว่าสภาฯจะพิจารณาในวันนี้ ส่งผลให้ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังคงพักฐานอยู่ต่อไป ขณะที่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน อินโดนีเซีย ฟิลลิปปินส์ นั้น ก็ถูกนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นเช่นเดียวกับไทย (5 วันที่ผ่านมาดัชนีของ 3 ตลาดหุ้นนี้ ปรับตัวลง 1.2-1.9%) …….. ปัจจัยในประเทศ ที่สำคัญคงเป็นเรื่องของผลประกอบการ KTBST สรุปกำไรบริษัทที่รายงาน 677 บริษัท(SET+MAI) โดยกำไรของ SET 2.04 แสนลบ. ลดลง 0.4% YoY ; ลดลง 4.2% QoQ ต่ำกว่าที่เราคาดว่าจะขยายตัว 16.5% YoY ค่า P/E ของตลาดจะอยู่ที่ 18.0 เท่า ผลการดำเนินงานที่ออกมายังบ่งชี้ว่ากำไรของบริษัทในตลาดยังไม่ได้มีการฟื้นตัวนัก และเป็นส่วนที่กดดันดัชนีฯอยู่ในเวลานี้
กลยุทธ์การลงทุน : ด้วยทิศทางตลาดยังผันผวนและไม่ชัดเจน แรงขายที่ยังมีเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง เราแนะให้นักลงทุนรอดูกฎหมายภาษีสหรัฐฯ ที่คาดจะผ่านสภาฯในคืนวันนี้ เพราะมีผลตรงต่อค่าเงินดอลล่าร์ (ที่มีผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ) ซึ่งจะบอกได้ว่าควรถือหุ้นต่อไปหรือควรลดพอร์ต .... การเข้าซื้อหุ้นยังต้องเป็น selective buy และปรับเป็นลงทุนในกรอบเวลาสั้นๆ ….. หุ้นขนาดใหญ่ ที่มีความน่าสนใจอาทิ BBL , CPALL, ADVANC
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ TMB, UNIQ, SEAFCO
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : SKY, HMPRO, MALEE
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) BH : ตัวเลขนักท่องเที่ยว Middle East เริ่มกลับมา คาดส่งผลบวกต่อ BH
" ขึ้นไม่ไหว ฝรั่งยังขาย งบตลาดไม่สวย "
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯผันผวนหลังถูกแรงขายกลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง ...... นักลงทุนขายหุ้นที่ราคาขึ้นไปแรงในวันก่อน (เพราะ MSCI ปรับหุ้นคำนวณดัชนีฯ) บ่งชี้ว่าแรงซื้อในตลาดยังคงอ่อนแอ นักลงทุนต่างประเทศ เป็นกลุ่มผู้ขายหลักของตลาดโดยมีการขายสุทธิ 2 เดือนติดต่อกัน เหตุผลที่ทำให้นักลงทุนต่างประเทศ คาดจะเป็นการลดพอร์ตลงต่อเนื่องหลัง Fed เริ่มลด QE มีการขายทำกำไรหลังราคาหุ้นขึ้นมามาก และความเสี่ยงจากกฎหมายภาษีสหรัฐฯ ที่คาดว่าสภาฯจะพิจารณาในวันนี้ ส่งผลให้ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังคงพักฐานอยู่ต่อไป ขณะที่ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน อินโดนีเซีย ฟิลลิปปินส์ นั้น ก็ถูกนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นเช่นเดียวกับไทย (5 วันที่ผ่านมาดัชนีของ 3 ตลาดหุ้นนี้ ปรับตัวลง 1.2-1.9%) …….. ปัจจัยในประเทศ ที่สำคัญคงเป็นเรื่องของผลประกอบการ KTBST สรุปกำไรบริษัทที่รายงาน 677 บริษัท(SET+MAI) โดยกำไรของ SET 2.04 แสนลบ. ลดลง 0.4% YoY ; ลดลง 4.2% QoQ ต่ำกว่าที่เราคาดว่าจะขยายตัว 16.5% YoY ค่า P/E ของตลาดจะอยู่ที่ 18.0 เท่า ผลการดำเนินงานที่ออกมายังบ่งชี้ว่ากำไรของบริษัทในตลาดยังไม่ได้มีการฟื้นตัวนัก และเป็นส่วนที่กดดันดัชนีฯอยู่ในเวลานี้
กลยุทธ์การลงทุน : ด้วยทิศทางตลาดยังผันผวนและไม่ชัดเจน แรงขายที่ยังมีเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง เราแนะให้นักลงทุนรอดูกฎหมายภาษีสหรัฐฯ ที่คาดจะผ่านสภาฯในคืนวันนี้ เพราะมีผลตรงต่อค่าเงินดอลล่าร์ (ที่มีผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ) ซึ่งจะบอกได้ว่าควรถือหุ้นต่อไปหรือควรลดพอร์ต .... การเข้าซื้อหุ้นยังต้องเป็น selective buy และปรับเป็นลงทุนในกรอบเวลาสั้นๆ ….. หุ้นขนาดใหญ่ ที่มีความน่าสนใจอาทิ BBL , CPALL, ADVANC
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ TMB, UNIQ, SEAFCO
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : SKY, HMPRO, MALEE
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) BH : ตัวเลขนักท่องเที่ยว Middle East เริ่มกลับมา คาดส่งผลบวกต่อ BH
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15 พ.ย.) - ปิดที่ระดับ 1,690.26 จุด ลดลง 12.37 จุด หรือ -0.73% มูลค่าการซื้อขาย 60,963.30 ล้านบาท มองว่าตลาดปรับตัวลงจาก 2 ปัจจัย ได้แก่ 1) ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงมามาก และ 2) ผลประกอบการช่วง 3Q17 ออกมาไม่สูงตามคาด
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนี Dow Jones ปิดที่ 23,271.28 จุด ปรับตัวลง 138.19 จุด หรือ -0.59% ยังคงมีแรงเทขายจากหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และความกังวลด้านแผนการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ .... ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง -0.5% ปิดที่ 381.96 จุด จากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน
ราคาน้ำมันดิบ - ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 37 เซนต์ หรือ -0.7% ปิดที่ 55.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันก่อน ซึ่งได้รับปัจจัยลบจากที่ EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว …. ประเด็นดังกล่าวส่งผลลบต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน
ปัจจัยต่างประเทศ ติดตามการร่างกฏหมายปฏิรูปภาษี - มาตรการปฏิรูปภาษียังคงเป็นปัจจัยกดตลาดต่อเนื่อง ร่างกฎหมายจะเข้าพิจารณาในสภาฯในวันนี้ (16/11/2017) รายงานระบุว่า นายรอน จอห์นสัน วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันระบุว่าจะไม่โหวตรับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี เนื่องจากมีการสร้างเงื่อนใขใหม่ด้วยการเพิ่มการยกเลิกเนื้อหาส่วนหนึ่งของโอบามาแคร์ …. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. ส่งผลให้บอนด์ยิลด์สหรัฐฯปรับตัวลดลง
ปัจจัยในประเทศ สิ้นสุดการส่งงบไตรมาส 3, ต่างชาติยังมีสถานะเป็นขายสุทธิ - สิ้นสุดการส่งงบสำหรับผลการดำเนินงาน 3Q17 มีบริษัทนำส่งงบ 677 บริษัท กำไรสุทธิของตลาด (SET) งวด 3Q17 รวบรวมโดย KTBST อยู่ที่ 2.04 แสนล้านบาท (-0.4% YoY, -4.2% QoQ) ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเติบโต +16.5% YoY ขณะที่กำไรของบริษัทใน MAI อยู่ที่ 1.5 พันลบ. ลดลง 20.0% YoY และ -16.1% QoQ ….. การประกาศผลประกอบการ 3Q17 ที่ต่ำกว่าคาดการณ์เป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันตลาดในช่วงนี้ ....
นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นต่อเนื่อง วานนี้นักลงทุนต่างประเทศยังคงมีสถานะเป็นขายสุทธิเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันที่ 1,485 ล้านบาท (รวม 5 วัน net sell 8.8 พันลบ.)
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15 พ.ย.) - ปิดที่ระดับ 1,690.26 จุด ลดลง 12.37 จุด หรือ -0.73% มูลค่าการซื้อขาย 60,963.30 ล้านบาท มองว่าตลาดปรับตัวลงจาก 2 ปัจจัย ได้แก่ 1) ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงมามาก และ 2) ผลประกอบการช่วง 3Q17 ออกมาไม่สูงตามคาด
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนี Dow Jones ปิดที่ 23,271.28 จุด ปรับตัวลง 138.19 จุด หรือ -0.59% ยังคงมีแรงเทขายจากหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และความกังวลด้านแผนการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ .... ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง -0.5% ปิดที่ 381.96 จุด จากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน
ราคาน้ำมันดิบ - ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 37 เซนต์ หรือ -0.7% ปิดที่ 55.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันก่อน ซึ่งได้รับปัจจัยลบจากที่ EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว …. ประเด็นดังกล่าวส่งผลลบต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน
ปัจจัยต่างประเทศ ติดตามการร่างกฏหมายปฏิรูปภาษี - มาตรการปฏิรูปภาษียังคงเป็นปัจจัยกดตลาดต่อเนื่อง ร่างกฎหมายจะเข้าพิจารณาในสภาฯในวันนี้ (16/11/2017) รายงานระบุว่า นายรอน จอห์นสัน วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันระบุว่าจะไม่โหวตรับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี เนื่องจากมีการสร้างเงื่อนใขใหม่ด้วยการเพิ่มการยกเลิกเนื้อหาส่วนหนึ่งของโอบามาแคร์ …. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. ส่งผลให้บอนด์ยิลด์สหรัฐฯปรับตัวลดลง
ปัจจัยในประเทศ สิ้นสุดการส่งงบไตรมาส 3, ต่างชาติยังมีสถานะเป็นขายสุทธิ - สิ้นสุดการส่งงบสำหรับผลการดำเนินงาน 3Q17 มีบริษัทนำส่งงบ 677 บริษัท กำไรสุทธิของตลาด (SET) งวด 3Q17 รวบรวมโดย KTBST อยู่ที่ 2.04 แสนล้านบาท (-0.4% YoY, -4.2% QoQ) ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเติบโต +16.5% YoY ขณะที่กำไรของบริษัทใน MAI อยู่ที่ 1.5 พันลบ. ลดลง 20.0% YoY และ -16.1% QoQ ….. การประกาศผลประกอบการ 3Q17 ที่ต่ำกว่าคาดการณ์เป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันตลาดในช่วงนี้ ....
นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นต่อเนื่อง วานนี้นักลงทุนต่างประเทศยังคงมีสถานะเป็นขายสุทธิเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันที่ 1,485 ล้านบาท (รวม 5 วัน net sell 8.8 พันลบ.)
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
TMB(ราคาปิด 2.60) เริ่มเห็นปริมาณการซื้อขายของ TMB สูงขึ้น มองว่าตลาดจะให้ความสนใจกับหุ้นกลุ่มแบงก์ในวันนี้ …. เรามองสินเชื่อของ TMB เติบโตได้ดีโดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อบ้านเป็นหลัก KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 9,044 ล้านบาท (+10% YoY) และปี 2018 ที่ 9,901 ล้านบาท (+10% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 2.80 บาท)
UNIQ(ราคาปิด 17.80) แนะนำ UNIQ ต่อเนื่องจากวันก่อน เนื่องจากเรามองว่าช่วงท้ายปีจะมีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐาน …. ผลประกอบการ UNIQ ช่วง 3Q17 ออกมาที่ 218 ล้านบาท (-18% YoY, +3% QoQ) กำไรที่ลดลงเป็นผลมาจากที่โครงการส่วนใหญ่อยู่ในช่วงใกล้เสร็จโครงการและเริ่มโครงการใหม่ ส่งผลให้รับรู้รายได้ได้น้อยตามหลัก S-Curve …. KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 940 ล้านบาท (+6% YoY) และปี 2018 ที่ 1,199 ล้านบาท (+28% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 27.50 บาท)
SEAFCO*(ราคาปิด 9.85) เช่นเดียวกับ UNIQ เราคาดว่าช่วงท้ายปีจะมีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานและ SEAFCO เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวและมีผลประกอบการที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ .... backlog ปัจจุบันของบริษัทอยู่ที่ระดับ 1,500 ล้านบาท รองรับรายได้เกือบ 1 ปี ถือเป็นระดับสูงสำหรับหุ้นกลุ่มงานฐานราก .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 209 ล้านบาท (+34% YoY) และปี 2018 ที่ 270 ล้านบาท (+29% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 8.97 บาท)
หุ้น เหตุผล
TMB(ราคาปิด 2.60) เริ่มเห็นปริมาณการซื้อขายของ TMB สูงขึ้น มองว่าตลาดจะให้ความสนใจกับหุ้นกลุ่มแบงก์ในวันนี้ …. เรามองสินเชื่อของ TMB เติบโตได้ดีโดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อบ้านเป็นหลัก KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 9,044 ล้านบาท (+10% YoY) และปี 2018 ที่ 9,901 ล้านบาท (+10% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 2.80 บาท)
UNIQ(ราคาปิด 17.80) แนะนำ UNIQ ต่อเนื่องจากวันก่อน เนื่องจากเรามองว่าช่วงท้ายปีจะมีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐาน …. ผลประกอบการ UNIQ ช่วง 3Q17 ออกมาที่ 218 ล้านบาท (-18% YoY, +3% QoQ) กำไรที่ลดลงเป็นผลมาจากที่โครงการส่วนใหญ่อยู่ในช่วงใกล้เสร็จโครงการและเริ่มโครงการใหม่ ส่งผลให้รับรู้รายได้ได้น้อยตามหลัก S-Curve …. KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 940 ล้านบาท (+6% YoY) และปี 2018 ที่ 1,199 ล้านบาท (+28% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 27.50 บาท)
SEAFCO*(ราคาปิด 9.85) เช่นเดียวกับ UNIQ เราคาดว่าช่วงท้ายปีจะมีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานและ SEAFCO เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวและมีผลประกอบการที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ .... backlog ปัจจุบันของบริษัทอยู่ที่ระดับ 1,500 ล้านบาท รองรับรายได้เกือบ 1 ปี ถือเป็นระดับสูงสำหรับหุ้นกลุ่มงานฐานราก .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 209 ล้านบาท (+34% YoY) และปี 2018 ที่ 270 ล้านบาท (+29% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 8.97 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) TSTH บริษัทได้มีการลงนามขายเครื่องจักร-อุปกรณ์เตาถลุง MBF มูลค่า 15.5 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยผู้ซื้อตั้งใจที่จะใช้สินทรัพย์ MBF ในโรงงานผลิตเหล็กที่สร้างขึ้นใหม่ในประเทศอินเดีย ... เรามองเป็นบวก เนื่องจากเตาถลุง MBF ได้มีการหยุดการผลิตมาตั้งแต่ปี 2011 เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตมีราคาสูง แม้การขายเครื่องจักรคาดว่าจะทำให้ TSTH ต้องมีการบันทึกขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ราว 30-40 ล้านบาท แต่คาดว่าจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายระยะยาวทั้งค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้ราวปีละ 10-15 ล้านบาท และสามารถนำพื้นที่ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้ในอนาคต ขณะที่การขายเตาถลุง MBF ออกไปจะไม่กระทบกับการผลิตเหล็กของบริษัท ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายเฉลี่ย IAA Consensus อยู่ที่ 1.13 บาท
(+) BH จากงาน Analyst meeting เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อย ต่อ BH โดยตัวเลขนักท่องเที่ยว Middle East เริ่มกลับมาแล้ว โดยใน 3Q17 รายได้จากชาวคูเวตเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว ขณะที่ชาติอื่นๆ ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น เราคาดจะส่งผลบวกต่อ BH คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2017เท่าเดิมที่ 4,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY โดยมองว่า 4Q17 กำไรสุทธิของ BH จะอ่อนตัวลงเล็กน้อยตามฤดูกาล ปัจจุบัน BH อยู่ระหว่างการปรับปรุงตัวอาคารโรงพยาบาล เพื่อรองรับผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในเพิ่มขึ้น และจะเน้นพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทางเพื่อรักษาระดับการเป็นโรงพยาบาลรักษาโรคยาก มองปี 2018 กำไรยังสามารถเติบโตได้จาก Vitalife บริษัทย่อยที่เน้นการป้องกันโรค และ Wellness clinic ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสมเดิม 223.50 บาท
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) TSTH บริษัทได้มีการลงนามขายเครื่องจักร-อุปกรณ์เตาถลุง MBF มูลค่า 15.5 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยผู้ซื้อตั้งใจที่จะใช้สินทรัพย์ MBF ในโรงงานผลิตเหล็กที่สร้างขึ้นใหม่ในประเทศอินเดีย ... เรามองเป็นบวก เนื่องจากเตาถลุง MBF ได้มีการหยุดการผลิตมาตั้งแต่ปี 2011 เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตมีราคาสูง แม้การขายเครื่องจักรคาดว่าจะทำให้ TSTH ต้องมีการบันทึกขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ราว 30-40 ล้านบาท แต่คาดว่าจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายระยะยาวทั้งค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้ราวปีละ 10-15 ล้านบาท และสามารถนำพื้นที่ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้ในอนาคต ขณะที่การขายเตาถลุง MBF ออกไปจะไม่กระทบกับการผลิตเหล็กของบริษัท ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายเฉลี่ย IAA Consensus อยู่ที่ 1.13 บาท
(+) BH จากงาน Analyst meeting เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อย ต่อ BH โดยตัวเลขนักท่องเที่ยว Middle East เริ่มกลับมาแล้ว โดยใน 3Q17 รายได้จากชาวคูเวตเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว ขณะที่ชาติอื่นๆ ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น เราคาดจะส่งผลบวกต่อ BH คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2017เท่าเดิมที่ 4,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY โดยมองว่า 4Q17 กำไรสุทธิของ BH จะอ่อนตัวลงเล็กน้อยตามฤดูกาล ปัจจุบัน BH อยู่ระหว่างการปรับปรุงตัวอาคารโรงพยาบาล เพื่อรองรับผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในเพิ่มขึ้น และจะเน้นพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทางเพื่อรักษาระดับการเป็นโรงพยาบาลรักษาโรคยาก มองปี 2018 กำไรยังสามารถเติบโตได้จาก Vitalife บริษัทย่อยที่เน้นการป้องกันโรค และ Wellness clinic ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสมเดิม 223.50 บาท
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
OO2444