- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 10 November 2017 16:40
- Hits: 1954
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวลง โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายยังคงมีแรงขายทำกำไรใน ADVANC และ AOT อีกทั้ง IVL เกิด Sell on fact ภายหลังประกาศงบในช่วงบ่าย สำหรับ ADB เข้าซื้อขายในตลาดวันแรก ราคาค่อนข้างผันผวนโดยปิดที่ 2.16 บาท (+27.8%)ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.7พันล้านบาท ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,703.0 จุด (-11.6 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.5 หมื่นล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 5.9 หมื่นล้านบาท (มี Biglot MINT มูลค่า 590 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 42.09 บาท/หุ้น)
นักลงทุนชาติกลับมาขายหุ้นไทยที่ 1,731 ลบ.แต่ยังคง Short สุทธิ SET50 Index Future สูงกว่า 6,120 สัญญา
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวลง โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายยังคงมีแรงขายทำกำไรใน ADVANC และ AOT อีกทั้ง IVL เกิด Sell on fact ภายหลังประกาศงบในช่วงบ่าย สำหรับ ADB เข้าซื้อขายในตลาดวันแรก ราคาค่อนข้างผันผวนโดยปิดที่ 2.16 บาท (+27.8%)ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.7พันล้านบาท ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,703.0 จุด (-11.6 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.5 หมื่นล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 5.9 หมื่นล้านบาท (มี Biglot MINT มูลค่า 590 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 42.09 บาท/หุ้น)
นักลงทุนชาติกลับมาขายหุ้นไทยที่ 1,731 ลบ.แต่ยังคง Short สุทธิ SET50 Index Future สูงกว่า 6,120 สัญญา
Investment theme
Fund flow จำกัด , กลุ่ม ICT เสีย Momentum ลุ้นกลุ่มพลังงานพยุงตลาด : นอกเหนือจากประเด็น Fund flow ที่เรามองว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี นักลงทุนต่างประเทศมีโอกาสขายทำกำไรตลาดหุ้นต่อเนื่อง (เฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 32,000 ล้านบาท) เรามองว่ากลุ่ม ICT (คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10%) ยังไม่น่าสนใจในการลงทุน จากหลายประเด็นที่ยังไม่มีความชัดเจน (การประมูลคลื่น 850,1800 mhz) และการแข่งขันที่รุนแรง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายยังอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเรามองว่ากลุ่มที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนดัชนีคือกลุ่มพลังงาน สิ่งได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และกลุ่มธนาคารซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นตอบรับหลายปัจจัยลบไปแล้ว ในขณะที่เรามองว่า Loan growth น่าจะดีชึ้นประมาณ 3.5% ในขณะที่ NPL จะเริ่มทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 3.8% +/-
Investment theme: เราแนะนำนักลงทุนทยอยขายทำกำไรหุ้นบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น , โรงไฟฟ้า ในขณะที่หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่ม ICT โดยเราคาด SET จะแกว่งตัวบริเวณ 1,680-1,720 จุด
Fund flow จำกัด , กลุ่ม ICT เสีย Momentum ลุ้นกลุ่มพลังงานพยุงตลาด : นอกเหนือจากประเด็น Fund flow ที่เรามองว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี นักลงทุนต่างประเทศมีโอกาสขายทำกำไรตลาดหุ้นต่อเนื่อง (เฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 32,000 ล้านบาท) เรามองว่ากลุ่ม ICT (คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10%) ยังไม่น่าสนใจในการลงทุน จากหลายประเด็นที่ยังไม่มีความชัดเจน (การประมูลคลื่น 850,1800 mhz) และการแข่งขันที่รุนแรง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายยังอยู่ในระดับสูง ดังนั้นเรามองว่ากลุ่มที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนดัชนีคือกลุ่มพลังงาน สิ่งได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และกลุ่มธนาคารซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นตอบรับหลายปัจจัยลบไปแล้ว ในขณะที่เรามองว่า Loan growth น่าจะดีชึ้นประมาณ 3.5% ในขณะที่ NPL จะเริ่มทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 3.8% +/-
Investment theme: เราแนะนำนักลงทุนทยอยขายทำกำไรหุ้นบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น , โรงไฟฟ้า ในขณะที่หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่ม ICT โดยเราคาด SET จะแกว่งตัวบริเวณ 1,680-1,720 จุด
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา ม.หอการค้าเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.ที่ 76.7 เพิ่มขึ้นจาก ก.ย.ที่ 75.0 ในขณะที่คาดโครงการช็อปช่วยชาติดัน GDP โต 0.1% / รมว.คมนาคมคาดเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกเข้า ครม.ปลายปี 60 –ต้นปี 61 ก่อนออก TOR / ครบรอบ 1 ปี ของการชนะการเลือกตั้งของ Trump / จับตาสหรัฐเลื่อนพิจารณาโครงสร้างภาษีใหม่
RSP เข้าซื้อขายในตลาดวันนี้
บทวิเคราะห์วันนี้ BEM, BBP, CKP, GFPT, IVL LPN, MTLS, SAT TPCH
Stock pick : BEM
BEM : ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท /หุ้น
บริษัทฯรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 940 ล้านบาท (+16.3%YoY, +30%QoQ) สูงกว่าที่เราคาด 11% เป็นผลจากธุรกิจทางด่วน และรถไฟฟ้า ที่ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เราคงคำแนะนำซื้อเพื่อลงทุนในระยะยาวด้วยราคาเหมาะสม 9.00 บาท/หุ้น และมองว่าในปี 61/62 นอกเหนือจากบริษัทจะเติบโตจากทั้งธุรกิจทางด่วนและรถไฟฟ้าและบริษัทลูกอย่าง TTW,CKP และ XPCL ในขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้น Laggard กลุ่มขนส่งอยู่สูงกว่า 18%
เมื่อวานที่ผ่านมา คุณอาคมแถลงข่าวเตรียมนำรถไฟฟ้า 2 สายหลักได้แก่ สายสีม่วงส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ราษฏร์บูรณะ) และสายสีส้มตะวันตก (ตลิ่งชัน-ศุนย์วัฒนธรรม) อีกทั้งรถไฟฟ้า 3 สาย (ส้ม,ชมพูและเหลือง) จะเริ่มก่อสร้างพร้อมๆในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า
Trading idea – – Stock pick สัปดาห์นี้ (LPN, PTTEP, CK)
เมื่อคืนที่ผ่านมา ม.หอการค้าเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.ที่ 76.7 เพิ่มขึ้นจาก ก.ย.ที่ 75.0 ในขณะที่คาดโครงการช็อปช่วยชาติดัน GDP โต 0.1% / รมว.คมนาคมคาดเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกเข้า ครม.ปลายปี 60 –ต้นปี 61 ก่อนออก TOR / ครบรอบ 1 ปี ของการชนะการเลือกตั้งของ Trump / จับตาสหรัฐเลื่อนพิจารณาโครงสร้างภาษีใหม่
RSP เข้าซื้อขายในตลาดวันนี้
บทวิเคราะห์วันนี้ BEM, BBP, CKP, GFPT, IVL LPN, MTLS, SAT TPCH
Stock pick : BEM
BEM : ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท /หุ้น
บริษัทฯรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 940 ล้านบาท (+16.3%YoY, +30%QoQ) สูงกว่าที่เราคาด 11% เป็นผลจากธุรกิจทางด่วน และรถไฟฟ้า ที่ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เราคงคำแนะนำซื้อเพื่อลงทุนในระยะยาวด้วยราคาเหมาะสม 9.00 บาท/หุ้น และมองว่าในปี 61/62 นอกเหนือจากบริษัทจะเติบโตจากทั้งธุรกิจทางด่วนและรถไฟฟ้าและบริษัทลูกอย่าง TTW,CKP และ XPCL ในขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้น Laggard กลุ่มขนส่งอยู่สูงกว่า 18%
เมื่อวานที่ผ่านมา คุณอาคมแถลงข่าวเตรียมนำรถไฟฟ้า 2 สายหลักได้แก่ สายสีม่วงส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ราษฏร์บูรณะ) และสายสีส้มตะวันตก (ตลิ่งชัน-ศุนย์วัฒนธรรม) อีกทั้งรถไฟฟ้า 3 สาย (ส้ม,ชมพูและเหลือง) จะเริ่มก่อสร้างพร้อมๆในช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า
Trading idea – – Stock pick สัปดาห์นี้ (LPN, PTTEP, CK)
Technical View
ใช้ 1700 เป็นจุดตัดสินใจ: ภาพหลักดัชนีแกว่งตัวในกรอบ Ascending Triangle ระยะสั้นคาดแกว่งตัวลงทดสอบแนวรับกรอบล่างของมองว่าแนวรับ 1700 เป็นจุดที่ควรหยุดลงและดีดตัวกลับ เนื่องจากขณะนี้ Modified Stochastic ติดแนวต้านเขต Ovesold และมองว่าภายในวันดัชนีจะในกรอบ 1700-1720 แต่หากผิดคาดดัชนีหลุด 1700 แนะนำ Stop Loss ทันทีกลยุทธ์การลงุทุน (1) มีหุ้น: หาก Rebound ขายทำกำไรที่แนวต้าน 1720 แต่หากหลุด 1700 Stop Loss (2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1700-1720 โดยต้องกำหนดจุด Cut Loss ให้ชัดเจน
แนวรับ : 1700, 1685 แนวต้าน : 1710, 1720
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump เดินทางเยือนเอเชีย (ญี่ปุ่น-จีน-เกาหลีใต้-เวียดนาม-ฟิลิปปินส์) / การประชุม Asean 13-14 พ.ย. / จีนรายงานตัวเลขส่งออก-นำเข้า เช้านี้
ปัจจัยในประเทศ : จับตาการปรับครม.
ใช้ 1700 เป็นจุดตัดสินใจ: ภาพหลักดัชนีแกว่งตัวในกรอบ Ascending Triangle ระยะสั้นคาดแกว่งตัวลงทดสอบแนวรับกรอบล่างของมองว่าแนวรับ 1700 เป็นจุดที่ควรหยุดลงและดีดตัวกลับ เนื่องจากขณะนี้ Modified Stochastic ติดแนวต้านเขต Ovesold และมองว่าภายในวันดัชนีจะในกรอบ 1700-1720 แต่หากผิดคาดดัชนีหลุด 1700 แนะนำ Stop Loss ทันทีกลยุทธ์การลงุทุน (1) มีหุ้น: หาก Rebound ขายทำกำไรที่แนวต้าน 1720 แต่หากหลุด 1700 Stop Loss (2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1700-1720 โดยต้องกำหนดจุด Cut Loss ให้ชัดเจน
แนวรับ : 1700, 1685 แนวต้าน : 1710, 1720
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump เดินทางเยือนเอเชีย (ญี่ปุ่น-จีน-เกาหลีใต้-เวียดนาม-ฟิลิปปินส์) / การประชุม Asean 13-14 พ.ย. / จีนรายงานตัวเลขส่งออก-นำเข้า เช้านี้
ปัจจัยในประเทศ : จับตาการปรับครม.
หุ้นเทคนิค:
BEM (B 8.00, Tp 8.40, Cut 7.90)
BCH (B 16.20, Tp 17.00, Cut 16.00)
BEM (B 8.00, Tp 8.40, Cut 7.90)
BCH (B 16.20, Tp 17.00, Cut 16.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
Research Department Tel. 02-658-5000
OO2222