- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 08 November 2017 16:55
- Hits: 1271
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบ โดยยังมีแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่มพลังงานต้นน้ำอย่าง PTT, PTTEP ตามการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตามมีแรงขายทำกำไร Sell on fact ในกลุ่มโรงแรมอย่าง CENTEL, MINT, ERW และ กลุ่มธนาคาร, การเงินนำโดย SCB, BBL, SAWAD, MTLS ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,712.7 จุด (+1.01 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 5.3 หมื่นล้านบาท (มี Biglot SCC, IRPC)
นักลงทุนชาติซื้อหุ้นไทยเล็กน้อย 257 ลบ.แต่กลับมา Short สุทธิ SET50 Index Future เล็กน้อยที่ 1,292 สัญญา
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบ โดยยังมีแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่มพลังงานต้นน้ำอย่าง PTT, PTTEP ตามการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตามมีแรงขายทำกำไร Sell on fact ในกลุ่มโรงแรมอย่าง CENTEL, MINT, ERW และ กลุ่มธนาคาร, การเงินนำโดย SCB, BBL, SAWAD, MTLS ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,712.7 จุด (+1.01 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 5.3 หมื่นล้านบาท (มี Biglot SCC, IRPC)
นักลงทุนชาติซื้อหุ้นไทยเล็กน้อย 257 ลบ.แต่กลับมา Short สุทธิ SET50 Index Future เล็กน้อยที่ 1,292 สัญญา
Investment theme
แรงซื้อสถาบัน VS แรงขายต่างชาติ : นอกเหนือจากผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แนะนำให้นักลงทุนจับตาแล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางดัชนีคือ Fund flow โดยอ้างอิงจากสถิติย้อนหลัง 5 ปี พบว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี (พฤศจิกายน-ธันวาคม) นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นเฉลี่ยสูงกว่า 32,000 ล้านบาท ในขณะที่เม็ดเงิน LTF ของสถาบันในประเทศซื้อสุทธิเฉลี่ยประมาณ 22,600 ล้านบาท โดยในปีนี้เราคาด Fund flow จะเป็นในลักษณะเดียวกับในอดีตคือนักลงทุนต่างประเทศทยอยขายทำกำไรในตลาดหุ้น จากความชัดเจนของแผนภาษีสหรัฐ, การเริ่มลดขนาดงบดุลครั้งแรกที่ 6.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ และโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในเดือนธันวาคม (92%) ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าอีกครั้งในขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้ปรับตัวนำไทยไปแล้ว ส่งผลกดดันการลงทุน
Investment theme: เราแนะนำนักลงทุนชะลอแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 เพราะเรามองว่าหุ้นหลายกลุ่ม ณ.ปัจจุบันสะท้อนไปไม่มากก็น้อยแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก ชะลอการเก็งกำไรหลัง Momentum เชิงบวกเริ่มเสีย
แรงซื้อสถาบัน VS แรงขายต่างชาติ : นอกเหนือจากผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แนะนำให้นักลงทุนจับตาแล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางดัชนีคือ Fund flow โดยอ้างอิงจากสถิติย้อนหลัง 5 ปี พบว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี (พฤศจิกายน-ธันวาคม) นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นเฉลี่ยสูงกว่า 32,000 ล้านบาท ในขณะที่เม็ดเงิน LTF ของสถาบันในประเทศซื้อสุทธิเฉลี่ยประมาณ 22,600 ล้านบาท โดยในปีนี้เราคาด Fund flow จะเป็นในลักษณะเดียวกับในอดีตคือนักลงทุนต่างประเทศทยอยขายทำกำไรในตลาดหุ้น จากความชัดเจนของแผนภาษีสหรัฐ, การเริ่มลดขนาดงบดุลครั้งแรกที่ 6.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ และโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในเดือนธันวาคม (92%) ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าอีกครั้งในขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้ปรับตัวนำไทยไปแล้ว ส่งผลกดดันการลงทุน
Investment theme: เราแนะนำนักลงทุนชะลอแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 เพราะเรามองว่าหุ้นหลายกลุ่ม ณ.ปัจจุบันสะท้อนไปไม่มากก็น้อยแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก ชะลอการเก็งกำไรหลัง Momentum เชิงบวกเริ่มเสีย
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา ครม.อนุมัติโครงการช็อปช่วยชาติ ในระหว่างวันที่ 11พ.ย. – 3 ธ.ค. วงเงิน 15,000 บาท สามารถนำมาลดหย่อนภาษี โดยกระทรวงการคลังคาดมีผลกระตุ้น GDP ประมาณ 0.05%
KCE งบต่ำกว่าคาด จาก FX และราคาทองแดง กดดัน Margin
เมื่อคืนที่ผ่านมา ครม.อนุมัติโครงการช็อปช่วยชาติ ในระหว่างวันที่ 11พ.ย. – 3 ธ.ค. วงเงิน 15,000 บาท สามารถนำมาลดหย่อนภาษี โดยกระทรวงการคลังคาดมีผลกระตุ้น GDP ประมาณ 0.05%
KCE งบต่ำกว่าคาด จาก FX และราคาทองแดง กดดัน Margin
บทวิเคราะห์วันนี้ SCCC
วันนี้ SPALI-W4 เข้าเทรด คาดมูลค่าประมาณ 20.50บาท +/-
Stock pick : ATP30
Stock pick : ATP30
ATP30: Upgrade ราคาเป้าหมาย 2.19 บาท/หุ้น
บริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิขยายตัว 54%YoY ที่ 8.4 ล้านบาท สอดคล้องกับจำนวนรถที่เพิ่มเป็น 296 คัน (+17คัน จากไตรมาสก่อน) สิ่งที่น่าสนใจคือ Gross margin เพิ่มขึ้น 25.0% (จาก 23% ในไตรมาสก่อน), กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน +34%QoQ,+12%YoY และค่าเฉลี่ยรายได้ต่อคันต่อไตรมาสทะลุ 1.0 แสนบาทเป็นครั้งแรก สะท้อนการบริหารจัดการที่ดี
เราปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 2.19 บาท/หุ้น อิง PER 18 ที่ 22.8 เท่า โดยเราคาดกำไรปี 2561 เติบโต 25% จากจำนวนรถที่ให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 338 คัน (จากปัจจุบันที่ 296 คัน) ในขณะที่เรามองว่า ATP30 จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมต่อการกลุ่มก่อสร้างและนิคม ในโครงการ EEC
Trading idea – – เก็งกำไร SCB จากความคืบหน้าในกรณี PACE ขายโครงการให้ SIRI และเพิ่มทุน เปิดโอกาสการชำระหนี้ได้บางส่วน / Stock pick สัปดาห์นี้ (LPN, PTTEP, CK) / ขายทำกำไร QH คาดผลประกอบการจากการดำเนินงานไตรมาส 3 อ่อนตัว / ทยอยขายทำกำไร M / ชะลอการลงทุน KCE /
บริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิขยายตัว 54%YoY ที่ 8.4 ล้านบาท สอดคล้องกับจำนวนรถที่เพิ่มเป็น 296 คัน (+17คัน จากไตรมาสก่อน) สิ่งที่น่าสนใจคือ Gross margin เพิ่มขึ้น 25.0% (จาก 23% ในไตรมาสก่อน), กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน +34%QoQ,+12%YoY และค่าเฉลี่ยรายได้ต่อคันต่อไตรมาสทะลุ 1.0 แสนบาทเป็นครั้งแรก สะท้อนการบริหารจัดการที่ดี
เราปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 2.19 บาท/หุ้น อิง PER 18 ที่ 22.8 เท่า โดยเราคาดกำไรปี 2561 เติบโต 25% จากจำนวนรถที่ให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 338 คัน (จากปัจจุบันที่ 296 คัน) ในขณะที่เรามองว่า ATP30 จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมต่อการกลุ่มก่อสร้างและนิคม ในโครงการ EEC
Trading idea – – เก็งกำไร SCB จากความคืบหน้าในกรณี PACE ขายโครงการให้ SIRI และเพิ่มทุน เปิดโอกาสการชำระหนี้ได้บางส่วน / Stock pick สัปดาห์นี้ (LPN, PTTEP, CK) / ขายทำกำไร QH คาดผลประกอบการจากการดำเนินงานไตรมาส 3 อ่อนตัว / ทยอยขายทำกำไร M / ชะลอการลงทุน KCE /
Technical View
ปิด Gap แล้วพักตัว : ดัชนีเปิด Gap ขึ้นจากแรงซื้อหลักของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยตลอดทั้งวันดัชนีพยายามแกว่งตัวออกข้างในกรอบแคบเพื่อลุ้นการ Break Out แต่ช่วงท้ายตลาดเกิดแรงขายทกำไรระยะสั้น ทำให้ดัชนีปรับตัวลงปิด Gap โดยขณะนี้ Modified Stochastic ในกราฟ 120 นาทีเริ่มเข้าเขต Overbought ทำให้คาดว่าดัชนีจะแกว่งออกข้างในกรอบ 1705-1720 กลยุทธ์การลงุทุน (1) มีหุ้น: หาก Rebound อาจทยอยขายทำกำไรที่แนวต้าน 1720 (2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1705-1720 โดยต้องกำหนดจุด Cut Loss ให้ชัดเจน
แนวรับ : 1705, 1700 แนวต้าน : 1720, 1730
ปิด Gap แล้วพักตัว : ดัชนีเปิด Gap ขึ้นจากแรงซื้อหลักของหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยตลอดทั้งวันดัชนีพยายามแกว่งตัวออกข้างในกรอบแคบเพื่อลุ้นการ Break Out แต่ช่วงท้ายตลาดเกิดแรงขายทกำไรระยะสั้น ทำให้ดัชนีปรับตัวลงปิด Gap โดยขณะนี้ Modified Stochastic ในกราฟ 120 นาทีเริ่มเข้าเขต Overbought ทำให้คาดว่าดัชนีจะแกว่งออกข้างในกรอบ 1705-1720 กลยุทธ์การลงุทุน (1) มีหุ้น: หาก Rebound อาจทยอยขายทำกำไรที่แนวต้าน 1720 (2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1705-1720 โดยต้องกำหนดจุด Cut Loss ให้ชัดเจน
แนวรับ : 1705, 1700 แนวต้าน : 1720, 1730
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump เดินทางเยือนเอเชีย (ญี่ปุ่น-จีน-เกาหลีใต้-เวียดนาม-ฟิลิปปินส์) /การประชุม Asean 13-14 พ.ย. / จีนรายงานตัวเลขส่งออก-นำเข้า เช้านี้
ปัจจัยในประเทศ : 8 พ.ย. ประชุม กนง./ จับตาการปรับครม. /
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump เดินทางเยือนเอเชีย (ญี่ปุ่น-จีน-เกาหลีใต้-เวียดนาม-ฟิลิปปินส์) /การประชุม Asean 13-14 พ.ย. / จีนรายงานตัวเลขส่งออก-นำเข้า เช้านี้
ปัจจัยในประเทศ : 8 พ.ย. ประชุม กนง./ จับตาการปรับครม. /
หุ้นเทคนิค:
TOP (B 97.50-98.00, Tp 102.50, Cut 96.50)
CPALL (B 70.00, Tp 73.50, Cut 69.00)
TOP (B 97.50-98.00, Tp 102.50, Cut 96.50)
CPALL (B 70.00, Tp 73.50, Cut 69.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
Research Department Tel. 02-658-5000
OO2101