- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 01 November 2017 18:25
- Hits: 9703
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อค่าบวก/ถือเมื่อ SET เหนือ 1710”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET เมื่อวานนี้ขยับขึ้นต่อ 2.71 จุด ปิดที่ 1721.37 โดยเป็นการเลือกซื้อรายตัว ต่างชาติขายสุทธิต่อแต่น้อยลง สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 874 ล้านบาท
สำหรับวันนี้ : ปัจจัยภายนอก – ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 17 ปีเป็น 125.9 และดัชนีราคาบ้าน +6.1%YoY สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่ดี ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อเพราะเชื่อว่าประเทศผู้ผลิตจะขยายเวลาลดการผลิตไปถึงสิ้นปี 61 สำหรับปัจจัยที่ติดตาม คือ 1) ผลประชุมเฟด 31 ต.ค.-1 พ.ย. ซึ่งคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% แล้วค่อยไปปรับขึ้น 0.25% ในการประชุมครั้งสุดท้ายปีนี้ 13 ธ.ค.60, 2) ผลประชุม BOE 2 พ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 0.50%, 3) ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.สหรัฐที่จะออกมา 3 พ.ย. ตลาดคาดว่าจะเพิ่ม 3 แสนตำแหน่ง, 4) รายชื่อประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งทรัมป์อาจประกาศ 3 พ.ย.นี้ ก่อนเดินทางเยือนประเทศเอเชีย และ 5) แผนปฎิรูปภาษีสหรัฐ ซึ่งในเบื้องต้นจะทยอยลดภาษีธุรกิจลงจาก 35% เป็น 25% ภายใน 5 ปี
ส่วนปัจจัยภายใน – ยังอยู่ในช่วง Preview & รายงานกำไร 3Q60 ไปจนถึงกลางพ.ย. ส่วนหุ้น Weekly Picks 1-7 พ.ย.นี้เป็น AOT & SPALI
+ AOT : มี Catalyst ทั้งในระยะสั้น (กำลังเข้าสู่ High season ท่องเที่ยว) – กลาง (รายได้ค่าเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น โดยพื้นที่ดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิจะประมูลก.พ.61) -ยาว (กำลังรองรับผู้โดยสารเพิ่มหลังสุวรรณภูมิเฟส 2 เสร็จ) Operating CF แข็งแกร่ง แนะซื้อ ให้ TP 65 บาท
+ SPALI : ยอดขาย 9M60 +44% เป็น 2.5 หมื่นลบ. (93% ของเป้า) คาดกำไร 3Q-4Q60 ดีขึ้น (1H : 2H = 40 : 60) เพราะมี Backlog สูงโครงการ 4 แห่งที่เปิดใน 3Q60 มูลค่ารวม 1 หมื่นลบ. มียอดขายไปแล้วราว 70% ซึ่งหนุนการเติบโตใน 1-2 ปีข้างหน้าต่อไป ให้ TP 27.2 บาท
กลยุทธ์ลงทุน : เน้นซื้อตามค่าบวก โดยช่วงนี้ SET มีแนวต้าน 1730, 1740-1750 จุด แนวฟิวเตอร์ 1710 จุด (ต่ำกว่านี้ดูไม่ค่อยดี) หุ้นแนะนำรายสัปดาห์ (1-7 พ.ย.) คือ AOT, SPALI (ดังข้างต้น) ส่วน Top Picks ใน Wealth Perspective เดือนพ.ย. คือ AMATA, ERW, DIF, SPALI, TMB และ Dark Horse เป็น GOLD สำหรับเดือนที่แล้ว (ต.ค.60) หุ้น Top Picks ที่เราเลือกให้ผลตอบแทน +7.6%MoM มากกว่า SET ที่ +1.9%MoM และงวด 10M60 หุ้น Picks เราให้ Return สะสม +33% มากกว่า SET (+9%) อย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนหุ้นเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ TCAP, SGP, VGI, ERW, ASK, TTCL, EA ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้ถือต่อ เป็น SENA, PTTGC, TMB, ESSO, GLOBAL, RS, CENTEL, RATCH, M, CKP, TCMC, BPP, BCH, RCL, TIP, ROBINS ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไร ได้แก่ M, TMILL, GOLD หุ้นที่หลุด List คือ SINGER
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ สหรัฐ : ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค. +6.1%YoY และความเชื่อมั่นผู้บริโภคต.ค.สุงสุดในรอบเกือบ 17 ปี
# ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.1%YoY ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ +5.8%YoY และสูงกว่าระดับ 5.9% ในเดือนก.ค.
# ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มเป็น 125.9 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2543 ซึ่งขณะนั้นดัชนีอยู่ที่ระดับ 128.6
• สหรัฐ : ติดตามผลประชุมเฟด & ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรต.ค. & ประธานเฟดคนใหม่
# # คณะกรรมการ FOMC มีประชุม 31 ต.ค.-1 พ.ย.60 คาดจะคงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แล้วค่อยปรับขึ้น 0.25% ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 13 ธ.ค.60
# จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ในวันศุกร์ที่ 3 พ.ย.นี้ นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 300,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อคาดว่าจะเพิ่ม 2.7%YoY (+0.2%MoM)
# จับตาประธานเฟดคนใหม่ โดยมีการคาดการณ์ว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศการตัดสินใจเลือกในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ก่อนที่เขาจะเดินทางเยือนประเทศต่างๆในเอเชีย สื่อรายงานว่าขณะนี้มีตัวเก็งเหลือเพียง 2 คน คือ นายเจอโรมพาวเวล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เฟดสายพิราบที่หนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินของนางเยลเลน และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด นักวิชาการสายเหยี่ยว เน้นการคุมเข้มนโยบายการเงินและสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่านางเยลเลน
+ อังกฤษ : คาดประชุม BOE 2 พ.ย.นี้...อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยหลัง GDP งวด 3Q60 โตดีกว่าคาด
# ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้จาก 0.25% เป็น 0.50% หลัง GDP อังกฤษขยายตัว +0.4%QoQ ในไตรมาส 3/60 (+1.5%YoY) สูงกว่าไตรมาส 2/60 ที่ +0.3%QoQ โดยมีแรงหนุนจากการเติบโตของภาคการผลิตและบริการ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ขยับขึ้นต่อ...รอดูผลประชุมเฟด 1 พ.ย.นี้
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 23,377.24 จุด เพิ่มขึ้น 28.50 จุด หรือ +0.12% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,575.26 จุด เพิ่มขึ้น 2.43 จุด หรือ +0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,727.67 จุด เพิ่มขึ้น 28.71 จุด หรือ +0.43%
# หนุนโดยบริษัทขนาดใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทในกลุ่มผู้ผลิตอาหาร หุ้นแอปเปิลตอบรับคำสั่งจองซื้อ iPhone X เป็นจำนวนมาก
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาเพิ่มขึ้นต่อ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 54.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 61.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
# ตลาดคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก จะตกลงขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปจนถึงสิ้นปีหน้า...ติดตามการประชุมอย่างเป็นทางการของกลุ่มโอเปกในวันที่ 30 พ.ย.นี้
- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาอ่อนลงหลังเงิน US$ แข็งขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 7.20 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ระดับ 1,270.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ Dollar Index ล่าสุดอยู่ที่ 94.6 (อ่อนสุดที่ 91.0 ในวันที่ 8 ก.ย.60)
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่น
+ ธปท.คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้ 3.8%...ส่งออกหนุน
# ธปท.เปิดเผยว่ามูลค่าส่งออก 3Q60 พุ่งแรง โดยเติบโตเกิน 8% ผลักดันเศรษฐกิจไทย 3Q60 จะขยายตัวสูงเกิน 4% ได้และโดยภาพรวมของเศรษฐกิจไทย 2H60 คาดว่าจะขยายตัวที่ 4.1% ยังผลให้เศรษฐกิจทั้งปี 60 จะเติบโต 3.8% ทั้งีน้คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือกนง. จะปรับประมาณการอัตราการขยายตัวปีนี้ใหม่ปลายปี
# กระทรวงอุตสาหกรรมคาดดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ปี 60 น่าจะขยายตัวในอัตราใกล้เคียง 2% เพิ่มขึ้นจากคาดไว้เดิมที่ 0.5-1.5%
• BANPU : เล็งยกเลิกการขายถ่านหินล่วงหน้า เน้นราคาสปอตรับการขยับ
# BANPU ทบทวนแผนลงทุนเพิ่มหลังธุรกิจเชลล์แก๊สโตเร็วกว่าแผน คาดลงทุนครบ 500 ล้านดอลลาร์ปีนี้ โดยปรับแผนเพิ่มสัดส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนเพิ่ม ประเมินราคาถ่านหินอยู่ระดับ 80-85 ดอลลาร์ต่อตัน โดยจะยกเลิกการขายล่วงหน้าเพื่อรับแผนปรับขึ้นราคา
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO1791