- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 31 October 2017 16:43
- Hits: 3270
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา SET ย่อแล้วดีด โดยมีแรงขายในช่วงชั่วโมงแรกของการซื้อขาย แต่หลังจากนั้นเริ่มฟื้นตัวขึ้น จนกลับมาสามารถปิดในแดนบวกได้ โดยกลุ่มที่นำตลาดปรับตัวขึ้นเด่น คือ กลุ่มพลังงานนำโดย PTTEP, PTT และกลุ่มธนาคารนำโดย KBANK ทำให้ปิดสิ้นวัน SET ปิดที่ 1,718.66 จุด (+2.63 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 5.9 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 3,192 ลบ. แต่ยังคง Long สุทธิ SET50 Index Future ที่ 2,696 สัญญา
Market summary
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา SET ย่อแล้วดีด โดยมีแรงขายในช่วงชั่วโมงแรกของการซื้อขาย แต่หลังจากนั้นเริ่มฟื้นตัวขึ้น จนกลับมาสามารถปิดในแดนบวกได้ โดยกลุ่มที่นำตลาดปรับตัวขึ้นเด่น คือ กลุ่มพลังงานนำโดย PTTEP, PTT และกลุ่มธนาคารนำโดย KBANK ทำให้ปิดสิ้นวัน SET ปิดที่ 1,718.66 จุด (+2.63 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 5.9 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 3,192 ลบ. แต่ยังคง Long สุทธิ SET50 Index Future ที่ 2,696 สัญญา
Investment theme
ปัจจัยภายนอกยังคงมีหลายปัจจัยให้ติดตาม ขณะที่ระยะสั้นแรงหนุนภายในคาดยังคงมาจาก LTF : เข้าใกล้มาทุกทีสำหรับการเสนอชื่อประธาน FED คนถัดไป โดย Trump ถือเป็น Key หลักที่กำหนดทิศทางตลาด โดยแนะจับตาว่าประธาน FED คนใหม่จะมาจากสายไหน? (ผ่อนคลาย หรือ เข้มงวด) ซึ่งถือเป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มค่าเงินดอลล่าร์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล รวมถึง Fund Flow ในช่วงถัดไป ซึ่งหากดูจากผลโพลล่าสุดแล้วจะพบว่า คะแนนเสียงของ นาย Powell ซึ่งมีแนวทางดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลาย ยังคงมีคะแนนความนิยมนำอยู่ ก็ถือว่ายังเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสียง แต่อย่างไรก็ดี อะไรก็เกิดขึ้นได้ จึงแนะจับตาประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด ส่วนปัจจัยในประเทศ ระยะสั้นคงขึ้นอยู่กับการรายงานผลประกอบการ 3Q60 ผสานกับแรงหนุนจากเม็ดเงิน LTF ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยพยุงตลาดไว้ เห็นได้ชัดจากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่อง
Investment theme: ระยะสั้นจับตาการรายงานผลประกอบของกลุ่ม Real Sector นำโดย SCC (ตัวแทนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง) วันที่ 1 พ.ย. และ PTTEP (ตัวแทนกลุ่มพลังงาน) ในวันที่ 2 พ.ย. ส่วนปัจจัยที่ยังคาดช่วยหนุนตลาดคือ เม็ดเงิน LTF เพื่อผลประโยชน์ทางภาษีในช่วงท้ายปี
ปัจจัยภายนอกยังคงมีหลายปัจจัยให้ติดตาม ขณะที่ระยะสั้นแรงหนุนภายในคาดยังคงมาจาก LTF : เข้าใกล้มาทุกทีสำหรับการเสนอชื่อประธาน FED คนถัดไป โดย Trump ถือเป็น Key หลักที่กำหนดทิศทางตลาด โดยแนะจับตาว่าประธาน FED คนใหม่จะมาจากสายไหน? (ผ่อนคลาย หรือ เข้มงวด) ซึ่งถือเป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มค่าเงินดอลล่าร์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล รวมถึง Fund Flow ในช่วงถัดไป ซึ่งหากดูจากผลโพลล่าสุดแล้วจะพบว่า คะแนนเสียงของ นาย Powell ซึ่งมีแนวทางดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลาย ยังคงมีคะแนนความนิยมนำอยู่ ก็ถือว่ายังเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสียง แต่อย่างไรก็ดี อะไรก็เกิดขึ้นได้ จึงแนะจับตาประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด ส่วนปัจจัยในประเทศ ระยะสั้นคงขึ้นอยู่กับการรายงานผลประกอบการ 3Q60 ผสานกับแรงหนุนจากเม็ดเงิน LTF ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยพยุงตลาดไว้ เห็นได้ชัดจากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่อง
Investment theme: ระยะสั้นจับตาการรายงานผลประกอบของกลุ่ม Real Sector นำโดย SCC (ตัวแทนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง) วันที่ 1 พ.ย. และ PTTEP (ตัวแทนกลุ่มพลังงาน) ในวันที่ 2 พ.ย. ส่วนปัจจัยที่ยังคาดช่วยหนุนตลาดคือ เม็ดเงิน LTF เพื่อผลประโยชน์ทางภาษีในช่วงท้ายปี
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา Brent ขึ้นต่อเนื่องสู่ 60.9 เหรียญ/บาร์เรล หลังซาอุและรัสเซียสนับสนุนขยายเวลาลดกำลังผลิต OPEC ในปลายเดือนพ.ย.นี้ / สหรัฐฯรายงาน Core PCE กย. ตามคาดที่ +1.3%YoY / PMI จีน 51.6 ต่ำคาดเล็กน้อยที่ 52.0 / จับตาผลกระทบปัญหาน้ำท่วมในประเทศ
KCE: เริ่มคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 122.0 บาทต่อหุ้น
PSL: งบต่ำคาด บันทึกรายการพิเศษยังแนะเก็งกำไรเป้า13.7
VGI: งบตามคาด คงคำแนะนำ ซื้อ 7.0 บาท
TTCL: ประกาศ JV โรงไฟฟ้าในเมียนมาร์
เมื่อคืนที่ผ่านมา Brent ขึ้นต่อเนื่องสู่ 60.9 เหรียญ/บาร์เรล หลังซาอุและรัสเซียสนับสนุนขยายเวลาลดกำลังผลิต OPEC ในปลายเดือนพ.ย.นี้ / สหรัฐฯรายงาน Core PCE กย. ตามคาดที่ +1.3%YoY / PMI จีน 51.6 ต่ำคาดเล็กน้อยที่ 52.0 / จับตาผลกระทบปัญหาน้ำท่วมในประเทศ
KCE: เริ่มคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 122.0 บาทต่อหุ้น
PSL: งบต่ำคาด บันทึกรายการพิเศษยังแนะเก็งกำไรเป้า13.7
VGI: งบตามคาด คงคำแนะนำ ซื้อ 7.0 บาท
TTCL: ประกาศ JV โรงไฟฟ้าในเมียนมาร์
Stock pick : KCE
KCE : เริ่มคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 122.00 บาท
ขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องโดยโรงงาน Phase 3 จะแล้วเสร็จใน 2Q61 เพิ่มกำลังการผลิตอีกราว 30% รองรับอุตสาหกรรมรถยนต์ที่สดใสหนุนยอดขายเติบโตโดดเด่น
ทิศทางค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าจากนโยบายอเมริกาในขณะที่ราคาทองแดงคาดเริ่มนิ่งขึ้นหลังชิลีซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกกลับมาผลิตทองแดงในระดับปกติ
ประเมินปัจจัยภายนอกที่คอยกดดันผลประกอบการเริ่มคลี่คลายส่งผลให้กำไรกลับมาเติบโตได้ในปี 61 ราว 24% และราคาควรกลับไปเทรดพรีเมี่ยมอีกครั้ง แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 122.00 บาท
Trading idea – – เก็งกำไร PM จากยอดการส่งออกที่เร่งตัวขึ้น, เก็ง PTT, PTTEP ขานรับน้ำมันดิบแกว่งขึ้นต่อเนื่อง, HMPRO รายได้และ Gross margin ดีกว่าคาด, และเก็ง QH ถือ HMPRO 19.87%, VGI (laggard กลุ่ม Out of home media อย่าง MACO, PLANB)
KCE : เริ่มคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 122.00 บาท
ขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องโดยโรงงาน Phase 3 จะแล้วเสร็จใน 2Q61 เพิ่มกำลังการผลิตอีกราว 30% รองรับอุตสาหกรรมรถยนต์ที่สดใสหนุนยอดขายเติบโตโดดเด่น
ทิศทางค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าจากนโยบายอเมริกาในขณะที่ราคาทองแดงคาดเริ่มนิ่งขึ้นหลังชิลีซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกกลับมาผลิตทองแดงในระดับปกติ
ประเมินปัจจัยภายนอกที่คอยกดดันผลประกอบการเริ่มคลี่คลายส่งผลให้กำไรกลับมาเติบโตได้ในปี 61 ราว 24% และราคาควรกลับไปเทรดพรีเมี่ยมอีกครั้ง แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 122.00 บาท
Trading idea – – เก็งกำไร PM จากยอดการส่งออกที่เร่งตัวขึ้น, เก็ง PTT, PTTEP ขานรับน้ำมันดิบแกว่งขึ้นต่อเนื่อง, HMPRO รายได้และ Gross margin ดีกว่าคาด, และเก็ง QH ถือ HMPRO 19.87%, VGI (laggard กลุ่ม Out of home media อย่าง MACO, PLANB)
Technical View
แกว่งออกข้างหลังติด Neckline : ดัชนีปรับตัวขึ้นติดแนวต้าน Neckline ของ V-Shape ที่บริเวณ 1720 จากนั้นอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับแล้วสามารถดีดตัวกลับได้ทันที แม้แนวโน้มหลักจะเป็นขาขึ้น แต่ขณะนี้ Slow Stochastic ในกราฟ 120 นาทีเริ่มเข้าสู่เขต Overbought ระยะกลางจึงคาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวออกข้างกรอบ 1705-1730 ส่วนภายในวันคาดแกว่งในกรอบ 1712-1730 แนะนำ Trading ในกรอบดังกล่าว
กลยุทธ์การลงุทน (1) มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1712-1730 เน้นขึ้นขาย-ลงซื้อ (2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1712-1730 เน้นรอซื้อเมื่ออ่อนตัว
แนวรับ : 1712, 1708 แนวต้าน : 1723, 1730
แกว่งออกข้างหลังติด Neckline : ดัชนีปรับตัวขึ้นติดแนวต้าน Neckline ของ V-Shape ที่บริเวณ 1720 จากนั้นอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับแล้วสามารถดีดตัวกลับได้ทันที แม้แนวโน้มหลักจะเป็นขาขึ้น แต่ขณะนี้ Slow Stochastic ในกราฟ 120 นาทีเริ่มเข้าสู่เขต Overbought ระยะกลางจึงคาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวออกข้างกรอบ 1705-1730 ส่วนภายในวันคาดแกว่งในกรอบ 1712-1730 แนะนำ Trading ในกรอบดังกล่าว
กลยุทธ์การลงุทน (1) มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1712-1730 เน้นขึ้นขาย-ลงซื้อ (2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1712-1730 เน้นรอซื้อเมื่ออ่อนตัว
แนวรับ : 1712, 1708 แนวต้าน : 1723, 1730
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump อยู่ระหว่างการพิจารณาหาประธาน FED คนต่อไป / 31 ต.ค. ยุโรปรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ / สหรัฐเตรียมเผยร่างกฏหมายภาษี 1 พ.ย. คาดผ่านร่าง 23 พ.ย. / FOMC Meeting 1 พย. / BOE ประชุม 2 พ.ย. /
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump อยู่ระหว่างการพิจารณาหาประธาน FED คนต่อไป / 31 ต.ค. ยุโรปรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ / สหรัฐเตรียมเผยร่างกฏหมายภาษี 1 พ.ย. คาดผ่านร่าง 23 พ.ย. / FOMC Meeting 1 พย. / BOE ประชุม 2 พ.ย. /
ปัจจัยในประเทศ : -
หุ้นเทคนิค:
BANPU (B 17.10-17.30, Tp 18.00//18.50, Cut 16.90)
PTT (B 416.00, Tp 430.00, Cut 410.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO1742
หุ้นเทคนิค:
BANPU (B 17.10-17.30, Tp 18.00//18.50, Cut 16.90)
PTT (B 416.00, Tp 430.00, Cut 410.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO1742