- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 30 October 2017 17:48
- Hits: 1087
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือค่าบวก หรืออ่อนแต่ไม่หลุด 1705”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TTCL (จาก Fully Valued เป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET วันศุกร์ปรับขึ้น 7.19 จุดปิดที่ 1716.03 นำโดย TTCL ซึ่งได้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่เมียนมาร์กลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะมีกำไร 3Q60 แข็งแกร่ง กลุ่มท่องเที่ยวที่มีกำไรดีต่อเนื่อง และกลุ่มส่งออกที่ได้อานิสงค์จากเงินบาทอ่อนค่าลงรวมถึงมีการ Selective buy ในกลุ่มอสังหาฯ ด้วย นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2.1 พันลบ. สถาบันในประเทศซื้อสุทธิต่อ 1.8 พันลบ.
สำหรับสัปดาห์นี้ : ปัจจัยภายนอก - สหรัฐรายงานตัวเลข GDP ประมาณการครั้งที่ 1 งวด 3Q60 +3.0% ดีกว่าคาดที่ +2.5% หนุนโดยสต็อกเพิ่ม & ขาดดุลการค้าน้อยลง ปัจจัยติดตามคือ 1. ผลประชุมเฟด 31 ต.ค.-1 พ.ย. ซึ่ง CME Group FedWatch ระบุมีโอกาส 99% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยในรอบนี้ และโอกาสที่จะปรับขึ้น 0.25% ในการประชุม 13 ธ.ค.60 อยู่ที่ 97.2%, 2. รายชื่อประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งคาดกันว่าทรัมป์อาจประกาศ 3 พ.ย.นี้ ก่อนเดินทางเยือนประเทศต่างๆในเอเชีย, 3. การผลักดันแผนปฎิรูปภาษีของทรัมป์หลังกฎหมายงบประมาณปี 61 โหวตผ่านวุฒิสภาแล้ว, 4. ผลประชุม BOE 2 พ.ย.นี้ ซึ่งอาจประกาศลดการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินลง และ 5. สถานการณ์ในสเปนซึ่งวุฒิสภามีมติเมื่อ 27 ต.ค.60 ให้ยึดอำนาจการบริหารและปกครองจากแคว้นกาตาลุญญา
ส่วนปัจจัยภายใน – ลุ้นว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นใช้จ่าย & ท่องเที่ยวโค้งสุดท้ายปีนี้หรือไม่ ถ้าออกมาก็จะเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก-ท่องเที่ยว-การบิน-สนามบิน ซึ่งหุ้นเด่นของ DBSV ในกลุ่มเหล่านี้เป็น CPALL, HMPRO, MINT, ERW, AOT, AAV และยังคงติดตามรายงานกำไร 3Q60 ของบริษัทใน Real Sectors ที่จะออกมาถึงกลางเดือนพ.ย.60 ด้าน TTCL เซ็นสัญญางานก่อสร้างโรงไฟฟ้า 1280 MW ในเมียนมาร์ มูลค่างานส่วนของ TTCL 52 พันลบ. ระยะเวลาก่อสร้าง 2.5 ปีเริ่มตั้งแต่ปี 61 เราปรับคำแนะนำเป็นซื้อ ให้ TP 24 บาท
กลยุทธ์ลงทุน : เน้นซื้อตามค่าบวก โดยช่วงนี้ SET มีแนวต้าน 1720-1730, 1740-1750 จุด แนวฟิวเตอร์ 1705 จุด (ต่ำกว่านี้ดูไม่ค่อยดี)
สำหรับหุ้นแนะนำรายสัปดาห์ (25-31 ต.ค.) คือ AMATA, ERW ส่วนหุ้น Picks ใน Wealth Perspective-Equity เดือนต.ค.60 คือ ERW, MTLS, KBANK, PTTGC, TISCO และ Dark Horse เป็น COM7
ส่วนหุ้นเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ UV, HANA, RATCH, M, PM, CKP, TMILL ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้ถือต่อ เป็น SENA, PTTGC, TMB, ESSO, AMATA, GLOBAL, RS, CENTEL ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไร ได้แก่ TCJ, MONO, SYNTEC, WHA หุ้นที่หลุด List –ไม่มี-
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• สหรัฐ : ประชุมเฟด 31 ต.ค.-1 พ.ย.นี้
# คณะกรรมการ FOMC มีประชุม 31 ต.ค.-1 พ.ย.60 ตลาดคาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% (CME Group FedWatch ระบุถึงโอกาสความเป็นไปได้ที่จะคงดอกเบี้ยที่ 99%) แล้วค่อยไปปรับขึ้น 0.25% ในการประชุม 13 ธ.ค.60 (โอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ย 97.2%)
+ สหรัฐ : GDP งวด 3Q60 ประมาณการครั้งที่ 1 โต 3.0% ดีกว่าคาดที่ 2.5%
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 1 ของตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 3 เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า GDP ไตรมาส 3/60 ขยายตัวที่ +3.0% สูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ +2.5% ปัจจัยหนุนคือการลงทุนในสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นและการขาดดุลการค้าลดลง แม้การใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนในภาคก่อสร้างชะลอตัวลงจากอิทธิพลของพายูเฮอร์ริเคนฮารวีย์ และเออร์มาก็ตาม
• สหรัฐ : จับตาประธานเฟดคนใหม่
# นักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยมีการคาดการณ์ว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศการตัดสินใจเลือกในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ก่อนที่เขาจะเดินทางเยือนประเทศต่างๆในเอเชีย
# หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ และสำนักข่าวโพลิติโค รายงานว่าขณะนี้มีตัวเก็งเหลือเพียง 2 คน คือ นายเจอโรม พาวเวลผู้ว่าการเฟด และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
# ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศรายอื่นๆได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่าทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเลือกนายเจอโรม พาวเวล เป็นประธานเฟดคนใหม่แทนนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบันซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.61
+ อังกฤษ : คาด BOE อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยหลัง GDP งวด 3Q60 โตดีกว่าคาด
# ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ หลังจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษขยายตัว +0.4%QoQ ในไตรมาส 3/60 (+1.5%YoY) สูงกว่าไตรมาส 2/60 ที่ +0.3%QoQ และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทั้งนี้ได้แรงหนุนจากการเติบโตของภาคการผลิตและบริการ รวมทั้งความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมรถยนต์
- สเปน : วุฒิสภามีมติเมื่อ 27 ต.ค.60 ให้ยึดอำนาจการบริหารและปกครองจากแคว้นกาตาลุญญา
# รัฐบาลสเปนประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินเพื่อประกาศใช้คำสั่งเข้าปกครองโดยตรงต่อแคว้นกาตาลุญญา หลังจากที่วุฒิสภาสเปนมีมติด้วยคะแนนเสียง 214 ต่อ 47 เสียงเมื่อวันที่ 27 ต.ค.60 ในการอนุมัติให้รัฐบาลประกาศใช้มาตรา 155 แห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อยึดอำนาจการบริหารและปกครองจากแคว้นกาตาลุญญา โดยเพิกถอนสิทธิในการปกครองตนเองพร้อมกับปลดคณะรัฐบาลคาตาลัน และรัฐบาลกลางจะเข้าควบคุมกำลังตำรวจในแคว้นดังกล่าว
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : วันศุกร์ขยับขึ้นต่อ
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 23,434.19 จุด เพิ่มขึ้น 33.33 จุด หรือ 0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,581.07 จุด เพิ่มขึ้น 20.67 จุด หรือ 0.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,701.26 จุด เพิ่มขึ้น 144.49 จุด หรือ 2.20%
# หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จากกำไร 3Q60 ที่เพิ่มขึ้นดีและหลายบริษัทดีกว่าคาด รวมทั้ง GDP งวด 3Q60 ประมาณการครั้งที่ 1 ของสหรัฐ +3.0% ดีกว่าคาด
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาปรับขึ้นต่อหลังรัสเซียและซาอุฯหนุนให้ขยายเวลาลดการผลิตไปถึงสิ้นปี 61
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 53.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 60.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
# ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียประกาศให้การสนับสนุนการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นปี 61 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในไตรมาส 1/61
# เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งานเพิ่มเพียง 1 แท่น สู่ระดับ 737 แท่นในสัปดาห์ที่สิ้นสุด 27 ต.ค.60
• ภาวะตลาดทองคำ : ราคารีบาวด์เล็กน้อย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,271.80 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยความไม่แน่นอนทางการเมืองในสเปนกรณีแคว้นกาตาลุญญาต้องการเป็นเอกราชจากสเปนและประธานเฟดคนใหม่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่น
+ กลุ่มค้าปลีก & ท่องเที่ยว : ลุ้นรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อปลายปี 60
# จับตารัฐบาลอาจจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี 60 ซึ่งจะเป็นบวกกับกลุ่ม "ค้าปลีก-ท่องเที่ยว-การบิน-สนามบิน" โดยทำให้รายได้และกำไรมีโอกาสเติบโตดีขึ้นในช่วงท้ายปลายปี ประกอบกับเข้าสู่ช่วง High season ของภาคท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยในเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่
# หุ้นเด่นในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวของ DBSV Coverage ประกอบด้วย CPALL, HMPRO, ERW, MINT, AOT, AAV
• กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : ใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น ทยอยลดพนักงาน
# ธนาคารมิซูโฮฯ ญี่ปุ่นมีแผนปลดพนักงาน 1 ใน 3 ภายใน 10 ปี แหล่งข่าวจากบริษัท มิซูโฮ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อิงค์ (Mizuho Financial Group Inc.) ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ทางบริษัทกำลังพิจารณาแผนการปรับลดจำนวนพนักงาน 19,000 คนทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ ภายในระยะเวลา 10 ปี ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามแผนการนำ IT มาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงาน
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSV : คาดว่าธนาคารพาณิชย์ของไทยก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากกระแสดิจิตอลแบงค์กิ้งมาเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจต่ำลงและเกิด Economy of scales ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นแล้ว แต่ละธนาคารยังต้องหารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งจากค่าธรรมเนียมและค่าคอมมิชชั่นต่างๆ เพื่อลดการพึ่งพิงธุรกิจปล่อยสินเชื่อและสอดคล้องกับกระแสการใช้บริการทางการเงินในยุคปัจจุบันและอนาคตที่จะเปิดช่องให้หารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมากขึ้น
+ TTCL : เซ็นสัญญาร่วมทุนงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า 1280 เมกะวัตต์ ประเทศเมียนมาร์
# TTCL เซ็นสัญญาร่วมทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินในเมียนมามูลค่า 9.8 หมื่นล้านบาท ดันงานในมือ (Backlog) ทะลุ 1.13 แสนล้านบาท คาดเริ่มงานต้นปี 2561 ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการประมูลงานใหม่อีกกว่า 1.3 แสนล้านบาท
# ทาง DBSV ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ (เดิม Fully Valued) และให้ราคาพื้นฐาน 24 บาท หลังจากสะท้อนงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวเข้ามา โดยมีสมมติฐานว่ามูลค่างานในส่วนของ TTCL เท่ากับ 52 พันล้านบาท อัตรา
กำไรขั้นต้น 5% ระยะเวลาก่อสร้าง 2.5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO1711