WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily 30-10-17
 
ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีเปิดตลาดปรับตัวขึ้นแรงซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดของวันที่ 1712.02 จุด เพิ่มขึ้น 3.18 จุด  พร้อมกับค่อย ๆ แกว่งตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจากแรงซื้อเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมยกเว้นสื่อสาร มีเดียและการเงิน ขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1721.88 จุด เพิ่มขึ้น 13.04 จุด ก่อนที่จะเผชิญแรงขายทำกำไร แต่ไม่รุนแรงที่ยังสามารถยืนเหนือกว่าจุดเปิดตัวในตอนเช้าได้ มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 9.86 จุด  ทั้งนี้ TTCL, PTT, BCPG, TOA, IVL, MINT, SCC, PTTGC, SSP, UV ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1716.03 จุด เพิ่มขึ้น 7.19 จุด (+0.42%) มูลค่าการซื้อขาย 59,930 ล้านบาท
 
ภาพตลาดวันนี้
  ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีสามารถฟื้นตัวขึ้นได้จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ มี Low ในรอบนี้ที่ 1673 จุด ไต่ตัวขึ้นต่อตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ในลักษณะค่อยๆ ขยับขึ้น โดยวันศุกร์ที่ผ่านมาจะเห็นว่าดัชนีเปิดกระโดดข้ามแนวต้านสำคัญ (1711-1712) และแกว่งตัวระหว่างวันที่ไม่หลุดจากแนวดังกล่าว พร้อมกับขึ้นทำ High ที่ 1721 จุดและทำปิดที่ 1716 จุด จากภาพดังกล่าวทำแนวโน้มของดัชนีกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง อย่างน้อยมีโอกาสขึ้นทดสอบ High เดิม (1729) แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นมีโอกาสอ่อนตัวลงมาปิดหรือลดขนาด Gap (1710.64-1712.32) ในภาพรายชม. มองแนวรับ 1707-1712 จุด แนวต้าน 1721-1725 จุด
   แกว่งตัวผันผวน  - เดินหน้าเข้าสู่ขาขึ้นอีกครั้ง หลังจากยืน 1710 จุดได้
  Support  1700 // 1690 จุด    Resistance 1728 // 1735  จุด
 
พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110
Tel  02- 6481124
Email: [email protected] 
 
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
  
" แรงซื้อจากคนไทยยังหนาแน่ จับตาผู้นำ Fed คนใหม่ "
          ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : คาดดัชนีฯเดินหน้าต่อ กรอบ 1700-1730 จุด ... เรามองตลาดเป็นบวก แต่ไม่รุนแรง เนื่องจาก upside ของหุ้นขนาดใหญ่ของตลาดอาจเหลือไม่มากนัก ... ปัจจัยในประเทศ เป็นตัวหนุนตลาด จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยภาครัฐฯ และเก็งงบ 3Q-17  นักลงทุนในประเทศ น่าจะเป็นผู้ซื้อรายหลัก ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ  นั้นเราไม่คาดหวังว่าจะกลับมาเป็นผู้ซื้อรายหลักของตลาดดังเช่นสองเดือนที่ผ่านมา เพราะทิศทางดอลล่าร์ (บาทอ่อน)ที่เริ่มกลับมาแข็งค่า อย่างไรก็ตาม หากตัวแปรสำคัญ ของสัปดาห์นี้ ที่ออกมาได้ทั้งบวกและลบ คือชื่อประธาน Fed คนใหม่ หากผลออกมาและทำให้ดอลล่าร์อ่อนค่าลง แรงขายของนักลงทุนต่างประเทศจะน้อยลง หรือพลิกกลับมาซื้อได้เช่นกัน
          กลยุทธ์การลงทุน : จากที่มองตลาดบวกได้ไม่มาก กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ ยังต้องเป็น selective buy  สลับกับการเปลี่ยนตัวเล่นหุ้นที่ราคาขึ้นมามากและเริ่มไปต่อไม่ไหว โดยเน้นสองปัจจัยหลัก คือกลุ่มได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐฯ และหุ้นมีปัจจัยเฉพาะตัว รวมทั้งหุ้นงบ 3Q ที่คาดว่าจะออกมาดี
          หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ : HANA, CPALL, M*, BCH, ADVANC, FN*
          หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค : TIP HTECH NCL SSP
          * เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
ภาพตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา
          SET Index สัปดาห์ก่อนปิดที่ระดับ 1,716.03 จุด ปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 23.45 จุด หรือ +1.39% ดัชนีสามารถปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,700 จุดได้ จากการกลับมาเข้าซื้อหุ้นหลังดัชนีปรับตัวลงไปมากในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้งนักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาเก็งกำไรสำหรับงบการเงินไตรมาส 3 ที่คาดว่าจะออกมาดี
ปัจจัยที่ควรติดตาม
ปัจจัยต่างประเทศ / ราคาน้ำมันดิบ ประเด็นต่างประเทศจะมีความชัดเจนมากขึ้นในสัปดาห์นี้
          1) คาดการเลือกประธาน Fed คนใหม่จะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้ - คาดว่า ปธน. ทรัมป์จะเสนอชื่อประธาน Fed คนใหม่ได้ภายในวันที่ 3 พ.ย. นี้ ด สำหรับประธาน Fed คนใหม่ หากเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของ Fed  และมีการปรับอัตราดอกเบี้ยบ่อยครั้งขึ้น จะส่งผลต่อความผันผวนในค่าเงินดอลลาร์ และ ตลาดหุ้นไทย
          2) การประชุม FOMC - การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯจะเกิดขึ้นในวันที่ 30/10-01/11 คาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยรวบรวมโดย Bloomberg อยู่ที่ระดับต่ำมากเพียง 0.3% แต่มองว่านักลงทุนจะติดตามดูสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ย โดยก่อนหน้านี้คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือนธันวาคม และอีก 3 ครั้งในปีหน้า
          3) ราคาน้ำมันดิบ - เรามีมุมมองในเชิงบวกต่อราคาน้ำมันดิบมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูง (WTI $52, Brent $59)  หลังซาอุฯประกาศการควบคุมการผลิตน้ำมัน 
ปัจจัยในประเทศ การทยอยประกาศงบ 3Q17
          1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่คาดว่ารัฐจะทยอยประกาศออกมา เนื่องจากใกล้สิ้นปีเข้ามาทุกขณะ เป็นบวกต่อตลาด และหุ้นกลุ่มค้าปลีก หรือหุ้นที่บวกจากมาตรการนั้นๆ (ถ้ามี)
          2) การทยอยประกาศงบ 3Q17 - บริษัทต่างๆเริ่มเข้าสู่การประกาศผลการดำเนินงานสำหรับช่วง 3Q17 ผลสำรวจจาก Bloomberg คาดบริษัทขนาดใหญ่ที่จะประกาศผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 ภายในสัปดาห์นี้ได้แก่ HMPRO (KTBST คาดที่ 1,196 ล้านบาท +26.2% YoY, +5.7% QoQ), BH (KTBST คาดที่ 1,060 ล้านบาท +23.5% YoY, +5.4% QoQ), SCC (Bloomberg คาดที่ 13,252 ล้านบาท -4% YoY, +2% QoQ), PTTEP (Bloomberg คาดที่ 5,806 ล้านบาท +7% YoY, -23% QoQ), และ IRPC (Bloomberg คาดที่ 2,823 ล้านบาท +116% YoY, +130% QoQ) สำหรับกำไรตลาด ประเมินว่าจะต่ำกว่าช่วง 2Q17 ที่มีกำไร 2.33 แสนล้านบาท จากค่าใช้จ่ายพิเศษของ PTT-PTTEP ที่เข้ามา
Stock Picks of The Week  30 October - 03 November 2017
HANA :
          ราคาปิด 48.25 บาท ราคาเหมาะสม 57.50 บาท
          ด้วยการคาดการณ์ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งจากการเลือกประธาน Fed คนใหม่ เราจึงมองว่าหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับผลบวกจากประเด็นดังกล่าว เราเลือก HANA เป็น Top Pick ของอุตสาหกรรมเนื่องจาก เรามองอุตสาหกรรม IC ยังเติบโตดีในตลาดโลก คาดการณ์ผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 เติบโต +22% YoY, +3% QoQ
          เราคาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 2,932 ล้านบาท (+39.3% YoY) โดย HANA มีแผนจะเพิ่มพื้นที่การผลิตสำหรับโรงงานลำพูน 2 โดยการเตรียมสร้างพื้นที่ชั้น 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า เพื่อรองรับคำสั่งซื้อในอนาคต
          ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 57.50 บาท
CPALL :
          ราคาปิด 70.00 บาท ราคาเหมาะสม 79.00 บาท
          เรามองว่าสัปดาห์นี้หุ้นขนาดใหญ่จะเป็นจุดสนใจจากกระแสเงินสดที่เข้ามา เลือก CPALL เนื่องจากเรามองว่า CPALL ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดย SSSG ของ CPALL ปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งที่ประมาณ +2% YoY จากที่ติดลบ -1% ในช่วง 2Q17 โดยเราคาดกำไรช่วง 3Q17 จะออกมาดีที่ 4,790 ล้านบาท (+16% YoY, +3% QoQ)
          KTBST คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 18,867 ล้านบาท (+13% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 21,911 ล้านบาท (+16% YoY)
          ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 79.00 บาท
Weekly Portfolio  30 October - 03 November 2017
หุ้น               เหตุผล
HANA(ราคาปิด 48.25)   ด้วยการคาดการณ์ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งจากการเลือกประธาน Fed คนใหม่ เราจึงมองว่าหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับผลบวกจากประเด็นดังกล่าว เราเลือก HANA เป็น Top Pick ของอุตสาหกรรมเนื่องจาก เรามองอุตสาหกรรม IC ยังเติบโตดีในตลาดโลก คาดการณ์ผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 เติบโต +22% YoY, +3% QoQ .... คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 2,932 ล้านบาท (+39.3% YoY) …. (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 57.50 บาท)
CPALL(ราคาปิด 70.00)   เรามองว่าสัปดาห์นี้หุ้นขนาดใหญ่จะเป็นจุดสนใจจากกระแสเงินสดที่เข้ามา เลือก CPALL เนื่องจากเรามองว่า CPALL ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดย SSSG ของ CPALL ปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งที่ประมาณ +2% YoY จากที่ติดลบ -1% ในช่วง 2Q17 โดยเราคาดกำไรช่วง 3Q17 จะออกมาดีที่ 4,790 ล้านบาท (+16% YoY, +3% QoQ) .... KTBST คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 18,867 ล้านบาท (+13% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 21,911 ล้านบาท (+16% YoY) ….  (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 79.00 บาท)
M*(ราคาปิด 77.00)   คาดการณ์ช่วง 3Q17 ยังคงเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับปีก่อน จากราคาหมู, ไก่ ที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา โดย Bloomberg คาดกำไรสำหรับช่วง 3Q17 ที่ 558 ล้านบาท (+7% YoY, -4% QoQ) .... เรามองว่ากำไรสุทธิทั้งปีของ M จะสามารถเติบโตได้จากการขยายสาขา บริษัทตั้งเป้าสาขา MK ที่เพิ่มทั้งปีที่ 16 ร้านจากที่ขยายไปแล้ว 5 ร้าน และ Yayoi 17 ร้านจากที่ขยายไปแล้ว 4 ร้าน โดย Bloomberg คาดกำไรสำหรับปี 2017 ที่ 2,481 ล้านบาท (+18% YoY), และปี 2018 ที่ 2,660 ล้านบาท (+7% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 72.31 บาท)
BCH(ราคาปิด 16.40)   เรายังแนะนำ BCH ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดย BCH จะรายงานผลประกอบการช่วง 3Q17 ในวันที่ 9/11/2017 เรามองว่า BCH เป็นอีกหนึ่งหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่คาดว่าผลประกอบการช่วง 3Q17 จะเติบโตดีมาก .... คาดกำไรสุทธิของ BCH ใน 3Q17 จะออกมาที่ 301 ล้านบาท (+23.8% YoY, +75.0% QoQ) ทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ปรับขึ้นค่า RW > 2  .... คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 เติบโต 18% YoY ที่ 885 ล้านบาท และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 17% YoY ที่ 1,039 ล้านบาท  .... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 18.50 บาท)
SPALI(ราคาปิด 24.20)   SPALI รายงานยอด Presales งวด 3Q17 โดดเด่นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 11,776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% YoY และ 104% QoQ โดยได้ผลบวกจากการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมที่มากขึ้น และรวม 9M17 ทำยอด Presales ได้แล้ว 25,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% YoY และคิดเป็น 93% ของเป้าหมาย Presales ทั้งปี 2017 ที่ 27,000 ล้านบาท ด้านแนวโน้มกำไรสุทธิงวด 3Q17-4Q17 ยังคงคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จาก Backlog ที่สูงของโครงการคอนโดมิเนียม และผลบวกจากการเปิดตัวโครงการแนวราบมากขึ้น เราประเมินกำไรสุทธิปี 2017 จะเติบโต 7% YoY พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2018 เติบโตดีขึ้นเป็น 11% ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายเป็นปี 2018 ที่ 27.50 บาท
FN(ราคาปิด 6.05)    เรามองผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 จะปรับตัวลงจากปัจจัยฤดูกาล เช่น ฝนตกหนัก, ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม เรามองว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้ดีตั้งแต่ช่วง 4Q17 เป็นต้นไป Bloomberg คาดกำไรสุทธิปีนี้จะอ่อนตัวลงที่ -17% YoY ที่ 122 ล้านบาท แต่จะสามารถเติบโตได้ดีในปี 2018 ที่ +35% YoY ที่ 165 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเตรียมจะขายสินค้าในรูปแบบร้านค้าออนไลน์ โดยบริษัทจะเร่งพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท (House Brand) ให้มีชื่อเสียงมากขึ้น ซึ่งบริษัทเห็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้เติบโต นอกเหนือจากรายได้ที่มาจากการขยายสาขา (ราคาที่เหมาะสมโดย Bloomberg  4.90 บาท)
         
Analyst :  Mongkol Puangpetra
          +662 648 1123
          [email protected]
          Nontapat Rushtasomboon
          +662 648 1127
          [email protected]
OO1702

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!