- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 30 October 2017 16:33
- Hits: 1373
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นต่อ นำโดยหุ้น Big cap อย่าง PTT, AOT และ SCC ในขณะที่ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงเก็งกำไรเด่นใน M ซึ่งสามารถทำระดับสูงสุดต่อเนื่อง และ TTCL ที่ปรับตัวขึ้นสูงกว่า 25% ภายหลังประกาศร่วมสัญญาโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่กับสหภาพเมียนมาร์ อีกทั้งกลุ่ม Out-of home media อย่าง MACO, PLANB ก็มีแรงเก็งกำไรเช่นกัน สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,716.0 จุด (+7.1 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 5.7 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 2,185 ลบ. แต่กลับมา Long สุทธิ SET50 Index Future ที่ 220 สัญญา
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นต่อ นำโดยหุ้น Big cap อย่าง PTT, AOT และ SCC ในขณะที่ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงเก็งกำไรเด่นใน M ซึ่งสามารถทำระดับสูงสุดต่อเนื่อง และ TTCL ที่ปรับตัวขึ้นสูงกว่า 25% ภายหลังประกาศร่วมสัญญาโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่กับสหภาพเมียนมาร์ อีกทั้งกลุ่ม Out-of home media อย่าง MACO, PLANB ก็มีแรงเก็งกำไรเช่นกัน สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,716.0 จุด (+7.1 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 5.7 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 2,185 ลบ. แต่กลับมา Long สุทธิ SET50 Index Future ที่ 220 สัญญา
Investment theme
สัปดาห์นี้ติดตามการรายงานผลประกอบการของตัวแทน 3 กลุ่มหลัก : สัปดาห์นี้เราแนะนำให้นักลงทุน ติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของ HMPRO (ตัวแทนกลุ่มค้าปลีก) ในวันที่ 30 ต.ค / SCC (ตัวแทนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง) วันที่ 1 พ.ย. / PTTEP (ตัวแทนกลุ่มพลังงาน) ในวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งเรามองว่าผลประกอบการของ 3 บริษัทฯดังกล่าวอาจสะท้อนไปทิศทางไปยังบริษัทฯอื่นๆในกลุ่มได้บางส่วน ในขณะที่ เราแนะนำให้นักลงทุนติดตามการประชุมธนาคารกลางหลักของโลกนำโดย FED, BOJ, BOE และการเสนอชื่อประธาน FED คนถัดไปโดย Trump ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดทุนของโลกในสัปดาห์หน้า สำหรับภาพการลงทุน เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ผ่านทาง GDP, PMI ภาคการผลิตและบริการ รวมถึงอัตราใช้กำลังการผลิต และการจ้างงาน ซึ่งเรามองว่ากลุ่มแรกที่จะได้ประโยชน์คือ กลุ่มน้ำมัน และ เดินเรือ (ส่งออก-นำเข้า)
Investment theme: เริ่มเห็นนักลงทุนต่างประเทศ Rotate เม็ดเงินจากเอเชียใต้รวมถึงประเทศไทย (2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศขายทำกำไรในตลาดหุ้นสูงกว่า 1.0 หมื่นล้านบาท) กลับไปยังเอเชียเหนืออย่างเกาหลีใต้และไต้หวันภายหลังสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีบรรเทาลง แนะนำ Go with the flow และจับตาเม็ดเงิน LTF ดันตลาดหุ้นไทย
สัปดาห์นี้ติดตามการรายงานผลประกอบการของตัวแทน 3 กลุ่มหลัก : สัปดาห์นี้เราแนะนำให้นักลงทุน ติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของ HMPRO (ตัวแทนกลุ่มค้าปลีก) ในวันที่ 30 ต.ค / SCC (ตัวแทนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง) วันที่ 1 พ.ย. / PTTEP (ตัวแทนกลุ่มพลังงาน) ในวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งเรามองว่าผลประกอบการของ 3 บริษัทฯดังกล่าวอาจสะท้อนไปทิศทางไปยังบริษัทฯอื่นๆในกลุ่มได้บางส่วน ในขณะที่ เราแนะนำให้นักลงทุนติดตามการประชุมธนาคารกลางหลักของโลกนำโดย FED, BOJ, BOE และการเสนอชื่อประธาน FED คนถัดไปโดย Trump ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดทุนของโลกในสัปดาห์หน้า สำหรับภาพการลงทุน เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ผ่านทาง GDP, PMI ภาคการผลิตและบริการ รวมถึงอัตราใช้กำลังการผลิต และการจ้างงาน ซึ่งเรามองว่ากลุ่มแรกที่จะได้ประโยชน์คือ กลุ่มน้ำมัน และ เดินเรือ (ส่งออก-นำเข้า)
Investment theme: เริ่มเห็นนักลงทุนต่างประเทศ Rotate เม็ดเงินจากเอเชียใต้รวมถึงประเทศไทย (2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศขายทำกำไรในตลาดหุ้นสูงกว่า 1.0 หมื่นล้านบาท) กลับไปยังเอเชียเหนืออย่างเกาหลีใต้และไต้หวันภายหลังสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีบรรเทาลง แนะนำ Go with the flow และจับตาเม็ดเงิน LTF ดันตลาดหุ้นไทย
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา Brent ปรับขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือนที่ 60.4เหรียญ/บาร์เรล หลังซาอุและรัสเซียสนับสนุนขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุม OPEC ในปลายเดือนพ.ย.นี้ / สหรัฐรายงาน GDP ไตรมาส 3 สูงกว่าคาดที่ 3.0% / จับตาผลกระทบปัญหาน้ำท่วมในประเทศ
ตลาดนำ HYDRO, GCAP เข้าเกณฑ์ Cash Balance
Market See- Thru : 5 หุ้น ที่มีโอกาสลุ้นทดสอบ All time high
เมื่อคืนที่ผ่านมา Brent ปรับขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือนที่ 60.4เหรียญ/บาร์เรล หลังซาอุและรัสเซียสนับสนุนขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุม OPEC ในปลายเดือนพ.ย.นี้ / สหรัฐรายงาน GDP ไตรมาส 3 สูงกว่าคาดที่ 3.0% / จับตาผลกระทบปัญหาน้ำท่วมในประเทศ
ตลาดนำ HYDRO, GCAP เข้าเกณฑ์ Cash Balance
Market See- Thru : 5 หุ้น ที่มีโอกาสลุ้นทดสอบ All time high
Stock pick : CPN
CPN : ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 89.00 บาท
คาดผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ 5,897 ล้านบาท จากการบันทึกค่าประกันภัย 3,500 ล้านบาท และจากกำไรปกติ 2,397 ล้านบาท (-3%QoQ จาก seasonal และการ Renovateของห้าง central world ในขณะที่คาดกำไรไตรมาส 4 เติบโต YoY จากการเปิดให้บริการห้างใหม่ที่โคราชและมหาชัย (คาด Occupancy rate บริเวณ 80-85%) และการกลับมาจัดงาน Count down และการบริโภคเสื้อผ้าสี
เรามองว่าปี 2561 จะเป็นช่วงเวลาที่ดีของ CPN ส่วนหนึ่งจาก Occupancy rate ของห้าง Central world จะกลับมาสูงถึง 90% และการรับรู้รายได้เต็มปีของ 2 ห้างใหม่ ที่เปิดใน 4Q60 รวมถึง การรับรู้รายได้จากคอนโด 3 แห่ง (เชียงใหม่-ขอนแก่น-ระยอง) รวม 2,800 ล้านบาท และการรับกระแสเงินสดจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง CPNREIT
Trading idea – – สัปดาห์นี้เราแนะเก็งกำไร PM, PTTEP (ราคาน้ำมันทำระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือน), VGI (laggard กลุ่ม Out of home media อย่าง MACO, PLANB)
CPN : ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 89.00 บาท
คาดผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ 5,897 ล้านบาท จากการบันทึกค่าประกันภัย 3,500 ล้านบาท และจากกำไรปกติ 2,397 ล้านบาท (-3%QoQ จาก seasonal และการ Renovateของห้าง central world ในขณะที่คาดกำไรไตรมาส 4 เติบโต YoY จากการเปิดให้บริการห้างใหม่ที่โคราชและมหาชัย (คาด Occupancy rate บริเวณ 80-85%) และการกลับมาจัดงาน Count down และการบริโภคเสื้อผ้าสี
เรามองว่าปี 2561 จะเป็นช่วงเวลาที่ดีของ CPN ส่วนหนึ่งจาก Occupancy rate ของห้าง Central world จะกลับมาสูงถึง 90% และการรับรู้รายได้เต็มปีของ 2 ห้างใหม่ ที่เปิดใน 4Q60 รวมถึง การรับรู้รายได้จากคอนโด 3 แห่ง (เชียงใหม่-ขอนแก่น-ระยอง) รวม 2,800 ล้านบาท และการรับกระแสเงินสดจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง CPNREIT
Trading idea – – สัปดาห์นี้เราแนะเก็งกำไร PM, PTTEP (ราคาน้ำมันทำระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือน), VGI (laggard กลุ่ม Out of home media อย่าง MACO, PLANB)
Technical View
Upside ด้านบนเริ่มจำกัด : ดัชนีปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วัน ทำให้เกิดการฟื้นตัวขึ้นในลักษณะ V-Shape ซึ่งมีแนวต้าน Neckline ที่บริเวณ 1720-1730 เราคาดว่าที่แนวต้านดังกล่าวดัชนีจะเริ่มชะลอการปรับตัวขึ้น เนื่องจากขณะนี้ Slow Stochastic ในกราฟ 120 นาทีเริ่มเข้าสู่เขต Overbought แม้ระยะสั้นมองว่ายังคงมีโอกาส Sideway Up แต่คาดที่บริเวณแนวต้าน 1720-1730 อาจเริ่มมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์การลงุทน (1) มีหุ้น: ระยะสั้นอาจขายทำกำไรบางส่วนที่ 1720-1730 แล้วรอซื้อกลับที่แนวรับ (2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวระหว่างวันสู่แนวรับ เป็นโอกาสซื้อเพื่อ Trading ระยะสั้น
แนวรับ : 1712, 1708 แนวต้าน : 1720, 1730
Upside ด้านบนเริ่มจำกัด : ดัชนีปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วัน ทำให้เกิดการฟื้นตัวขึ้นในลักษณะ V-Shape ซึ่งมีแนวต้าน Neckline ที่บริเวณ 1720-1730 เราคาดว่าที่แนวต้านดังกล่าวดัชนีจะเริ่มชะลอการปรับตัวขึ้น เนื่องจากขณะนี้ Slow Stochastic ในกราฟ 120 นาทีเริ่มเข้าสู่เขต Overbought แม้ระยะสั้นมองว่ายังคงมีโอกาส Sideway Up แต่คาดที่บริเวณแนวต้าน 1720-1730 อาจเริ่มมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์การลงุทน (1) มีหุ้น: ระยะสั้นอาจขายทำกำไรบางส่วนที่ 1720-1730 แล้วรอซื้อกลับที่แนวรับ (2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวระหว่างวันสู่แนวรับ เป็นโอกาสซื้อเพื่อ Trading ระยะสั้น
แนวรับ : 1712, 1708 แนวต้าน : 1720, 1730
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump อยู่ระหว่างการพิจารณาหาประธาน FED คนต่อไป / 30 ต.ค. สหรัฐรายงาน Core PCE / 31 ต.ค. ยุโรปรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ / สหรัฐเตรียมเผยร่างกฏหมายภาษี 1 พ.ย. คาดผ่านร่าง 23 พ.ย. / BOE ประชุม 2 พ.ย. /
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump อยู่ระหว่างการพิจารณาหาประธาน FED คนต่อไป / 30 ต.ค. สหรัฐรายงาน Core PCE / 31 ต.ค. ยุโรปรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ / สหรัฐเตรียมเผยร่างกฏหมายภาษี 1 พ.ย. คาดผ่านร่าง 23 พ.ย. / BOE ประชุม 2 พ.ย. /
ปัจจัยในประเทศ : -
หุ้นเทคนิค:
KCE (B 96.50-97.00, Tp 100.00//102.00, Cut 95.50)
PTT (B 410.00, Tp 430.00, Cut 406.00)
หุ้นเทคนิค:
KCE (B 96.50-97.00, Tp 100.00//102.00, Cut 95.50)
PTT (B 410.00, Tp 430.00, Cut 406.00)
นักวิเคราะห์ : วิจิตร อารยะพิศิษฐ / สรพล วีระเมธีกุล / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
Research Department Tel. 02-658-5000
OO1698