- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 27 October 2017 16:54
- Hits: 3078
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 25-10-17
Close 1,708.84 Volume B57,627M
Change 7.03 P/E 18.44
%Change 0.41% P/BV 2.07
Close 1,708.84 Volume B57,627M
Change 7.03 P/E 18.44
%Change 0.41% P/BV 2.07
หุ้นแนะนำพิเศษ
HANA (ราคาปัจจุบัน 46.50 บาท Bloomberg Consensus 49.7 บาท)
เป็นผู้ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ได้รับผลบวกจากการเติบโตของอุตฯซึ่งมีการคาดการณ์โดยบริษัทวิจัยชั้นนำโลก "Gartners" ซึ่งคาดว่าการเติบโตของมูลค่าการลงทุนซื้อชิ้นส่วน Semiconductor ทั่วโลกในปี 2017 จะเติบโต 10.2%YoY (ปรับเพิ่มขึ้นจาก 1.2%YoY ในสิ้นไตรมาส 2) นอกจากนี้ ช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังได้รับผลบวกจากการเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนการผลิต IC (สัดส่วน 35 - 40% ของรายได้) เพิ่มขึ้นอีก 15% โดยผลประกอบการในช่วง 1H60 ของ HANA ที่เติบโต 65%YoY ยังเติบโตมากสุดเทียบกับ Peers
ทั้งนี้ รายได้ทั้ง 100% ของ HANA เป็นค่าเงิน USD จึงน่าจะได้รับประโยชน์สูงจากค่าเงินบาทอ่อนค่าวานนี้กว่า 0.17% มาอยู่ที่ 33.28 บาท/USD โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายกันอยู่ที่ PER 13.7 เท่า ต่ำกว่า Peers อาทิ SVI, KCE และ DELTA ที่ 14.7, 17.3 และ 16.9 เท่า สวนทางกับประมาณการกำไรจาก Bloomberg Consensus ที่คาดมีการเติบโตปี 60 มากสุดในกลุ่มที่ 21.2%YoY เทียบ SVI (-58.0%YOY) KCE (-7.42%YoY) และ DELTA (+7.25%YoY) พร้อมกับคาดหวังเงินปันผลปีนี้ได้ราว 4.0% สูงสุดในกลุ่มฯ
HANA (ราคาปัจจุบัน 46.50 บาท Bloomberg Consensus 49.7 บาท)
เป็นผู้ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ได้รับผลบวกจากการเติบโตของอุตฯซึ่งมีการคาดการณ์โดยบริษัทวิจัยชั้นนำโลก "Gartners" ซึ่งคาดว่าการเติบโตของมูลค่าการลงทุนซื้อชิ้นส่วน Semiconductor ทั่วโลกในปี 2017 จะเติบโต 10.2%YoY (ปรับเพิ่มขึ้นจาก 1.2%YoY ในสิ้นไตรมาส 2) นอกจากนี้ ช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังได้รับผลบวกจากการเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนการผลิต IC (สัดส่วน 35 - 40% ของรายได้) เพิ่มขึ้นอีก 15% โดยผลประกอบการในช่วง 1H60 ของ HANA ที่เติบโต 65%YoY ยังเติบโตมากสุดเทียบกับ Peers
ทั้งนี้ รายได้ทั้ง 100% ของ HANA เป็นค่าเงิน USD จึงน่าจะได้รับประโยชน์สูงจากค่าเงินบาทอ่อนค่าวานนี้กว่า 0.17% มาอยู่ที่ 33.28 บาท/USD โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายกันอยู่ที่ PER 13.7 เท่า ต่ำกว่า Peers อาทิ SVI, KCE และ DELTA ที่ 14.7, 17.3 และ 16.9 เท่า สวนทางกับประมาณการกำไรจาก Bloomberg Consensus ที่คาดมีการเติบโตปี 60 มากสุดในกลุ่มที่ 21.2%YoY เทียบ SVI (-58.0%YOY) KCE (-7.42%YoY) และ DELTA (+7.25%YoY) พร้อมกับคาดหวังเงินปันผลปีนี้ได้ราว 4.0% สูงสุดในกลุ่มฯ
Market View : รอขายเมื่อ SET ปรับขึ้น
Stock of the town : NCL DTAC
หุ้นแนะนำพิเศษ : HANA
Stock of the town : NCL DTAC
หุ้นแนะนำพิเศษ : HANA
หุ้นมีข่าว : IVL CHEWA THCOM SEAFCO
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อนเคลื่อนไหวในแดนบวกโดยมีแรงหนุนจากกลุ่มนิคมฯจากการเร่งทำแผนเมืองใหม่ของ EEC และหุ้นรายตัวที่คาดว่าผลประกอบการ 3Q60 จะออกมาดี ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,708.84 จุด (+7.03 จุด) Volume 5.76 หมื่นลบ. โดย Foreign Net -1,743.53 ลบ. TFEX Net -4,619 สัญญา ตราสารหนี้ -3,739 ลบ.
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อนเคลื่อนไหวในแดนบวกโดยมีแรงหนุนจากกลุ่มนิคมฯจากการเร่งทำแผนเมืองใหม่ของ EEC และหุ้นรายตัวที่คาดว่าผลประกอบการ 3Q60 จะออกมาดี ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,708.84 จุด (+7.03 จุด) Volume 5.76 หมื่นลบ. โดย Foreign Net -1,743.53 ลบ. TFEX Net -4,619 สัญญา ตราสารหนี้ -3,739 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีทั้งยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้น 2.2% และยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 18.9% นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐไฟเขียวร่างงบประมาณปี 2561 ฉบับวุฒิสภา
+ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0% โดยต่ออายุ QE ไปจนถึง ก.ย. 61 แต่จะลดวงเงินจาก 6 หมื่นล้ายยูโร เหลือ 3 หมื่นล้านยูโรในเดือนม.ค. 61
+น้ำมันปรับตัวขึ้นจากสต็อกน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และซาอุดิอาระเบียและรัสเซียมีแนวโน้มปรับลดกำลังการผลิตไปจนถึงสิ้นปีหน้า
+อังกฤษ เผย GDP ไตรมาส 3 ขยายตัวที่ระดับ 0.4%
-สหรัฐ จำนวนผู้ขอสวัสดิการเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 233,000 ราย
-เกาหลีเหนือย้ำมีความเป็นไปได้ที่จะทดสอบระเบิดไฮโดรเจนต่อไป
+/- Fund Flow ยังผันผวนโดยต่างชาติพลิกกลับเป็น Net Sell 1.74 พันล้านบาท ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง 33.29 Bath/USD โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะ Short TFEX ตั้งแต่เดือนก.ย. ราว 1.05 แสนสัญญา)
** 27 ต.ค. สหรัฐประกาศตัวเลข GDP ในช่วง Q3/2560
ภาวะตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐขานรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี การที่ ECB ต่ออายุ QE รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่มีปัจจัยลบกดดันจาก fund flow ที่ยังผันผวน คาดวันนี้ SET จะผันผวนในกรอบ 1,695-1,720 จุด โดยแนะนำขายทำกำไรเมื่อ SET ปรับตัวขึ้น
+ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีทั้งยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้น 2.2% และยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 18.9% นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐไฟเขียวร่างงบประมาณปี 2561 ฉบับวุฒิสภา
+ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0% โดยต่ออายุ QE ไปจนถึง ก.ย. 61 แต่จะลดวงเงินจาก 6 หมื่นล้ายยูโร เหลือ 3 หมื่นล้านยูโรในเดือนม.ค. 61
+น้ำมันปรับตัวขึ้นจากสต็อกน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และซาอุดิอาระเบียและรัสเซียมีแนวโน้มปรับลดกำลังการผลิตไปจนถึงสิ้นปีหน้า
+อังกฤษ เผย GDP ไตรมาส 3 ขยายตัวที่ระดับ 0.4%
-สหรัฐ จำนวนผู้ขอสวัสดิการเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 233,000 ราย
-เกาหลีเหนือย้ำมีความเป็นไปได้ที่จะทดสอบระเบิดไฮโดรเจนต่อไป
+/- Fund Flow ยังผันผวนโดยต่างชาติพลิกกลับเป็น Net Sell 1.74 พันล้านบาท ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง 33.29 Bath/USD โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะ Short TFEX ตั้งแต่เดือนก.ย. ราว 1.05 แสนสัญญา)
** 27 ต.ค. สหรัฐประกาศตัวเลข GDP ในช่วง Q3/2560
ภาวะตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐขานรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี การที่ ECB ต่ออายุ QE รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่มีปัจจัยลบกดดันจาก fund flow ที่ยังผันผวน คาดวันนี้ SET จะผันผวนในกรอบ 1,695-1,720 จุด โดยแนะนำขายทำกำไรเมื่อ SET ปรับตัวขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- ค่าเงินบาทอ่อนส่งผลบวกกลุ่มส่งออกทั้งอิเล็กทรอนิกส์ และอาหาร
- การปฎิรูปภาษีของสหรัฐ IVL EPG
- กลุ่มโรงกลั่นคาดกำไร Q3/17 เติบโต
- กลุ่มที่คาดว่างบ Q3/17 จะเติบโตขึ้น ได้แก่ PTTGC TOP IRPC BCP BCPG HARN FTE ATP30 COMAN XO TPCH SYNEX ASIMAR JWD ERW CKP
CPN
- ค่าเงินบาทอ่อนส่งผลบวกกลุ่มส่งออกทั้งอิเล็กทรอนิกส์ และอาหาร
- การปฎิรูปภาษีของสหรัฐ IVL EPG
- กลุ่มโรงกลั่นคาดกำไร Q3/17 เติบโต
- กลุ่มที่คาดว่างบ Q3/17 จะเติบโตขึ้น ได้แก่ PTTGC TOP IRPC BCP BCPG HARN FTE ATP30 COMAN XO TPCH SYNEX ASIMAR JWD ERW CKP
CPN
หุ้นมีข่าว
IVL (ราคาปิด 44.75 Bloomberg Consensus 47.89) บริษัท M&G ซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัทที่สหรัฐผิดนักชำระหนี้ 1.3 พันล้านบาท ซึ่งเราคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นเพียง 0.25 บาทต่อหุ้นเนื่องจากฐานกำไรของบริษัทอยู่ที่ปีละ 1-1.2 หมื่นล้านบาทอีกทั้งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการใน 4Q60 ซึ่งมีกำไรปกติต่อไตรมาสอยู่ในช่วง 3-3.5 พันล้านบาทให้อ่อนตัวลงราว 30% (Bloomberg คาดกำไรปี 60 ที่ 1.3 หมื่นล้านบาทหดตัว 20%YoY) อย่างไรก็ตามในระยะกลางเรามองเป็นผลบวกต่อ IVL เนื่องจากบริษัท M&G เป็นผู้ผลิต PET รายใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือ การหยุดทำธุรกิจของบริษัทดังกล่าวจะส่งผลให้อุปทานในตลาดโลกลดลงและเป็นผลดีต่อราคาผลิตภัณฑ์ PET (IVL ผลิต PET 49% ของกำลังการผลิตรวม และคิดเป็น EBITDA PET/EBITDA รวม 39%) (ที่มา GBS Research)
(+) CHEWA (ราคาปิด 1.25) ผู้บริหารยืนยันเป้ารายได้ปี 60 ที่ 2,000 ลบ. เติบโต 67% จากรายได้รวม 1,200 ลบ. ในปี 59 เนื่องจากมีกำหนดโอนคอนโดมิเนียม 2 โครงการได้แก่ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพใน Q3 และชีวาทัย เรสซิเดนซ์ อโศกใน Q4 ซึ่งมี backlog รวม 1,000 ลบ. หนุนผลประกอบการ 2H60 พลิกจากขาดทุน 9 ลบ.ใน 1H60
ความเห็น เรามีมุมมองบวกหากปลายปีพลิกมีกำไรได้ บนสมมติฐานว่าปีนี้บริษัทมียอดขายตามเป้า และอัตรากำไรสุทธิ 5.24% เท่ากับปี 59 ทำให้คาดกำไรสุทธิราว 105 ล้านบาท คิดเป็น EPS 0.14 บาทต่อหุ้น คำนวณ Prospect PER ณ ปลายปี 60 ได้ราว 9 เท่า แนะนำ ซื้อเก็งกำไร (ที่มา GBS Research)
THCOM (ราคาปิด 16.00 Bloomberg Consensus 19.58 )
บอร์ด INTUCH มีมติยื่นเสนอข้อพิพาท ระหว่างบริษัทฯและกระทรวงดิจิทัลฯ ต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ กรณี มีความเห็นแตกต่างจากกระทรวงฯ ที่มีการส่งหนังสือแจ้งว่า ดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 เป็นสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมระหว่าง กระทรวงดิจิทัลฯและบรษัท และระบุให้ INTUCH ปฏิบัติตามสัญญาโดยด่วน อาทิ การโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบทรัพย์สิน การจัดสร้างดาวเทียมสำรอง การชำระผลประโยชน์ตอบแทน และการประกันภัยทรัพย์สิน ขณะที่ INTUCH มีความเห็นว่า ดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 มีการทำสัญญากับ กสทช.และได้ปฏิบัติตามสัญญาอย่างครบถ้วนแล้ว (ที่มา : www.set.or.th / GBS Research)
สัญญาการให้บริการ หรือ "ใบอนุญาต" ดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่ THCOM เป็นผู้ใช้ในการประกอบการหลัก โดยกรณีดังกล่าว ได้มีการหารือ ระหว่าง THCOM กับ กระทรวงดิจิทัลฯ ไปแล้วถึง 4 รอบด้วยกัน (ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 60) จากความต้องการของ กระทรวงดิจิทัลฯ ที่มีคำสั่งให้ดาวเทียม ไทยคม 7 และ 8 ไปอยู่ในระบบสัมปทาน จากเดิมเป็นการประกอบกิจการแบบใบอนุญาต (กสทช.) ซึ่งมีการจ่ายค่าธรรมเนียมเพียง 5% เทียบกับระบบสัปทานที่ 22.5% และในทุกครั้งของการหารือ THCOM ได้มีข้อเสนอเพิ่มผลประโยชน์แก่ กระทรวงดิจิทัลฯตลอด แต่ยังไม่เท่ากับระบบสัมปทาน (ที่มา : GBS Research)
ฝ่ายวิจัยจึงมีความเห็นว่าการเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ น่าจะสร้างความชัดเจนต่อประเด็นดังกล่าวได้ แต่มองเป็นประเด็นกดดัน ต่อ THCOM คือ เพิ่ม Downside ขึ้นอีก แม้อาจมีการสะท้อนไปบางส่วนแล้วก็ตาม กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่กระทรวงดิจิทัลฯมีการส่งหนังสือฉบับดังกล่าว (5 ต.ค. 60) ราคาหุ้น THCOM ปรับตัวลดลงแล้วราว 7.5% (ที่มา : GBX Research)
(+) SEAFCO (ราคาปิด 9.20-หลังแตกพาร์ Bloomberg Consensus 8.65) วันนี้จะซื้อขายที่ราคาพาร์ใหม่หุ้นละ 0.50 บาทจากเดิม 1 บาท ซึ่งจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้น Bloomberg Consensus ประมาณกำไรสุทธิปี 60 เติบโต 34% เป็น 209 ลบ. และเรามีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในอนาคตจากการเป็นผู้รับเหมาฐานรากที่ได้ประโยชน์โครงการก่อสร้างภาครัฐเป็นลำดับแรกก่อนผู้รับเหมาที่ก่อสร้างงาน ราคาหุ้นคิดเป็น PER 34 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ระดับ 40 เท่า แนะนำ ซื้อเก็งกำไร
NEP ออกหุ้นเพิ่มทุน PP 460 ล้านหุ้น เสนอขาย"วาวา แพค"ราคา 0.405 บ./หุ้น รวม 186.30 ลบ.
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ชัยยศ จิวางกูร ext.5805 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940
OO1663
IVL (ราคาปิด 44.75 Bloomberg Consensus 47.89) บริษัท M&G ซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัทที่สหรัฐผิดนักชำระหนี้ 1.3 พันล้านบาท ซึ่งเราคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นเพียง 0.25 บาทต่อหุ้นเนื่องจากฐานกำไรของบริษัทอยู่ที่ปีละ 1-1.2 หมื่นล้านบาทอีกทั้งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการใน 4Q60 ซึ่งมีกำไรปกติต่อไตรมาสอยู่ในช่วง 3-3.5 พันล้านบาทให้อ่อนตัวลงราว 30% (Bloomberg คาดกำไรปี 60 ที่ 1.3 หมื่นล้านบาทหดตัว 20%YoY) อย่างไรก็ตามในระยะกลางเรามองเป็นผลบวกต่อ IVL เนื่องจากบริษัท M&G เป็นผู้ผลิต PET รายใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือ การหยุดทำธุรกิจของบริษัทดังกล่าวจะส่งผลให้อุปทานในตลาดโลกลดลงและเป็นผลดีต่อราคาผลิตภัณฑ์ PET (IVL ผลิต PET 49% ของกำลังการผลิตรวม และคิดเป็น EBITDA PET/EBITDA รวม 39%) (ที่มา GBS Research)
(+) CHEWA (ราคาปิด 1.25) ผู้บริหารยืนยันเป้ารายได้ปี 60 ที่ 2,000 ลบ. เติบโต 67% จากรายได้รวม 1,200 ลบ. ในปี 59 เนื่องจากมีกำหนดโอนคอนโดมิเนียม 2 โครงการได้แก่ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพใน Q3 และชีวาทัย เรสซิเดนซ์ อโศกใน Q4 ซึ่งมี backlog รวม 1,000 ลบ. หนุนผลประกอบการ 2H60 พลิกจากขาดทุน 9 ลบ.ใน 1H60
ความเห็น เรามีมุมมองบวกหากปลายปีพลิกมีกำไรได้ บนสมมติฐานว่าปีนี้บริษัทมียอดขายตามเป้า และอัตรากำไรสุทธิ 5.24% เท่ากับปี 59 ทำให้คาดกำไรสุทธิราว 105 ล้านบาท คิดเป็น EPS 0.14 บาทต่อหุ้น คำนวณ Prospect PER ณ ปลายปี 60 ได้ราว 9 เท่า แนะนำ ซื้อเก็งกำไร (ที่มา GBS Research)
THCOM (ราคาปิด 16.00 Bloomberg Consensus 19.58 )
บอร์ด INTUCH มีมติยื่นเสนอข้อพิพาท ระหว่างบริษัทฯและกระทรวงดิจิทัลฯ ต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ กรณี มีความเห็นแตกต่างจากกระทรวงฯ ที่มีการส่งหนังสือแจ้งว่า ดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 เป็นสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมระหว่าง กระทรวงดิจิทัลฯและบรษัท และระบุให้ INTUCH ปฏิบัติตามสัญญาโดยด่วน อาทิ การโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบทรัพย์สิน การจัดสร้างดาวเทียมสำรอง การชำระผลประโยชน์ตอบแทน และการประกันภัยทรัพย์สิน ขณะที่ INTUCH มีความเห็นว่า ดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 มีการทำสัญญากับ กสทช.และได้ปฏิบัติตามสัญญาอย่างครบถ้วนแล้ว (ที่มา : www.set.or.th / GBS Research)
สัญญาการให้บริการ หรือ "ใบอนุญาต" ดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่ THCOM เป็นผู้ใช้ในการประกอบการหลัก โดยกรณีดังกล่าว ได้มีการหารือ ระหว่าง THCOM กับ กระทรวงดิจิทัลฯ ไปแล้วถึง 4 รอบด้วยกัน (ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 60) จากความต้องการของ กระทรวงดิจิทัลฯ ที่มีคำสั่งให้ดาวเทียม ไทยคม 7 และ 8 ไปอยู่ในระบบสัมปทาน จากเดิมเป็นการประกอบกิจการแบบใบอนุญาต (กสทช.) ซึ่งมีการจ่ายค่าธรรมเนียมเพียง 5% เทียบกับระบบสัปทานที่ 22.5% และในทุกครั้งของการหารือ THCOM ได้มีข้อเสนอเพิ่มผลประโยชน์แก่ กระทรวงดิจิทัลฯตลอด แต่ยังไม่เท่ากับระบบสัมปทาน (ที่มา : GBS Research)
ฝ่ายวิจัยจึงมีความเห็นว่าการเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ น่าจะสร้างความชัดเจนต่อประเด็นดังกล่าวได้ แต่มองเป็นประเด็นกดดัน ต่อ THCOM คือ เพิ่ม Downside ขึ้นอีก แม้อาจมีการสะท้อนไปบางส่วนแล้วก็ตาม กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่กระทรวงดิจิทัลฯมีการส่งหนังสือฉบับดังกล่าว (5 ต.ค. 60) ราคาหุ้น THCOM ปรับตัวลดลงแล้วราว 7.5% (ที่มา : GBX Research)
(+) SEAFCO (ราคาปิด 9.20-หลังแตกพาร์ Bloomberg Consensus 8.65) วันนี้จะซื้อขายที่ราคาพาร์ใหม่หุ้นละ 0.50 บาทจากเดิม 1 บาท ซึ่งจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้น Bloomberg Consensus ประมาณกำไรสุทธิปี 60 เติบโต 34% เป็น 209 ลบ. และเรามีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในอนาคตจากการเป็นผู้รับเหมาฐานรากที่ได้ประโยชน์โครงการก่อสร้างภาครัฐเป็นลำดับแรกก่อนผู้รับเหมาที่ก่อสร้างงาน ราคาหุ้นคิดเป็น PER 34 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ระดับ 40 เท่า แนะนำ ซื้อเก็งกำไร
NEP ออกหุ้นเพิ่มทุน PP 460 ล้านหุ้น เสนอขาย"วาวา แพค"ราคา 0.405 บ./หุ้น รวม 186.30 ลบ.
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ชัยยศ จิวางกูร ext.5805 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940
OO1663