- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 October 2017 17:15
- Hits: 9188
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
การผ่าน 1705 จุด จะเพิ่มโอกาสลุ้นขึ้นทดสอบ 1730-1750 อีกครั้ง
ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับแรงหนุนเชิงบวกจากการเพิ่มสูงขึ้นของราคาน้ำมันและผลประกอบการกลุ่มพลังงานไตรมาส 3/60 ที่คาดว่าจะเติบโตดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แต่ระยะสั้นอาจเผชิญกับแรงกดดันจากประมาณการกำไรกลุ่มธนาคารที่ถูกปรับลงหลังพบการตั้งสำรองที่สูงขึ้นกว่าคาด (กำไรลด) ประกอบกับอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ของสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้นจากทิศทางนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นและความคืบหน้าของนโยบายปฏิรูปภาษีหลังวุฒิสภาสหรัฐฯมีมติเห็นชอบร่างงบประมาณรายจ่ายปี 61
Investment Theme 1) หุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย อาทิ PRM*, SSP* 2) หุ้นที่ปรับลดลงแรง DTAC, GFPT, CHG, 3) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ AMANAH*, AQUA*, BEC*, ZIGA*, AGE*, TMILL*, SGF*, BFIT*
ภาพรวมกลยุทธ์: หากผ่าน 1705 จะทำให้กรอบการเล่นยกขึ้นสู่ 1705-1750 อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เรายังคงแนะนำเก็งกำไรเป็นในเชิงตั้งรับ (ไม่ไล่ราคา/ซื้อแนวรับ/ตั้ง stop loss) และกลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกหุ้นรายตัว // หุ้นแนะนำ PRM*, SSP*, MBK*, AQUA*
แนวรับ : 1695 / แนวต้าน : 1705-1710 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุน
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปรับขึ้นรับคาดการณ์สต๊อกน้ำมันดิบของสหรํฐฯลดลง รวมถึงแรงหนุนจากความคาดหวังว่าทางกลุ่มผู้ผลิตโอเปคจะเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตนานกว่าที่คาด / ราคาโลหะและสินค้าเกษตรปรับขึ้น / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,588 จุด (+0.13%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 97.20 เหรียญต่อตัน (+0.67%)
ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจยังคงภาพที่เป็นบวก – ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 55.7 ในเดือน ต.ค. สูงสุดในรอบ 9 เดือน ขณะที่ PMI ของยูโรโซนปรับตัวลงสู่ระดับ 55.9 แต่ยังคงอยู่ในทิศทางเชิงบวก (สูงกว่า 50)
ครม.เปิดทางเอกชนร่วมลงทุน – ครม.เห็นชอบปรับแผนยุทธศาสตร์เปิดทางให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐฯ หรือ PPP ระยะเวลา 5 ปี (2560-2564) มูลค่ารวม 1.62 ล้านลบ. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 1.41 ล้านลบ. ปี 2558-2562
ประเด็นติดตาม: 25 ต.ค. - จีดีพีอังกฤษ ไตรมาส 3/60 / 26 ต.ค. – ประชุม ECB / 27 ต.ค. – จีดีพี 3Q60 สหรัฐฯ
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
การผ่าน 1705 จุด จะเพิ่มโอกาสลุ้นขึ้นทดสอบ 1730-1750 อีกครั้ง
ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับแรงหนุนเชิงบวกจากการเพิ่มสูงขึ้นของราคาน้ำมันและผลประกอบการกลุ่มพลังงานไตรมาส 3/60 ที่คาดว่าจะเติบโตดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แต่ระยะสั้นอาจเผชิญกับแรงกดดันจากประมาณการกำไรกลุ่มธนาคารที่ถูกปรับลงหลังพบการตั้งสำรองที่สูงขึ้นกว่าคาด (กำไรลด) ประกอบกับอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ของสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้นจากทิศทางนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นและความคืบหน้าของนโยบายปฏิรูปภาษีหลังวุฒิสภาสหรัฐฯมีมติเห็นชอบร่างงบประมาณรายจ่ายปี 61
Investment Theme 1) หุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย อาทิ PRM*, SSP* 2) หุ้นที่ปรับลดลงแรง DTAC, GFPT, CHG, 3) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ AMANAH*, AQUA*, BEC*, ZIGA*, AGE*, TMILL*, SGF*, BFIT*
ภาพรวมกลยุทธ์: หากผ่าน 1705 จะทำให้กรอบการเล่นยกขึ้นสู่ 1705-1750 อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เรายังคงแนะนำเก็งกำไรเป็นในเชิงตั้งรับ (ไม่ไล่ราคา/ซื้อแนวรับ/ตั้ง stop loss) และกลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกหุ้นรายตัว // หุ้นแนะนำ PRM*, SSP*, MBK*, AQUA*
แนวรับ : 1695 / แนวต้าน : 1705-1710 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุน
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปรับขึ้นรับคาดการณ์สต๊อกน้ำมันดิบของสหรํฐฯลดลง รวมถึงแรงหนุนจากความคาดหวังว่าทางกลุ่มผู้ผลิตโอเปคจะเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตนานกว่าที่คาด / ราคาโลหะและสินค้าเกษตรปรับขึ้น / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,588 จุด (+0.13%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 97.20 เหรียญต่อตัน (+0.67%)
ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจยังคงภาพที่เป็นบวก – ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 55.7 ในเดือน ต.ค. สูงสุดในรอบ 9 เดือน ขณะที่ PMI ของยูโรโซนปรับตัวลงสู่ระดับ 55.9 แต่ยังคงอยู่ในทิศทางเชิงบวก (สูงกว่า 50)
ครม.เปิดทางเอกชนร่วมลงทุน – ครม.เห็นชอบปรับแผนยุทธศาสตร์เปิดทางให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐฯ หรือ PPP ระยะเวลา 5 ปี (2560-2564) มูลค่ารวม 1.62 ล้านลบ. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 1.41 ล้านลบ. ปี 2558-2562
ประเด็นติดตาม: 25 ต.ค. - จีดีพีอังกฤษ ไตรมาส 3/60 / 26 ต.ค. – ประชุม ECB / 27 ต.ค. – จีดีพี 3Q60 สหรัฐฯ
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
OO1622