- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 October 2017 16:36
- Hits: 7655
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,700 จุดอีกครั้ง โดยมีแรงซื้อเก็งกำไรจากกลุ่มค้าปลีกนำโดย HMPRO, CPALL, BEAUTY และ ROBINS และกลุ่มพลังงานนำโดย PTTGC, TOP อย่างไรก็ตามกลุ่มธนาคารยังมีแรงขายต่อเนื่องภายหลังรายงานผลประกอบการออกมาน่าผิดหวัง นำโดย KBANK, SCB, BBL สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,701.8 จุด (+9.2 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.8 หมื่นล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 6.8 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้งที่ 371 ลบ. และยังคง Long สุทธิ SET50 Index Future ที่ 2,620 สัญญา
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,700 จุดอีกครั้ง โดยมีแรงซื้อเก็งกำไรจากกลุ่มค้าปลีกนำโดย HMPRO, CPALL, BEAUTY และ ROBINS และกลุ่มพลังงานนำโดย PTTGC, TOP อย่างไรก็ตามกลุ่มธนาคารยังมีแรงขายต่อเนื่องภายหลังรายงานผลประกอบการออกมาน่าผิดหวัง นำโดย KBANK, SCB, BBL สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,701.8 จุด (+9.2 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.8 หมื่นล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 6.8 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้งที่ 371 ลบ. และยังคง Long สุทธิ SET50 Index Future ที่ 2,620 สัญญา
Investment theme
จับตา Trump เสนอชื่อประธาน FED ล่าสุดโพลล์ระบุ เหลือ 4 คน รวม Yellen : สำนักข่าวต่างประเทศระบุใน 1-2สัปดาห์นี้ ปธน. Trump เตรียมเสนอชื่อประธาน FED ให้สภาสูงพิจารณา โดยโพลล์ล่าสุดระบุให้ นาย Jerome Powell มีคะแนนนำคู่แข่งอย่าง John Taylor, Warsh และ Janet Yellen อยู่พอสมควร ซึ่งนโยบายของ Powell คล้ายๆ Yellen คือการกำหนดนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปในเชิง Dovish แต่แตกต่างที่ Powell ต้องการลดกฏเกณฑ์ทางการเงิน ซึ่งเรามองว่าหากนาย Powell ได้ขึ้นเป็นประธาน FED คนต่อไป ถือเป็นบวกต่อตลาดหุ้นฝั่งเอเชียเมื่อเทียบกับ Warsh หรือ Taylor เนื่องจากทั้ง 2 คน ต้องการที่จะเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้ Dollar กลับมาแข็งค่าเร็วขึ้น และ การเพิ่มขึ้นของ Bond yield สหรัฐ ล่าสุดสูงกว่าไทย 10Bps ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในภูมิภาค
Investment theme: เริ่มเห็นนักลงทุนต่างประเทศ Rotate เม็ดเงินจากเอเชียใต้รวมถึงประเทศไทย กลับไปยังเอเชียเหนืออย่าง เกาหลีใต้และไต้หวันภายหลังสถานการณ์คาบสมุทรเกาลีบรรรเทาลง แนะนำ Go with the flow และจับตาเม็ดเงิน LTF ดันตลาดหุ้นไทย
จับตา Trump เสนอชื่อประธาน FED ล่าสุดโพลล์ระบุ เหลือ 4 คน รวม Yellen : สำนักข่าวต่างประเทศระบุใน 1-2สัปดาห์นี้ ปธน. Trump เตรียมเสนอชื่อประธาน FED ให้สภาสูงพิจารณา โดยโพลล์ล่าสุดระบุให้ นาย Jerome Powell มีคะแนนนำคู่แข่งอย่าง John Taylor, Warsh และ Janet Yellen อยู่พอสมควร ซึ่งนโยบายของ Powell คล้ายๆ Yellen คือการกำหนดนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปในเชิง Dovish แต่แตกต่างที่ Powell ต้องการลดกฏเกณฑ์ทางการเงิน ซึ่งเรามองว่าหากนาย Powell ได้ขึ้นเป็นประธาน FED คนต่อไป ถือเป็นบวกต่อตลาดหุ้นฝั่งเอเชียเมื่อเทียบกับ Warsh หรือ Taylor เนื่องจากทั้ง 2 คน ต้องการที่จะเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้ Dollar กลับมาแข็งค่าเร็วขึ้น และ การเพิ่มขึ้นของ Bond yield สหรัฐ ล่าสุดสูงกว่าไทย 10Bps ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในภูมิภาค
Investment theme: เริ่มเห็นนักลงทุนต่างประเทศ Rotate เม็ดเงินจากเอเชียใต้รวมถึงประเทศไทย กลับไปยังเอเชียเหนืออย่าง เกาหลีใต้และไต้หวันภายหลังสถานการณ์คาบสมุทรเกาลีบรรรเทาลง แนะนำ Go with the flow และจับตาเม็ดเงิน LTF ดันตลาดหุ้นไทย
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา ธปท.สั่งสถาบันการเงินคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ พร้อมสั่งห้ามนำเข้าสินค้า และห้ามเปิดกิจการร่วมค้า / นายกระบุยังไม่มีการปรับขึ้นเงินประกันสังคมเป็น 1,000บาท / ผู้ว่าธปท.ระบุเงินเฟ้อไทยต่ำกว่าเป้า สาเหตุจาก ราคาสินค้าเกษตรยังต่ำ, การบริโภคฟื้นตัวช้า และโครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยนใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น / จับตาการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา / สหรัฐรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการสูงกว่าคาดที่ 54.5 และ 55.9 ตามลำดับ
บทวิเคราะห์วันนี้ : STANLY , PORT (หุ้น IPO)
เมื่อคืนที่ผ่านมา ธปท.สั่งสถาบันการเงินคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ พร้อมสั่งห้ามนำเข้าสินค้า และห้ามเปิดกิจการร่วมค้า / นายกระบุยังไม่มีการปรับขึ้นเงินประกันสังคมเป็น 1,000บาท / ผู้ว่าธปท.ระบุเงินเฟ้อไทยต่ำกว่าเป้า สาเหตุจาก ราคาสินค้าเกษตรยังต่ำ, การบริโภคฟื้นตัวช้า และโครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยนใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น / จับตาการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา / สหรัฐรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการสูงกว่าคาดที่ 54.5 และ 55.9 ตามลำดับ
บทวิเคราะห์วันนี้ : STANLY , PORT (หุ้น IPO)
Stock pick : LPN
LPN : ซื้อ 14.30 บาท
คาดกำไรไตรมาส 3 ไม่ได้อ่อนตัวมากอย่างที่ตลาดกังวล และจะเด่นในไตรมาส4 ต่อเนื่องถึงปี 2561 จากการรับรู้รายได้ของ 4 โครงการใหญ่ส่งผลให้เราคาดกำไรปี 2561 เติบโตสูงกว่า 28% ที่ 1.86 พันล้านบาท
ปัจจุบัน LPN มี Backlog ประมาณ 7.4 พันล้านบาท คาดบันทึกเป็นรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่า 2.3 พันล้านบาท ในขณะที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียม Presale 2-3 โครงการใหญ่รวมย่านพระราม 3 มูลค่าสูงกว่า 5 พันล้านบาท
เรามองว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในขณะที่ราคาหุ้น Laggard กลุ่มและ SET สูงกว่า 19% และ 8.8% ตามลำดับ พร้อมปันผลสูงกว่า 5.6%
Trading idea – – ทยอยสะสม PTTEP บริเวณ 85.00 บาท ราคาปัจจุบันสะท้อนข่าวขาดทุนจากการด้อยค่าไปแล้ว / ทยอยขายทำกำไร GPSC บริเวณ 58.0+/-
LPN : ซื้อ 14.30 บาท
คาดกำไรไตรมาส 3 ไม่ได้อ่อนตัวมากอย่างที่ตลาดกังวล และจะเด่นในไตรมาส4 ต่อเนื่องถึงปี 2561 จากการรับรู้รายได้ของ 4 โครงการใหญ่ส่งผลให้เราคาดกำไรปี 2561 เติบโตสูงกว่า 28% ที่ 1.86 พันล้านบาท
ปัจจุบัน LPN มี Backlog ประมาณ 7.4 พันล้านบาท คาดบันทึกเป็นรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่า 2.3 พันล้านบาท ในขณะที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียม Presale 2-3 โครงการใหญ่รวมย่านพระราม 3 มูลค่าสูงกว่า 5 พันล้านบาท
เรามองว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในขณะที่ราคาหุ้น Laggard กลุ่มและ SET สูงกว่า 19% และ 8.8% ตามลำดับ พร้อมปันผลสูงกว่า 5.6%
Trading idea – – ทยอยสะสม PTTEP บริเวณ 85.00 บาท ราคาปัจจุบันสะท้อนข่าวขาดทุนจากการด้อยค่าไปแล้ว / ทยอยขายทำกำไร GPSC บริเวณ 58.0+/-
Technical View
แกว่งตัวในกรอบ 1690-1710 : ดัชนีแกว่ง Sideway Up ทดสอบแนวต้านจิตวิทยาบริเวณ 1700 แล้วอ่อนตัว ทำให้แม้ภาพระยะยาวดัชนียังคงแกว่งตัวในกรอบขาขึ้น แต่ระยะสั้นถึงกลางมองว่า จะแกว่งพักตัว Sideway ช่วง 1690-1710 เพื่อลดความผันผวนหลังปรับตัวลงแรงในสัปดาห์ก่อน หากดัชนีปรับตัวขึ้น 1710 แนะนำขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบ และมองว่าหากดัชนีอ่อนตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 1690 มองเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสม
กลยุทธ์การลงุทน (1) มีหุ้น: ระยะสั้นอาจขายทำกำไรบางส่วนที่ 1710 แล้วรอซื้อกลับที่แนวรับ (2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวระหว่างวันสู่แนวรับ เป็นโอกาสซื้อเพื่อ Trading ระยะสั้น
แนวรับ : 1690, 1685 แนวต้าน : 1705, 1710
แกว่งตัวในกรอบ 1690-1710 : ดัชนีแกว่ง Sideway Up ทดสอบแนวต้านจิตวิทยาบริเวณ 1700 แล้วอ่อนตัว ทำให้แม้ภาพระยะยาวดัชนียังคงแกว่งตัวในกรอบขาขึ้น แต่ระยะสั้นถึงกลางมองว่า จะแกว่งพักตัว Sideway ช่วง 1690-1710 เพื่อลดความผันผวนหลังปรับตัวลงแรงในสัปดาห์ก่อน หากดัชนีปรับตัวขึ้น 1710 แนะนำขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบ และมองว่าหากดัชนีอ่อนตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 1690 มองเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสม
กลยุทธ์การลงุทน (1) มีหุ้น: ระยะสั้นอาจขายทำกำไรบางส่วนที่ 1710 แล้วรอซื้อกลับที่แนวรับ (2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวระหว่างวันสู่แนวรับ เป็นโอกาสซื้อเพื่อ Trading ระยะสั้น
แนวรับ : 1690, 1685 แนวต้าน : 1705, 1710
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump อยู่ระหว่างการการพิจารณาหาประธาน FED คนต่อไป / 26 ตค. ECB Meeting / ติดตามปัญหาความรุนแรงในประเทศฟิลิปปินส์ / สหรัฐเตรียมเผยร่างกฏหมายภาษี 1พ.ย. คาดผ่านร่าง 23 พ.ย.
ปัจจัยในประเทศ : หลายบริษัทฯปิดทำการ-งดให้บริการเนื่องในการพระราชพิธี
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump อยู่ระหว่างการการพิจารณาหาประธาน FED คนต่อไป / 26 ตค. ECB Meeting / ติดตามปัญหาความรุนแรงในประเทศฟิลิปปินส์ / สหรัฐเตรียมเผยร่างกฏหมายภาษี 1พ.ย. คาดผ่านร่าง 23 พ.ย.
ปัจจัยในประเทศ : หลายบริษัทฯปิดทำการ-งดให้บริการเนื่องในการพระราชพิธี
หุ้นเทคนิค:
PTT (B 406.00, Tp 416.00//420.00, Cut 400.00)
PTTGC (B 80.00, Tp 83.00, Cut 79.00)
PTT (B 406.00, Tp 416.00//420.00, Cut 400.00)
PTTGC (B 80.00, Tp 83.00, Cut 79.00)
นักวิเคราะห์ : สุกิจ อุดมศิริกุล / สรพล วีระเมธีกุล / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
Research Department Tel. 02-658-5000
OO1614