- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 24 October 2017 17:28
- Hits: 2437
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อ/ถือด้วยค่าบวกเป็นหลัก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : HMPRO (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันศุกร์ SET ลงต่อช่วงแรก แล้วก็มีรีบาวด์กลับขึ้นไปปิดบวกได้ (+9.15 จุด ปิดที่ 1692.58 จุด) สัปดาห์นี้ต้องลุ้นกันต่อว่าจะผ่านและยืนเหนือ 1700 ได้หรือไม่ ถ้าได้ก็เลือกซื้อ/ถือต่อ แต่ถ้าไม่ได้ก็ควรขายก่อนแล้วรอซื้ออ่อนตัวรอบใหม่
สำหรับวันนี้ : ภายนอกมี Update เรื่องสำคัญ คือ 1. นายอาเบะและพรรครัฐบาลได้ชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อ 22 ต.ค.นี้ (ได้ 310 จากทั้งหมด 465 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร) ซึ่งการเดินหน้าแผนและนโยบายต่างๆ จะไม่สะดุดตัว คาดเศรษฐกิจญี่ปุ่นปี 60-61 จะเติบโตได้ดีต่อเนื่อง, 2. วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 61 วงเงิน 4 ล้านล้านUS$ ด้วยคะแนน 51:49 ซึ่งจะปูทางไปสู่การปฎิรูปภาษีของทรัมป์ต่อไป, 3. แคว้นเวเนโตและลอมบาร์ดี (30% ของ GDP อิตาลี) ได้ชัยชนะในการทำประชามติให้มีอำนาจปกครองตนเองมากขึ้นคาดไม่มีความขัดแย้งรุนแรงเพราะต้องการปกครองตนเองให้มากขึ้น ไม่ได้มีการเรียกร้องการเป็นเอกราชและการลงประชามติก็ได้รับการรับรองจากศาลรัฐธรรมนูญของอิตาลี และ 4. ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อ จากคาดการณ์ว่าตลาดจะเข้าสู่ภาวะสมดุลได้เร็วขึ้นจากอุปสงค์ที่โตดีขึ้นตามเศรษฐกิจโลก สำหรับปัจจัยจับตา คือ การประกาศรายชื่อประธานเฟดคนใหม่ แทนนางเยลเลนที่จะหมดวาระก.พ.ปีหน้า
ปัจจัยภายใน ยังคงเป็นการติดตามรายงานผลประกอบการ 3Q60 หลังกลุ่มแบงค์ประกาศไปแล้ว โดยกำไร 3Q60 ของกลุ่ม -8%YoY เป็น 49.7 พันลบ. ส่วน 9M60 -3%YoY เป็น 151.7 พันลบ. หลังตั้งสำรองเพิ่มจาก NPL ยังสูงขึ้น และเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ปัจจัยที่ควรระวังในระยะสั้นมาก คือ Sell on fact หลังประกาศกำไรแล้ว
กลยุทธ์ลงทุน : เน้นซื้อตามค่าบวก โดยช่วงนี้ SET มีแนวรับ 1670-1660 จุด แนวต้าน 1700-1710 จุด แนวฟิวเตอร์ 1685 จุด (ต่ำกว่านี้ดูไม่ค่อยดี) สำหรับหุ้นแนะนำรายสัปดาห์ (18-24 ต.ค.) คือ BBL, ERW ส่วนหุ้น Picks ใน Wealth Perspective-Equity เดือนต.ค.60 คือ ERW, MTLS, KBANK, PTTGC, TISCO และ Dark Horse เป็น COM7
ส่วนหุ้นเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High ได้แก่ KKP, SAWAD, TOA, TOP, COM7, PSL, SEAFCO, TOP ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้ถือต่อ คือ SENA, PTTGC, TMB, M, SGP, CBG, STAR ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไร คือ ASAP, RS, SAT, LST หุ้นที่หลุด List –ไม่มี-
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ สหรัฐ : วุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 2561
# ปัจจัยหนุน คือ วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 2561 วงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยคะแนนเสียง 51-49 โดยร่างงบประมาณดังกล่าวอนุญาตให้รัฐบาลสหรัฐขาดดุลงบประมาณได้ถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้าไปจนถึงปีงบประมาณ 2570 ซึ่งจะปูทางสำหรับข้อเสนอการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
• สหรัฐ : จับตาผู้ที่จะมาเป็นประธานเฟดคนใหม่แทนนางเยลเลน
# จับตาการแต่งตั้งผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยขณะนี้มีตัวเก็ง 5 คนที่อาจได้รับการพิจารณา ซึ่งได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า, นายแกรี โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์, นายเควิน วอร์ช อดีตผู้ว่าการเฟด, นายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟดสมัยปัจจุบัน และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยทางทำเนียบขาวเปิดเผยว่าปธน.ทรัมป์จะประกาศการตัดสินใจในอีกไม่กี่วันข้างหน้า...สื่อรายงานว่าขณะนี้นายพาวเวล ถือเป็นตัวเต็งอันดับต้นๆ
+ ญี่ปุ่น : พรรครัฐบาลนายอาเบะชนะเลือกตั้งเมื่อ 22 ต.ค.60
# นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ประกาศว่าเขาจะรีบจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และแต่งตั้งสมาชิกตำแหน่งสำคัญในพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) หลังจากที่พรรครัฐบาลได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ต.ค.60 ที่ผ่านมา
# โดยพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายอาเบะ ได้ไป 283 ที่นั่ง ซึ่งรวมที่นั่งจากผู้สมัครอิสระ 3 รายที่ได้รับการรับรองจากพรรคภายหลังชนะการเลือกตั้ง และพรรคโคเมโตะซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ได้ไป 29 ที่นั่ง ส่งผลให้ทั้งสองพรรคได้ที่นั่งรวมกันมากกว่า 310 ที่นั่ง หรือมากกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนทั้งสิ้น 465 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร
• อิตาลี : แคว้นเวเนโตและลอมบาร์ดีประกาศชัยชนะในการทำประชามติให้มีอำนาจปกครองตนเองมากขึ้น
ผู้นำแคว้นเวเนโตและลอมบาร์ดี ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของอิตาลี ได้ออกมาอ้างชัยชนะในการทำประชามติเมื่อวันที่ 22 ต.ค.60 เพื่อเรียกร้องการมีอำนาจในการปกครองตนเองมากขึ้นจากอิตาลี ทั้งการตัดสินใจควบคุมคนเข้าเมือง, ความมั่นคงของแคว้น, การศึกษา และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งให้แคว้นมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีมากขึ้น ทั้งนี้ แคว้นเวเนโตและลอมบาร์ดีมีสัดส่วน GDP ของอิตาลีราว 30% และมีจำนวนสมาชิกในรัฐสภาอิตาลีถึง 1 ใน 4 การลงประชามติของแคว้นเวเนโต และลอมบาร์ดีของอิตาลีในครั้งนี้ แตกต่างจากการลงประชามติของแคว้นกาตาลุญญาของสเปน เนื่องจากการลงประชามติของทั้ง 2 แคว้นในอิตาลีไม่ได้มีการเรียกร้องการเป็นเอกราชจากอิตาลี และการลงประชามติก็ได้รับการรับรองจากศาลรัฐธรรมนูญของอิตาลี
- สเปน ; ยังคงมีความขัดแย้งกรณีแคว้นกาตาลุญญาจะแยกตัวเป็นอิสระ
# มาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีของสเปนได้ประกาศเมื่อวันที่ 21 ต.ค.60 ว่าจะมีการยุบรัฐบาลแคว้นกาตาลุญญา และกระทรวงต่างๆ ของสเปนจะเข้ามาควบคุมดูแลอำนาจเหล่านี้ นอกจากนี้ยังอาจจะมีการยุบรัฐสภาแคว้นกาตาลุญญา และจัดการเลือกตั้งขึ้นภายในระยะเวลา 6 เดือน...แต่มาตรการเหล่านี้จะต้องได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภาสเปนก่อน จึงจะสามารถปฏิบัติได้อย่างเต็มรูปแบบ
# นายคาร์เลส ปุกเดมองต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญา เปิดเผยว่าตนเองได้เรียกประชุมรัฐสภาแห่งแคว้นกาตาลุญญาเพื่อประชุมและหารือ โดยระบุว่ามาตรการที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลสเปนประกาศออกมา ถือเป็นการโจมตีอย่างรุนแรงต่อสถาบันต่างๆของชาวคาตาลัน
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นหลังวุฒิสภาสหรัฐอนุมัติงบประมาณประจำปี 61 ที่จะนำไปสู่การปฎิรูปภาษี
# ดัชนี DJIA ปิด 23,328.63 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พุ่งขึ้น 165.59 จุด หรือ +0.71% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,575.21 จุด เพิ่มขึ้น 13.11 จุด หรือ +0.51% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,629.05 จุด เพิ่มขึ้น 23.99 จุด หรือ +0.36% ปัจจัยหนุน คือ วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 2561 วงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยคะแนนเสียง 51-49
+ ภาวะตลาดน้ำมันดิบ : ราคาขยับขึ้นต่อ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 51.47 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 57.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
# เลขาธิการของกลุ่มโอเปก กล่าวว่า ตลาดน้ำมันกำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุลในอัตราที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก กลุ่มโอเปกคาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะทะลุ 100 ล้านบาร์เรล/วันภายในปี 63 (ปีนี้คาดการณ์อุปสงค์ไว้ที่ 96.8 ล้านบาร์เรล/วัน)
# เบเกอร์ ฮิวจ์ เผยว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลง 7 แท่น สู่ระดับ 736 แท่นในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์
- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาร่วงลงหลังวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 61
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวลง 9.50 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่ระดับ 1,280.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 61 ด้วยคะแนนเสียง 51-49 คะแนน และดัชนีดัชนีดอลลาร์ (ค่าเงินดอลลาร์เทียบเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน) ปรับขึ้น 0.55% สู่ระดับ 93.67
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่น
• กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : กำไร 3Q60 -8%YoY และ 9M60 -3%YoY
# กลุ่มธนาคารพาณิชย์รายงานกำไร 3Q60 ลดลง 8%YoY เป็น 49.7 พันล้านบาท ส่วน 9 เดือน ลดลง 3%YoY สู่ระดับ 151.7 พันล้านบาท หลังตั้งสำรองค่าเผื่อฯเพิ่มขึ้นจาก NPL เพิ่มขึ้น และเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ที่จะเริ่มใช้ในต้นปี 62 เป็นต้นไป (มาตรฐานใหม่ คือ ธนาคารจะต้องตั้งสำรองค่าเผื่อฯตั้งแต่มีความเสี่ยงว่าลูกหนี้อาจจะเป็น NPL แม้ว่าลูกหนี้จะยังผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยก็ตาม) โดยในงวด 3Q60 CIMBT กำไรลดลงมากที่สุด (-82%YoY) ตามมาด้วย KTB (-30%YoY) และ KBANK (-13%YoY) ส่วนธนาคาร TISCO มีกำไรเพิ่มมากที่สุด (+26%YoY) รองลงมาเป็น TCAP (+18%YoY) และ TMB (+9%YoY)
# ส่วนงวด 9 เดือนปีนี้ ธนาคารที่มีกำไรเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ TISCO (+23%) รองลงมาเป็น TCAP (+14%) และ KKP (8.2%) ส่วนธนาคารที่มีกำไรลดลงมากที่สุดคือ CIMBT (-31%) ตามมาด้วย KTB (-27%) และ LHBANK (-10%)
# การลดลงของกำไรโดยหลักมาจากการตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูง หลัง NPL ยังคงเพิ่มขึ้น (แม้ว่าจะอ่อนลงจาก 1H60 แล้วก็ตาม) อย่างไรก็ตาม กำไรก่อนสำรอง (PPOP) ยังเติบโตได้ ซึ่งมาจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มทั้งจากค่าธรรมเนียมจากธุรกิจประกัน, บริหารจัดการกองทุนรวม และกำไรจากเงินลงทุน แต่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว-เติบโตเล็กน้อยเท่านั้น
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSV : เราให้ BBL, KBANK เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มแบงค์ใหญ่ โดยคาดว่า BBL จะมีรายได้ค่าธรรมเนียมโตดีขึ้นในปี 61 หลังเซ็นสัญญาจับมือขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตให้กับ AIA ด้าน KBANK ก็มีจุดแข็งเรื่องความเป็นผู้นำในดิจิตอลแบงค์กิ้งและรายได้จากฐานลูกค้า SME ที่กว้างขวาง
สำหรับหุ้นเด่นในแบงค์กลางเป็น TMB ซึ่งมีรายได้ค่าธรรมเนียมคงที่จากการขายประกันให้ FWD ไตรมาสละ 330 ล้านบาทนับตั้งแต่ 1Q60 เป็นต้นไปเป็นเวลา 15 ปี และมีฐานลูกค้าเงินฝากแข็งแกร่งขึ้นมาก
ส่วนหุ้นเด่นในแบงค์เล็ก คือ TISCO โดยการซื้อกิจการธุรกิจรายย่อยจาก SCBT ทำให้สินเชื่อรายย่อยขยายตัวและทำรายได้ & กำไรมากขึ้นในปี 61 ส่วน TCAP เป็นหุ้นที่ Valuation ต่ำ (P/BV ต่ำเพียง 0.9 เท่าและจ่ายปันผลสูง) ด้าน KKP เป็นหุ้นปันผลเด่น (ให้ Yield 6-7% ต่อปี)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO1583