- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 October 2017 16:49
- Hits: 1333
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตัวยืนลบ ถือเป็นจุดสูงสุดของวันที่ 1723.61 จุด ลดลง 0.86 จุด พร้อมกับแกว่งตัวผันผวนสลับขึ้นลงที่อยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นแรงขายจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน แบงก์และสื่อสารเป็นหลัก มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1707.53 จุด ลดลง 16.94 จุด กรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 16.08 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวลงของดัชนีได้แก่ PTT, ADVANC, SCC, SCB, KTB, KBANK ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1707.53 จุด ลดลง 16.94 จุด (-0.98%) มูลค่าการซื้อขาย 59,247 ล้านบาท
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตัวยืนลบ ถือเป็นจุดสูงสุดของวันที่ 1723.61 จุด ลดลง 0.86 จุด พร้อมกับแกว่งตัวผันผวนสลับขึ้นลงที่อยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นแรงขายจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน แบงก์และสื่อสารเป็นหลัก มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1707.53 จุด ลดลง 16.94 จุด กรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 16.08 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวลงของดัชนีได้แก่ PTT, ADVANC, SCC, SCB, KTB, KBANK ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1707.53 จุด ลดลง 16.94 จุด (-0.98%) มูลค่าการซื้อขาย 59,247 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้พักตัวลงแรงเกินคาด ลักษณะ High-Low ต่ำกว่าวันก่อนหน้า หลุด 1720 จุด ลงมาปิด Gap ที่ไปทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ได้สนิท และทำปิดที่จุดต่ำสุดของวันที่ 1707 จุด ส่งผลให้กราฟแท่งเทียนมีรูปแบบที่เป็น Bearish จากสัญญาณที่เตือนก่อนหน้านี้ที่เป็น Bearish Divergence เริ่มแสดงผล แต่อย่างไรก็ตามการพักตัวลงแรงแบบน่าตกใจ แต่ปริมาณการซื้อขายที่ลดลง ทำให้เชื่อว่าเป็นการพักตัวเพื่อขึ้น โดยมีแนวรับที่ไม่ควรหลุด 1700 จุด บวกกับลงเข้าใกล้ SMA 10 วัน (1705) และในภาพรายชม.ที่ Oversold ทำให้มีโอกาสดีดกลับ มีแนวต้าน 1712-1718 จุด ขณะที่แนวรับ 1697-1705 จุด
แกว่งตัวผันผวน – มีโอกาสดีดกลับ
Support 1705 // 1695 จุด Resistance 1735 // 1745 จุด
แกว่งตัวผันผวน – มีโอกาสดีดกลับ
Support 1705 // 1695 จุด Resistance 1735 // 1745 จุด
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -19 ต.ค. 60 9:30: น.
' มีขายทำกำไร แต่แนวโน้มยังดี '
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : ตลาดมีความผันผวนมากขึ้น หลังดัชนีฯปรับตัวขึ้นมามาก และมีการขายทำกำไรเข้ามาในบางวัน แต่แนวโน้มดัชนีฯ ยังคงอยู่ช่วงขาขึ้น ..... นักลงทุนต่างประเทศ-สถาบันในประเทศ เริ่มทยอยขายทำกำไรหุ้นทีราคาปรับตัวขึ้นมามาก และ switch ไปหาหุ้นที่ขึ้นมาน้อยหรือมีปัจจัยสนับสนุน ...... มุมมองต้องทิศทางเศรษฐกิจไทย ส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าจะออกมาดี ล่าสุด IMF ปรับ GDP ของไทยปีนี้ เพิ่มเป็น 3.7% ปละปีหน้า ปรับจาก 3.3% เป็น 3.5% ขณะที่ตลาดเข้าสู่การรายงานและคาดการณ์กำไร 3Q-17 (116 บริษัท สำรวจโดย Bloomberg ประเมินกำไร +6% QoQ) ……… ปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนมีการขายหุ้นอย่างประปรายในตลาดหุ้นเอเซีย ปัจจัยที่ตลาดให้ความสนใจและรอคอย คือ นโยบายและชื่อประธาน Fed คนใหม่ เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อทิศทางดอกเบี้ย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTi แตะ $52 เหรียญ เป็นบวกต่อหุ้นผู้ผลิตน้ำมัน
กลยุทธ์การลงทุน : แรงซื้อของนักลงทุนยังมีเข้ามาในตลาด แต่มีการสลับตัวและขายทำกำไรให้เห็น จึงเห็นว่าบางวันดัชนีฯติดลบ เราแนะนำถือหุ้น(ใหญ่)ต่อ หรือขายหุ้นที่ขึ้นมามาก เพื่อสลับไปลงทุนในหุ้นตัวที่ขึ้นน้อยกว่า โดยการเข้าซื้อหุ้นในจังหวะนี้ ควรเป็นในลักษณะของ selective buy คือ เลือกตัวเล่น (เพราะหุ้นไม่ได้ขึ้นทุกตัวเหมือนช่วงที่ดัชนีฯปรับตัวขึ้นช่วงแรกๆ) .............. เรายังแนะให้ เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่-หุ้นเติบโตดี ของแต่ละกลุ่มหลัก คือ ธนาคาร-พลังงาน-ปิโตรเคมี-ค้าปลีก-ไอซีที เด่นๆ ของวันีน้ จะเป็น KKP ,PTTEP, ADVANC , KCE, DELTA และ CPALL เป็นต้น โดยคาดว่าหุ้นเหล่านี้ ยังเป็นเป้าหมายของการซื้อหุ้นของนักลงทุนขนาดใหญ่ ขณะที่หุ้นที่มีปัจจัยบวก อย่างเช่น กำไร 3Q จะออกมาดี และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินผันผลสูง เกิน 5% ต่อปี ซึ่งวันที่ผ่านมา นักลงทุนไปให้ความสนใจกับ Property Fund และ REIT กันมากขึ้น
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน: สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ BJC, DELTA*, PSL*, ASAP, LST*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : RCL, SPVI, ECF
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) TCAP : กำไรสุทธิใน 3Q17 เดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 17 ไตรมาส
(0) TMB : เน้น write-off NPL อาจกดดันกำไรในอนาคต
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -19 ต.ค. 60 9:30: น.
' มีขายทำกำไร แต่แนวโน้มยังดี '
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : ตลาดมีความผันผวนมากขึ้น หลังดัชนีฯปรับตัวขึ้นมามาก และมีการขายทำกำไรเข้ามาในบางวัน แต่แนวโน้มดัชนีฯ ยังคงอยู่ช่วงขาขึ้น ..... นักลงทุนต่างประเทศ-สถาบันในประเทศ เริ่มทยอยขายทำกำไรหุ้นทีราคาปรับตัวขึ้นมามาก และ switch ไปหาหุ้นที่ขึ้นมาน้อยหรือมีปัจจัยสนับสนุน ...... มุมมองต้องทิศทางเศรษฐกิจไทย ส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าจะออกมาดี ล่าสุด IMF ปรับ GDP ของไทยปีนี้ เพิ่มเป็น 3.7% ปละปีหน้า ปรับจาก 3.3% เป็น 3.5% ขณะที่ตลาดเข้าสู่การรายงานและคาดการณ์กำไร 3Q-17 (116 บริษัท สำรวจโดย Bloomberg ประเมินกำไร +6% QoQ) ……… ปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนมีการขายหุ้นอย่างประปรายในตลาดหุ้นเอเซีย ปัจจัยที่ตลาดให้ความสนใจและรอคอย คือ นโยบายและชื่อประธาน Fed คนใหม่ เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อทิศทางดอกเบี้ย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTi แตะ $52 เหรียญ เป็นบวกต่อหุ้นผู้ผลิตน้ำมัน
กลยุทธ์การลงทุน : แรงซื้อของนักลงทุนยังมีเข้ามาในตลาด แต่มีการสลับตัวและขายทำกำไรให้เห็น จึงเห็นว่าบางวันดัชนีฯติดลบ เราแนะนำถือหุ้น(ใหญ่)ต่อ หรือขายหุ้นที่ขึ้นมามาก เพื่อสลับไปลงทุนในหุ้นตัวที่ขึ้นน้อยกว่า โดยการเข้าซื้อหุ้นในจังหวะนี้ ควรเป็นในลักษณะของ selective buy คือ เลือกตัวเล่น (เพราะหุ้นไม่ได้ขึ้นทุกตัวเหมือนช่วงที่ดัชนีฯปรับตัวขึ้นช่วงแรกๆ) .............. เรายังแนะให้ เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่-หุ้นเติบโตดี ของแต่ละกลุ่มหลัก คือ ธนาคาร-พลังงาน-ปิโตรเคมี-ค้าปลีก-ไอซีที เด่นๆ ของวันีน้ จะเป็น KKP ,PTTEP, ADVANC , KCE, DELTA และ CPALL เป็นต้น โดยคาดว่าหุ้นเหล่านี้ ยังเป็นเป้าหมายของการซื้อหุ้นของนักลงทุนขนาดใหญ่ ขณะที่หุ้นที่มีปัจจัยบวก อย่างเช่น กำไร 3Q จะออกมาดี และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินผันผลสูง เกิน 5% ต่อปี ซึ่งวันที่ผ่านมา นักลงทุนไปให้ความสนใจกับ Property Fund และ REIT กันมากขึ้น
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน: สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ BJC, DELTA*, PSL*, ASAP, LST*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : RCL, SPVI, ECF
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) TCAP : กำไรสุทธิใน 3Q17 เดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 17 ไตรมาส
(0) TMB : เน้น write-off NPL อาจกดดันกำไรในอนาคต
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (18 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,707.53 จุด ลดลง 16.94 จุด หรือ -0.98% มูลค่าการซื้อขาย 59,246.70 ล้านบาท ตลาดหุ้นปรับตัวลงค่อนข้างมากจากแรงขายทำกำไรหลังตลาดหุ้นขึ้นมามากช่วงก่อนหน้านี้ นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิสูงถึง 1,643 ล้านบาท สูงสุดในรอบเดือนตุลาคม
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,997.44 จุด เพิ่มขึ้น 160.16 จุด หรือ +0.70% ยังคงทำ New High อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยเฉพาะตัวหลังผลประกอบการช่วง 3Q17 ของบริษัทต่างๆออกมาดีเกินคาด .... ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น +0.29% ปิดที่ 391.56 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ: ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา นักลงทุนเริ่มมาให้ความสนใจถึงประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ยังไม่มีปัจจัยต่างประเทศใหม่เข้ามากระทบตลาด นักลงทุนยังคงติดตามการเลือกประธาน Fed คนใหม่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น โดยมีตัวเก็ง 5 คน ซึ่งคะแนนความนิยมเปลี่ยนแปลงในทุกวัน เรามองว่าประธาน Fed คนใหม่จะเป็นสายเหยี่ยวหรือ "Hawkish" ซึ่งหากประธาน Fed คนใหม่เป็นสายเหยี่ยว คาดการณ์ว่าจะ มีการปรับดอกเบี้ยเร็วขึ้น ค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสที่จะแข็งค่าเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ได้ .... วันนี้ตามรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ต่อจากความกังวลในแถบตะวันออกกลาง สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยปรับตัวขึ้น 16 เซนต์ หรือ +0.3% ปิดที่ 52.04 ดอลลาร์/บาร์เรลหลังจากที่กองทัพอิรักและกองกำลังชาวเคิร์ดยังคงปะทะกันอยู่ในพื้นที่ผลิตน้ำมัน นอกจากนี้EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงน้อยกว่าคาดที่ 5.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ …. ตามที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ราคาน้ำมันดิบมีสัญญาณที่ดีขึ้น เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน เช่น PTTEP
ปัจจัยในประเทศ: ระวังการขายทำกำไรของต่างชาติ, ภาพเศรษฐกิจไทยเป็นบวกมากขึ้น, ติดตามการประกาศงบการเงิน นำโดยกลุ่มธนาคาร ต่างชาติมีมูลค่าเป็นขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่สอง และมีมูลค่าสูงถึง 1,643 สูงที่สุดในรอบเดือน .... เศรษฐกิจไทยเป็นบวกมากขึ้นสะท้อนจาก IMF คาดการณ์ GDP ไทยปี 2017 ขึ้นจาก 3.2% เป็น 3.7% …. เรามองว่านักลงทุนจะเริ่มเข้ามาเก็งกำไรก่อนการประกาศผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 ผลสำรวจจาก Bloomberg คาดการณ์กำไรสุทธิ 116 บริษัทที่มีการทำประมาณการ จะเติบโต +11 YoY, +6% QoQ .... กลุ่มธนาคารทุกตัวจะส่งงบการเงินภายในสัปดาห์นี้ วันนี้จะเป็นหุ้น BAY (KTBST คาดกำไรสุทธิ + 0.4% YoY, -0.4% QoQ), BBL (KTBST คาดกำไรสุทธิ + 1.8% YoY, +2.0% QoQ), SCB (KTBST คาดกำไรสุทธิ + 4.7% YoY, +1.3% QoQ)
Event วันนี้ : กระทรวงพาณิชย์ จะรายงานตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย. คาด +10.8% YoY
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
BJC(ราคาปิด 54.50) เราเลือก BJC เป็นหุ้นแนะนำเนื่องจากเรามอง BJC ผ่านจุดต่ำสุดตั้งแต่ช่วง 2Q17 ไปแล้ว จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นมา และ บริษัทลูกอย่าง BIGC มี SSSG ที่กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง โดยบริษัทมีแผนขยาย Hypermarket 9 สาขา, BigC Market 1 สาขา, และ Mini BigC อีก 200 สาขา …. KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 เติบโต +11.7% ที่ 5,123 ล้านบาท และเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 6,011 ล้านบาท (+17.3% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 53.00 บาท)
DELTA*(ราคาปิด 87.50) เราแนะนำ DELTA ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยเรายังมีมุมมองว่าค่าเงินบาทจะไม่แข็งค่าไปมากกว่านี้ จากประเด็นเรื่องประธาน Fed คนใหม่ ที่คาดว่าจะเป็นสาย hawkish ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นใน 4Q17 กลับมาดีขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ที่มีการเติบโตขึ้นตามลำดับ …. คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ของ DELTA จะเติบโตขึ้น QoQ และ YoY เนื่องจาก DELTA มีการปรับ Product mix ใหม่ โดยเน้นสินค้าที่ให้อัตรากำไรสูงมากขึ้น …. Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 6,037 ล้านบาท (+9% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 87.30 บาท)
PSL*(ราคาปิด 12.10) เรามองกลุ่มเดินเรือกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง หลังค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นสูงที่สุดในรอบกว่า 3 ปี ที่ 1,552 จุด และสูงกว่าเดือน ก.ค. เกือบเท่าตัว นอกจากนี้ ช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจเดินเรือหลังจีนมีการผลิตถ่านหินน้อยลง จึงมีความต้องการถ่านหินในประเทศจีนมากขึ้น ..... Bloomberg คาดผลการดำเนินงานปี 2017 จะขาดทุนน้อยลง จากปี 2016 ที่ -2,665 ล้านบาท เป็น -343 ล้านบาท และจะสามารถมีกำไรได้ในปี 2018 ที่ 24 ล้านบาท …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 10.85 บาท)
ASAP(ราคาปิด 7.80) ASAP เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงาน 3Q17 จะออกมาดี โดยธุรกิจเช่ารถปรับตัวดีขึ้นตามการขยายตัวของภาคธุรกิจ และธุรกิจปรับมาใช้บริการรถเช่า + บริการให้เช่าระยะสั้น ตอบสนองต่อลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมทั้ง นักท่องเที่ยวด้วย .... คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง (2Q17=34 ลบ.) ตามยอดซื้อรถยนต์ให้เช่าที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยไตรมาส ละ 800 - 1,000 คัน .... กำไรสุทธิ ปี 2017 เราคาดไว้ที่ 122 ล้านบาท (+74.4%YoY) และปี 2018 ที่ 187 ล้านบาท (+53.3%YoY) มาจาก คาดจำนวนรถให้เช่า อยู่ที่ 9.7 พันคัน +29% YoY ราคารถยนต์มือสองสูงขึ้น เพิ่มกำไรจากการขายรถ (ปี 2017 เพิ่มจาก 8.0% เป็น 8.5%) แผนงาน ขายรถยนต์มือสอง ทางออนไลน์ และลงทุนระบบ CarPro System เพื่อบริหารจัดการการจองรถให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 9.00 บาท)
LST*(ราคาปิด 7.95) ธุรกิจหลักของ LST อย่างธุรกิจน้ำมันพืช บริษัทคาดว่าจะสามารถเติบโตได้เล็กน้อยที่ 1-2% โดย LST เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ หรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อหลีกเลี่ยงการข่งขันด้านราคา ในขณะที่บริษัทลูกอย่าง UPOIC (LST ถือหุ้นอยู่ 69.96%) อยู่ระหว่างศึกษามองหาพืชชนิดอื่นๆ เข้ามาทดแทนปาล์ม เพื่อให้รายได้ต่อไร่ดีขึ้น โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) TCAP TCAP ประกาศกำไรสุทธิใน 3Q17 เดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 17 ไตรมาส อยู่ที่ 1.79 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% YoY และ 6.8% QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 5.6% และ 4.6% ตามลำดับ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโตได้มากกว่าคาด และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่น้อยกว่าคาด ส่วนสินเชื่อใน 3Q17 เติบโตได้ดีจากสินเชื่อเช่าซื้อตามยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่า กำไรสุทธิใน 4Q17 ยังเติบโตได้ต่อเพราะมีกำไรจากการขาย MBK ออกมา ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าเหมาะสมปี 2018 ที่ 56 บาท
(+) KKP แหล่งข่าวจากที่ปรึกษาทางการเงิน เผยว่าราคาของ KKP ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาวานนี้ สวนทิศทางของตลาดหุ้นไทย เนื่องมาจากการเก็งกำไรดีลขายหุ้นให้พันธมิตรรายใหม่ หลังจากที่ผู้บริหารของแบงก์ออกมายอมรับว่าพร้อมเปิดกว้างรับผู้ร่วมทุน เพื่อให้แบงก์สามารถเติบโตและแข่งขันกับแบงก์พาณิชย์อื่นในระบบต่อไปได้ โดยกลุ่มสถาบันการเงินที่สนใจ มีอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มของสถาบันการเงินจากประเทศจีน และกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มสถาบันการเงินจากญี่ปุ่น ที่ต้องการเข้ามาขยายฐานการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนกลุ่มสถาบันการเงินจากยุโรปไม่มีความพร้อมที่จะเข้ามาเหมือนในอดีต
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการหาพันธมิตรรายใหม่ โดยเราคาดว่า น่าจะเป็นในรูปแบบเดียวกันกับ LHBANK ซึ่งจะส่งผลให้ KKP จะมีฐานเงินทุนเพิ่มมากขึ้นและต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง เพื่อใช้ในการขยายสินเชื่อและเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินงานในอนาคต โดยเบื้องต้นเรายังคงคำแนะนำ "ถือ" ราคาเหมาะสมที่ 75 บาท
(0) TMB TMB เน้นการปล่อยสินเชื่อบ้านเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าสัดส่วนสินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้นเป็น 30% จาก 20% ใน 3Q17 เพราะเป็นสินเชื่อที่มีหนี้เสียน้อย แต่ก็ต้องแลกมาด้วย NIM ที่หดตัวลง ในส่วนของหนี้เสีย TMB พยายามจัดการโดยการ write-off ออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยใน 3Q17 มีการ write-off ออกไปอีกราว 2.3 พันล้านบาท การ write-off จะส่งผลให้ต้องมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกดดันให้กำไรสุทธิไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ได้ ยังคงคำแนะนำ "ถือ" มูลค่าเหมาะสมปี 2018 ที่ 2.80 บาท
(+) AUTO ส.อ.ท.รายงานสถิติอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเดือน ก.ย.2017 เติบโตโดดเด่น โดยยอดผลิตรถยนต์ทำได้ 190,272 คัน สูงสุดในรอบ 18 เดือน +9.9% YoY, +7.2% MoM (เป็นบวกต่อกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ AH, SAT) โดยยอดขายรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นโดดเด่นถึง +21.9% YoY, 14.2% MoM เป็น 77,592 คัน เติบโตเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน (เป็นบวกต่อกลุ่มเช่าซื้อ KKP, TCAP TISCO) และยอดส่งออก 120,654 คัน สูงสุดในรอบ 24 เดือน +7.2% YoY, +17.2% MoM (เป็นบวกต่อ NYT)
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (18 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,707.53 จุด ลดลง 16.94 จุด หรือ -0.98% มูลค่าการซื้อขาย 59,246.70 ล้านบาท ตลาดหุ้นปรับตัวลงค่อนข้างมากจากแรงขายทำกำไรหลังตลาดหุ้นขึ้นมามากช่วงก่อนหน้านี้ นักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิสูงถึง 1,643 ล้านบาท สูงสุดในรอบเดือนตุลาคม
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,997.44 จุด เพิ่มขึ้น 160.16 จุด หรือ +0.70% ยังคงทำ New High อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยเฉพาะตัวหลังผลประกอบการช่วง 3Q17 ของบริษัทต่างๆออกมาดีเกินคาด .... ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น +0.29% ปิดที่ 391.56 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ: ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา นักลงทุนเริ่มมาให้ความสนใจถึงประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ยังไม่มีปัจจัยต่างประเทศใหม่เข้ามากระทบตลาด นักลงทุนยังคงติดตามการเลือกประธาน Fed คนใหม่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น โดยมีตัวเก็ง 5 คน ซึ่งคะแนนความนิยมเปลี่ยนแปลงในทุกวัน เรามองว่าประธาน Fed คนใหม่จะเป็นสายเหยี่ยวหรือ "Hawkish" ซึ่งหากประธาน Fed คนใหม่เป็นสายเหยี่ยว คาดการณ์ว่าจะ มีการปรับดอกเบี้ยเร็วขึ้น ค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสที่จะแข็งค่าเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ได้ .... วันนี้ตามรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ต่อจากความกังวลในแถบตะวันออกกลาง สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยปรับตัวขึ้น 16 เซนต์ หรือ +0.3% ปิดที่ 52.04 ดอลลาร์/บาร์เรลหลังจากที่กองทัพอิรักและกองกำลังชาวเคิร์ดยังคงปะทะกันอยู่ในพื้นที่ผลิตน้ำมัน นอกจากนี้EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงน้อยกว่าคาดที่ 5.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ …. ตามที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ราคาน้ำมันดิบมีสัญญาณที่ดีขึ้น เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน เช่น PTTEP
ปัจจัยในประเทศ: ระวังการขายทำกำไรของต่างชาติ, ภาพเศรษฐกิจไทยเป็นบวกมากขึ้น, ติดตามการประกาศงบการเงิน นำโดยกลุ่มธนาคาร ต่างชาติมีมูลค่าเป็นขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่สอง และมีมูลค่าสูงถึง 1,643 สูงที่สุดในรอบเดือน .... เศรษฐกิจไทยเป็นบวกมากขึ้นสะท้อนจาก IMF คาดการณ์ GDP ไทยปี 2017 ขึ้นจาก 3.2% เป็น 3.7% …. เรามองว่านักลงทุนจะเริ่มเข้ามาเก็งกำไรก่อนการประกาศผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 ผลสำรวจจาก Bloomberg คาดการณ์กำไรสุทธิ 116 บริษัทที่มีการทำประมาณการ จะเติบโต +11 YoY, +6% QoQ .... กลุ่มธนาคารทุกตัวจะส่งงบการเงินภายในสัปดาห์นี้ วันนี้จะเป็นหุ้น BAY (KTBST คาดกำไรสุทธิ + 0.4% YoY, -0.4% QoQ), BBL (KTBST คาดกำไรสุทธิ + 1.8% YoY, +2.0% QoQ), SCB (KTBST คาดกำไรสุทธิ + 4.7% YoY, +1.3% QoQ)
Event วันนี้ : กระทรวงพาณิชย์ จะรายงานตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย. คาด +10.8% YoY
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
BJC(ราคาปิด 54.50) เราเลือก BJC เป็นหุ้นแนะนำเนื่องจากเรามอง BJC ผ่านจุดต่ำสุดตั้งแต่ช่วง 2Q17 ไปแล้ว จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นมา และ บริษัทลูกอย่าง BIGC มี SSSG ที่กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง โดยบริษัทมีแผนขยาย Hypermarket 9 สาขา, BigC Market 1 สาขา, และ Mini BigC อีก 200 สาขา …. KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 เติบโต +11.7% ที่ 5,123 ล้านบาท และเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 6,011 ล้านบาท (+17.3% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 53.00 บาท)
DELTA*(ราคาปิด 87.50) เราแนะนำ DELTA ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยเรายังมีมุมมองว่าค่าเงินบาทจะไม่แข็งค่าไปมากกว่านี้ จากประเด็นเรื่องประธาน Fed คนใหม่ ที่คาดว่าจะเป็นสาย hawkish ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นใน 4Q17 กลับมาดีขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ที่มีการเติบโตขึ้นตามลำดับ …. คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ของ DELTA จะเติบโตขึ้น QoQ และ YoY เนื่องจาก DELTA มีการปรับ Product mix ใหม่ โดยเน้นสินค้าที่ให้อัตรากำไรสูงมากขึ้น …. Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 6,037 ล้านบาท (+9% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 87.30 บาท)
PSL*(ราคาปิด 12.10) เรามองกลุ่มเดินเรือกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง หลังค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นสูงที่สุดในรอบกว่า 3 ปี ที่ 1,552 จุด และสูงกว่าเดือน ก.ค. เกือบเท่าตัว นอกจากนี้ ช่วงไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจเดินเรือหลังจีนมีการผลิตถ่านหินน้อยลง จึงมีความต้องการถ่านหินในประเทศจีนมากขึ้น ..... Bloomberg คาดผลการดำเนินงานปี 2017 จะขาดทุนน้อยลง จากปี 2016 ที่ -2,665 ล้านบาท เป็น -343 ล้านบาท และจะสามารถมีกำไรได้ในปี 2018 ที่ 24 ล้านบาท …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 10.85 บาท)
ASAP(ราคาปิด 7.80) ASAP เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงาน 3Q17 จะออกมาดี โดยธุรกิจเช่ารถปรับตัวดีขึ้นตามการขยายตัวของภาคธุรกิจ และธุรกิจปรับมาใช้บริการรถเช่า + บริการให้เช่าระยะสั้น ตอบสนองต่อลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมทั้ง นักท่องเที่ยวด้วย .... คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง (2Q17=34 ลบ.) ตามยอดซื้อรถยนต์ให้เช่าที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยไตรมาส ละ 800 - 1,000 คัน .... กำไรสุทธิ ปี 2017 เราคาดไว้ที่ 122 ล้านบาท (+74.4%YoY) และปี 2018 ที่ 187 ล้านบาท (+53.3%YoY) มาจาก คาดจำนวนรถให้เช่า อยู่ที่ 9.7 พันคัน +29% YoY ราคารถยนต์มือสองสูงขึ้น เพิ่มกำไรจากการขายรถ (ปี 2017 เพิ่มจาก 8.0% เป็น 8.5%) แผนงาน ขายรถยนต์มือสอง ทางออนไลน์ และลงทุนระบบ CarPro System เพื่อบริหารจัดการการจองรถให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 9.00 บาท)
LST*(ราคาปิด 7.95) ธุรกิจหลักของ LST อย่างธุรกิจน้ำมันพืช บริษัทคาดว่าจะสามารถเติบโตได้เล็กน้อยที่ 1-2% โดย LST เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ หรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อหลีกเลี่ยงการข่งขันด้านราคา ในขณะที่บริษัทลูกอย่าง UPOIC (LST ถือหุ้นอยู่ 69.96%) อยู่ระหว่างศึกษามองหาพืชชนิดอื่นๆ เข้ามาทดแทนปาล์ม เพื่อให้รายได้ต่อไร่ดีขึ้น โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) TCAP TCAP ประกาศกำไรสุทธิใน 3Q17 เดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 17 ไตรมาส อยู่ที่ 1.79 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% YoY และ 6.8% QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ 5.6% และ 4.6% ตามลำดับ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโตได้มากกว่าคาด และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่น้อยกว่าคาด ส่วนสินเชื่อใน 3Q17 เติบโตได้ดีจากสินเชื่อเช่าซื้อตามยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่า กำไรสุทธิใน 4Q17 ยังเติบโตได้ต่อเพราะมีกำไรจากการขาย MBK ออกมา ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าเหมาะสมปี 2018 ที่ 56 บาท
(+) KKP แหล่งข่าวจากที่ปรึกษาทางการเงิน เผยว่าราคาของ KKP ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาวานนี้ สวนทิศทางของตลาดหุ้นไทย เนื่องมาจากการเก็งกำไรดีลขายหุ้นให้พันธมิตรรายใหม่ หลังจากที่ผู้บริหารของแบงก์ออกมายอมรับว่าพร้อมเปิดกว้างรับผู้ร่วมทุน เพื่อให้แบงก์สามารถเติบโตและแข่งขันกับแบงก์พาณิชย์อื่นในระบบต่อไปได้ โดยกลุ่มสถาบันการเงินที่สนใจ มีอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มของสถาบันการเงินจากประเทศจีน และกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มสถาบันการเงินจากญี่ปุ่น ที่ต้องการเข้ามาขยายฐานการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนกลุ่มสถาบันการเงินจากยุโรปไม่มีความพร้อมที่จะเข้ามาเหมือนในอดีต
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการหาพันธมิตรรายใหม่ โดยเราคาดว่า น่าจะเป็นในรูปแบบเดียวกันกับ LHBANK ซึ่งจะส่งผลให้ KKP จะมีฐานเงินทุนเพิ่มมากขึ้นและต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง เพื่อใช้ในการขยายสินเชื่อและเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินงานในอนาคต โดยเบื้องต้นเรายังคงคำแนะนำ "ถือ" ราคาเหมาะสมที่ 75 บาท
(0) TMB TMB เน้นการปล่อยสินเชื่อบ้านเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าสัดส่วนสินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้นเป็น 30% จาก 20% ใน 3Q17 เพราะเป็นสินเชื่อที่มีหนี้เสียน้อย แต่ก็ต้องแลกมาด้วย NIM ที่หดตัวลง ในส่วนของหนี้เสีย TMB พยายามจัดการโดยการ write-off ออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยใน 3Q17 มีการ write-off ออกไปอีกราว 2.3 พันล้านบาท การ write-off จะส่งผลให้ต้องมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกดดันให้กำไรสุทธิไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ได้ ยังคงคำแนะนำ "ถือ" มูลค่าเหมาะสมปี 2018 ที่ 2.80 บาท
(+) AUTO ส.อ.ท.รายงานสถิติอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเดือน ก.ย.2017 เติบโตโดดเด่น โดยยอดผลิตรถยนต์ทำได้ 190,272 คัน สูงสุดในรอบ 18 เดือน +9.9% YoY, +7.2% MoM (เป็นบวกต่อกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ AH, SAT) โดยยอดขายรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นโดดเด่นถึง +21.9% YoY, 14.2% MoM เป็น 77,592 คัน เติบโตเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน (เป็นบวกต่อกลุ่มเช่าซื้อ KKP, TCAP TISCO) และยอดส่งออก 120,654 คัน สูงสุดในรอบ 24 เดือน +7.2% YoY, +17.2% MoM (เป็นบวกต่อ NYT)
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
OO1447