WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily 
 
ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีเปิดตลาดอ่อนตัวลงเล็กน้อยก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมายืนบวก ทำจุดสูงสุดของวันที่ 1729.80 จุด เพิ่มขึ้น 3.13 จุด ก่อนที่จะเผชิญแรงขายอีกรอบกดดัชนีไหลลงเข้าสู่แดนลบ พร้อมกับแกว่งตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1719.26 จุด ลดลง 7.41 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 10.54 จุด ทั้งนี้ตลาดหันมาเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก นำโดย ESSO, BGRIM, BPP, TKN, UV ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1724.47 จุด ลดลง 2.20 จุด (-0.13%) มูลค่าการซื้อขาย 62,872 ล้านบาท
 
ภาพตลาดวันนี้
  ดัชนีวานนี้เริ่มชะลอตัวลงหลังจากที่ปรับตัวขึ้นแรงก่อนหน้านี้ แต่ดัชนียังสามารถขยับทำ High ที่ 1729 จุด ก่อนที่จะเผชิญแรงขายอ่อนตัวลงทำ Low 1719 จุด และสามารถกลับขึ้นไปทำปิดได้ที่ 1724 จุด จากภาพดังกล่าวทำให้แนวโน้มของการขึ้นนั้นยังไม่เสีย เป็นเพียงลดความร้อนแรงจากค่าของสัญญาณ ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อ โดยมีเป้าหมายการขึ้นที่ 1735 // 1745 ทั้งนี้มองแนวรับ 1714-1719 จุด แนวต้าน 1730-1735 จุด
  แกว่งตัวผันผวน –  มีโอกาสไปต่อ สลับการพักตัวระหว่างทาง  
   Support 1715 // 1705  จุด        Resistance 1735 // 1745  จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110
Tel  02- 6481124
Email: [email protected] 
 
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

'เป้าดัชนีฯยังสูง แต่เล่นแบบ selective '
          ทิศทางตลาดหุ้นไทย : ดัชนีฯยังมีแนวโน้มเดินหน้าต่อ แต่เป็น selective buy ในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยบวกสนับสนุน เนื่องจาก gap ของการเดินหน้าของดัชนีฯยังมีอยู่ จากหลายๆสำนักมองเป้าดัชนีฯว่าจะวิ่งเข้าใกล้ 1800 จุด  ขณะที่เราเอง หรือ KTBST มอง momentum ของดัชนีฯรอบนี้ น่าจะไปถึง 1758 จุด และเป้าดัชนีฯปีหน้า อยู่ที่ 1764 จุด แรงส่ง จะการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในช่วงปลายไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และผลประกอบการของบริษัทในตลาดที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจาก 2Q-17 อีกทั้ง ปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุน คือการเมืองหลังการเลือกตั้งที่มีแนวโน้มดีขึ้น ปัจจัยต่างประเทศ ที่สนับสนุนต่อตลาดหุ้นไทย จะเป็น มุมมองของ Fed ต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังขยายตัวดี (สหรัฐฯซื้อของจากไทย 11% ของการส่งออกของไทย) และราคาน้ำมันดิบที่ปรับบตัวสูงขึ้นจาก แผนการลดกำลังการผลิตและจุดสมดุลของการผลิตน้ำมันใกล้เข้ามาทุกขณะ
     
        กลยุทธ์การลงทุน : แรงซื้อของนักลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่มีการสลับตัว จึงเห็นว่าบางวันดัชนีฯติดลบ เราแนะนำถือหุ้น(ใหญ่)ต่อ หรือซื้อเพิ่ม ในลักษณะของ selective เน้นหุ้น Flow เข้าและมีปัจจัยบวก หุ้นขนาดใหญ่-หุ้นเติบโตดี ของแต่ละกลุ่มหลัก คือ ธนาคาร-พลังงาน-ปิโตรเคมี-ค้าปลีก-ไอซีที อาทิ BBL, PTT, TOP, PTTGC, HMPRO, ROBINS, ADVANC  คาดหุ้นเหล่านี้ ยังเป็นเป้าหมายของการซื้อหุ้นของนักลงทุนขนาดใหญ่  ขณะที่หุ้นที่มีปัจจัยบวก อย่างเช่น กำไร 3Q จะออกมาดี  รวมถึงหุ้นกลุ่มส่งออก (อีเล็คทรอนิคส์) จะฟื้นตัวอีกครั้ง หลังทิศทางดอกเบี้ย-ดอลล่าร์ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มสูงขึ้น  และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินผันผลสูง เกิน 5% ต่อปี อย่างเช่น LH, PSH,VNT เป็นหุ้นที่มีความน่าลงทุนเช่นกัน
          หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน:   สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ  DELTA*, COL, AP, ADVANC
        
หุ้นแนะนำทางเทคนิค:  PTL, WHAUP, TIPCO
    บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
    (+) TOURISM : จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นได้อย่างโดดเด่น +15.5% YoY
    (+) CPALL : คาด 3Q17 ยอดขายสาขาเดิมฟื้นตัวขึ้น กำไรเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ และแนวโน้มดีต่อเนื่อง
    (+) COL : คาด 3Q17 เติบโตดี, ปรับประมาณการปี 2017 และ 2018 ขึ้น
    (0) DRT : แนวโน้ม 3Q17 ยังซบเซา แต่คาดว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ใน 4Q17
    (+) KTC : กำไรสุทธิ 3Q17 สูงกว่าตลาดคาดถึง 17.2%
 
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด                                                                 
          ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (17 ต.ค.)  ปิดที่ระดับ 1,724.47 จุด ลดลง 2.20 จุด หรือ -0.13% มูลค่าการซื้อขาย 62,872.11 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยเริ่มมีแรงขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้นมามาก ต่างชาติมีสถานะเป็นขายสุทธิครั้งแรกในรอบ 6 วันที่ 764 ล้านบาท  
          ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,997.44 จุด เพิ่มขึ้น 40.48 จุด หรือ +0.18% ทำ New High ขึ้นต่อเนื่อง จากทั้งการรายงานผลประกอบการ 3Q17 ของบริษัทขนาดใหญ่ต่างๆที่ออกมาดี และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีเช่นกัน .... ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวลงที่-0.25% ปิดที่ระดับ 390.44 จุด
          ปัจจัยต่างประเทศ : ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี, ติดตามการเลือกประธาน Fed คนใหม่ ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่รายงานเมื่อคืนนี้ออกมาดี โดย สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านดีดตัวขึ้น 4 จุด สู่ระดับ 68 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.  …. นักลงทุนยังคงติดตามการเลือกประธาน Fed คนใหม่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นนี้แม้นายเจอโรม พาวเวล จะเป็นตัวเก็งใหม่แทน นายเควิน วอร์ช แต่ พาวเวล ยังเป็น เป็นสายเหยี่ยวหรือ "Hawkish" เช่นเดียวกับ วอร์ช ซึ่งหากประธาน Fed คนใหม่เป็นสายเหยี่ยว คาดการณ์ว่าจะ มีการปรับดอกเบี้ยเร็วขึ้น ค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสที่จะแข็งค่าเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ได้
          ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ต่อ สัญญาน้ำมันดิบ WTI  ขยับขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 51.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากการเข้ายึดพื้นที่ของกบฎชาวเคิร์ดในอิรัก…. การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบเป็นไปตามที่เราคาดไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ จากที่ OPEC ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มประเทศนอกโอเปก โดยลดลง 100,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ และ 60,000 บาร์เรล/วันในปีหน้า
          ปัจจัยในประเทศ : ต่างชาติเริ่มขายทำกำไร, ติดตามการประกาศงบการเงิน นำโดยกลุ่มธนาคาร  การประชุมครม. วานนี้ไม่มีประเด็นสำคัญที่กระทบตลาด .... วานนี้ต่างชาติมีสถานะเป็นขายสุทธิครั้งแรกในรอบ 6 วันที่ 764 ล้านบาท ซึ่งเรามองว่าเป็นการขายทำกำไรในช่วงสั้นๆเท่านั้น .... เรามองว่านักลงทุนจะเริ่มเข้ามาเก็งกำไรก่อนการประกาศผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 ผลสำรวจจาก Bloomberg คาดการณ์กำไรสุทธิ 111 บริษัทที่มีการทำประมาณการ จะเติบโต +11 YoY, +5% QoQ .... กลุ่มแบงก์ทุกตัวจะส่งงบการเงินภายในสัปดาห์นี้ วันนี้จะเป็นหุ้น TCAP (KTBST คาดกำไรสุทธิ + 14.4% YoY, +1.1% QoQ)
 
Stock in Focus
หุ้น                เหตุผล
DELTA(ราคาปิด 87.25)    เรามองว่าค่าเงินบาทจะไม่แข็งค่าไปมากกว่านี้ จากประเด็นเรื่องประธาน Fed คนใหม่ ที่คาดว่าจะเป็นสาย  hawkish ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นใน 4Q17 กลับมาดีขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ที่มีการเติบโตขึ้นตามลำดับ  …. คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ของ DELTA จะเติบโตขึ้น QoQ และ YoY เนื่องจาก DELTA มีการปรับ Product mix ใหม่ โดยเน้นสินค้าที่ให้อัตรากำไรสูงมากขึ้น …. Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 6,037 ล้านบาท  (+9% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 87.30 บาท)
COL(ราคาปิด 65.50)     เรามอง COL เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่จะมีผลประกอบการช่วง 3Q17 ออกมาดี เราคาดว่า COL จะรายงานกำไรสุทธิสำหรับช่วง 3Q17 ที่ 250 ล้านบาท (+236% YoY, +178% QoQ) จากคาดการณ์บันทึกกำไรพิเศษจากการขายหน่วยลงทุนที่ 129 ล้านบาท .... คาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ของ COL ที่ 627 ล้านบาท (+63% YoY) และ ปี 2018 ที่ 779 (+24.4%) .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 73.00 บาท)
      AP(ราคาปิด 8.55)      เรามอง AP เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่มีผลประกอบการเติบโตดี .... ยอด presales ของ AP ช่วง 9M17 อยู่ที่ 28,295 ล้านบาท สูงกว่าเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 26,000 ล้านบาท ปัจจุบัน AP มี Backlog ที่ 13,400  ล้านบาท และคาดช่วงครึ่งปีหลังจะมีโครงการคอนโดเปิดใหม่อีก 1 โครงการมูลค่า 9,000 ล้านบาท .... Bloomberg คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 3,074 ล้านบาท (+14% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 3,483 ล้านบาท (+13% YoY) .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 9.0 บาท)
      ADVANC(ราคาปิด 199.50)     เราเลือก ADVANC จากราคาหุ้นที่ยัง laggard หุ้นขนาดใหญ่อื่นๆ โดยเรามองว่าการแข่งขันในกลุ่มผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือเริ่มลดลง และความเสี่ยงเรื่องจำนวนคลื่นไม่เพียงพอของ ADVANC อยู่ในระดับต่ำ จึงคาดว่าการประมูลคลื่นในปีหน้าจะไม่มีการแข่งขันราคาที่สูงนัก .... เรามอง ADVANC มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว เริ่มตั้งแต่ช่วงปี 2018 เป็นต้นไป จากการคาดการณ์การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่เบาบางลง คาดปี 2018 เติบโต +18% YoY ….  (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่  190.00 บาท)
 
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
          (+) TOURISM ข้อมูลจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาระบุจำนวนนักท่องเที่ยวเดือน ก.ย. 2017 อยู่ที่ 2.56 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.2% YoY โดยนักท่องเที่ยวจีนยังคงมีสัดส่วนสูงสุดราว 29.8% ขณะที่ในเดือน ก.ย. 2017 นักท่องเที่ยวจีนยังเพิ่มขึ้นได้อย่างโดดเด่นถึง 15.5% YoY
          เรายังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือน ก.ย. 2017 ที่เพิ่มขึ้นได้ดี ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวรวม 9M17 คิดเป็น 73.9% จากที่เราคาดการณ์ทั้งปีนี้ที่ 35.3 ล้านคน โดยเราคาดจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2017 จะเติบโตจากปีก่อนราว 8% YoY โดยเราประเมินว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้โดดเด่นในช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากฐานที่ต่ำจากปีก่อนจากการปรามปรามทัวร์ศูนย์เหรียญที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย. 2016 รวมถึง Golden Week ของจีนที่มีช่วงต้นเดือน ต.ค. ทั้งนี้ เราคาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนใน 4Q17 จะเติบโตได้ถึง  59.4% YoY โดยในกลุ่มโรงแรม เรายังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Overweight โดยมี MINT เป็น Top Pick ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 47 บาท เพราะมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีน 12% และเรายังแนะนำ ซื้อ AOT ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 64 บาท โดยได้ผลบวกโดยตรงจากนักท่องเที่ยวที่เติบโตได้ต่อเนื่อง รวมถึงยังแนะนำ "ซื้อ" AAV เพราะมีฐานลูกค้าจีนราว 20% ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่  7.40 บา
          (0) DRT  คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ปรับตัวลดลง 9% YoY และ 40% QoQ  เป็น 70 ล้านบาท ตามภาวะตลาดวัสดุก่อสร้างที่ซบเซา จากปัจจัยฤดูกาลที่มีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้งานก่อสร้างต้องชะลอตัว แต่คาดว่ากำไรสุทธิ 4Q17 จะเริ่มกลับมาฟื้นตัว YoY และ QoQ ได้ จากปริมาณฝนที่คาดว่าจะลดลง ส่งผลบวกต่อการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และงานก่อสร้างใหม่ๆ รวมถึงคาดกำลังซื้อจะฟื้นตัวในช่วงปลายปี ซึ่งจะส่งผลบวกต่อตลาดวัสดุก่อสร้างมีโอกาสกลับมาเป็นบวกมากขึ้น
          เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2017 จากเดิม 7% เป็น 393 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน จากแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H17 ที่จะชะลอตัวมากกว่าคาด สำหรับปี 2018 เราคาดว่ากำไรสุทธิจะกลับมาเพิ่มขึ้นราว 14% เป็น 449 ล้านบาท ทั้งนี้ เราปรับราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 6.50 บาท แนะนำ ซื้อ โดย DRT จัดเป็นหุ้นปันผลเด่น Dividend yield ราว 6% ต่อปี
          (+) KTC  KTC รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 846 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.3%YoY และ 7.6%QoQ สูงกว่าที่ตลาดคาด 17.2% จากการขยายตัวของสินเชื่อที่ดีขึ้น แม้จะมีข้อบังคับของ ธปท. ใหม่ในเดือน ก.ย. รวมทั้งรายได้จากหนี้สูญรับคืนที่เพิ่มขึ้นสูง, ค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ลดลง และการตั้งสำรองลดลงตามคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น โดย ณ 3Q17 บริษัทมี NPLs รวมอยู่ที่ 1.46%  (แบ่งเป็นสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ 1.20% และ 0.82% ตามลำดับ ) ลดลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 1.57% เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสม 135.00 บาท (อิง PBV ที่ 2.5x)
          (+) CPALL ใน 3Q17 เราคาดว่า CPALL ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุด และคาดว่า ยอดขายของสาขาเดิม (Same store sale growth-SSSG) จะปรับขึ้นประมาณ 2%YoY จากติดลบ 1% ใน 2Q17 ซึ่งในขณะนั้นมีการเข้าสู่หน้าฝนที่เร็วกว่าปกติ และเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ที่ค่อนข้างซบเซา
เราคาดว่า ใน 3Q17 CPALL จะมีกำไร 4.79 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 16.4%YoY และ 3.1%QoQ อนึ่งบริษัทยังสามารถขยายสาขาได้อย่างต่อเนื่องเกินกว่า 10,000 สาขาแล้ว ซึ่งคาดว่าจะยังคงสามารถขยายสาขาได้ตามแผน เราประเมินมูลค่า โดยวิธี DCF สะท้อนธุรกิจที่ยังไปได้ดี มีความ Defensive และขยายตัวตามการบริโภคในระยะยาว ได้ราคาเหมาะสมที่ 79 บาท ซึ่งเป็นราคาเหมาะสมปี 2018 ปรับขึ้นจาก 73 บาท (ราคาเหมาะสมเดิมปี 2017) ณ ราคาปัจจุบัน ยังมี upside อยู่  13% แนะนำ "ซื้อ"
          (+) COL ปรับราคาเหมาะสมสำหรับปี 2018 ของ COL ขึ้นจากเดิม 63.00 บาท เป็น 71.00 บาท จากการปรับประมาณการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ขึ้น 13% และ ปี 2018 ขึ้น 16% สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของการบริโภคภาคเอกชนเดือน ส.ค. ส่งผลให้เราปรับการคาดการณ์ same store sales growth ขึ้นจากเดิม 2% เป็น 4% เราคาดการณ์ผลประกอบการช่วง 3Q17 ที่ 250 ล้านบาท  (+236% YoY, +178% QoQ) จากคาดการณ์บันทึกกำไรพิเศษจากการขายหน่วยลงทุนที่ 129 ล้านบาท ด้านกำไรจากการดำเนินงานปกติ คาดเติบโต +35% YoY, +63% QoQ จากขาดทุนของธุรกิจออนไลน์ที่หายไปราว 46 ล้านบาท คงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ COL
Source: KTBST Research
         
Analyst :  Mongkol Puangpetra
          License No: 001937  
          +662 648 1123
          [email protected]
          Nontapat Rushtasomboon
          License No: 081447  
          +662 648 1127
          [email protected]
OO1393

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!