- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 26 August 2014 16:13
- Hits: 2081
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดทะลุ 1,560 จุด มาอยู่ที่ 1,563.13 จุด บวกเป็นวันที่ 5 อีก 6.16 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,158 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติเป็นกลางเป็นวันที่ 5 หรืออาจเรียกว่าเบาบางในทุกๆ ตลาดการลงทุนวานนี้ แม้กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ แต่ก็เพียง 276 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 เพียง 17 สัญญา แต่กลับมาซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการเพียง 121 ล้านบาท
หลัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,560 จุดวานนี้ ภาพของ SET INDEX จากนี้ไปในสัปดาห์นี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะขยับ Zig Zag สู่แนวต้านด่านสำคัญ 1,580-1,600 จุด ผลักดันโดยหุ้นหลักในกลุ่ม ธนาคาร / รับเหมาก่อสร้าง / ที่อยู่อาศัย บนประเด็นการประกาศเงินปันผลงวด 1H57 ของกลุ่มธนาคาร การสรุปแผนการลงทุน 8 ปี 2.4 ล้านล้านบาทภายในสิ้นเดือนนี้ และตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่จะผลักดันยอดขายที่อยู่อาศัย แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมในต่างประเทศจะขาดความโดดเด่น ขณะที่เม็ดเงินต่างชาติยังเป็นสิ่งที่น่าจับตามองจากการจัดงาน Thailand Focus วันที่ 27-29 ส.ค.นี้
ด้านพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศจากนี้ไปก็เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่จะได้รับเชิญมาทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เพราะถือเป็นตำแหน่งสำคัญที่จะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศ เพื่อดึงดูดเม็ดเงินทุนต่างชาติเข้าสู่ประเทศ
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตส่วนที่เหลือ หลังแนะนำให้ขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,560 จุด +/-“ และพร้อมที่จะเข้าสะสมหุ้นเป้าหมายที่เกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” AAV/ KTB
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: AAV/ KTB
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,560 จุด
SET INDEX วันนี้ แกว่งในกรอบ 1,560-1,570 จุด แรงขายจากนักลงทุนแต่ละกลุ่มเริ่มเบาบาง
แต่กระแสเงินทุนต่างชาติจะเป็นตัวแปรสำคัญที่การผลักดัน SET INDEX ในระลอกสุดท้ายของรอบสั้นนี้ สู่ 1,600 จุด
ดังนั้นกลยุทธ์ ทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายที่ราคาหุ้นอาจเกิดย่อระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หลังแนะนำให้ขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,560 จุด +/-
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปิดบวก – ลบ สลับกันเล็กน้อย เพราะขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน แม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปช่วงบ่ายจะเปิดบวกเด่นก็ตาม
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX เปิดทะลุ แนว 1,560 จุด ขึ้นไปแกว่ง 1,565 จุด +/- ผลักดันโดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร อย่าง KBANK/ BBL / SCB รวมถึง AOT อีกทั้งภาวะการลงทุนรอบเอเชียเป็นกลาง ตลาดยุโรปเปิดบวกเด่น ทำให้บรรยากาศการลงทุนเป็นบวก ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเป็นวันที่ 5 อีก 6.16 จุด ปิดที่ 1,563.13 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,158 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มขนส่ง 2.13%, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +1.74% และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +1.35% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +0.42%, กลุ่มพลังงาน -0.58% และ กลุ่ม ICT -0.06%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.32 น.) เช้านี้ Nikkei - Kospi เปิดลบ – บวก สลับกันเล็กน้อยในเช้าวันนี้ เพราะขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน แม้ว่า DJIA คืนวานนี้จะปิดบวกก็ตาม
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 9 หลัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,560 จุดวานนี้ ถือว่าเร็วกว่าที่ MBKET ประเมินไว้ แต่โดยรวมถือเป็นสัญญาณเชิงบวกให้แก่ภาพรวมของ SET INDEX ในสัปดาห์นี้ มีโอกาสขยับลักษณะ Zig Zag ขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,580-1,600 จุดตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้า แต่จะมาพร้อมกับความผันผวนที่มากขึ้น
ทั้งนี้ ตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ SET INDEX ขยับขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,580-1,600 จุด ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติเป็นสำคัญ เม็ดเงินทุนต่างชาติจะหนาแน่นมากพอที่จะผลักดัน SET INDEX ในภาพรวม ซึ่งปัจจัยที่จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนกลุ่มนี้ได้แก่
•พัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศจากนี้ไป
oกรอบเวลาจากนี้ไป
วันที่ 25 ส.ค. โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ภายในสัปดาห์แรกของเดือนก.ย. จะได้เห็นรายชื่อครม. เพื่อนำเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ
ภายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนก.ย. ครม.จะเข้าถวายสัตย์ปฎิญาณ และเปิดประชุม ครม. นัดแรกได้ในกลางเดือนก.ย.
กรอบเวลาดังกล่าว สอดคล้องกับ กรอบเวลาที่ คสช. เคยชี้แจงไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทันต่อการเริ่มใช้งบประมาณประจำปี 2558 ในวันที่ 1 ต.ค. 2557
oร่างงบประมาณปี 2558 ได้ผ่านวาระที่ 1 วานนี้ ขั้นตอนถัดไปตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณา และนำเสนอต่อสนช. เพื่อพิจารณาวาระที่ 2-3 ตามลำดับ วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าจะสามารถนำงบประมาณปี 2558 ใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
oการยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งกองทุนบางประเภทถูกจำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นๆ
oแผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ต้องสรุปรายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้สนับสนุนแผนการลงทุนดังกล่าว เพื่อนำเสนอต่อ คสช. เพื่อพิจารณาในรายละเอียด ภายในสิ้นเดือนส.ค. หลัง คสช.อนุมัติในหลักการไปตั้งแต่ปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
•การจัดงาน Thailand Focus วันที่ 27-29 ส.ค. เพื่อชี้แจงภาพเศรษฐกิจ การเมือง และบริษัทจดทะเบียน เข้าพบปะผู้จัดการกองทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ของตลท. ที่จัดขึ้นทุกๆ ปี และในปีนี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับเชิงบวกจากกองทุนต่างชาติ หลังจากที่ประเทศไทย ได้มีนายกรัฐมนตรี และ ครม. แล้วในสัปดาห์นี้ จะสามารถชี้แจงภาพเศรษฐกิจ และแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนี้ไปได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ด้านปัจจัยต่างประเทศ ช่วงสั้นขาดความโดดเด่น หรือมีน้ำหนักต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงิน โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินในเอเชียมีแนวโน้มอ่อนค่า ซึ่งจะเป็นบวกต่อภาคการส่งออก และภาพรวมเศรษฐกิจในเอเชีย เป็นอีกปัจจัยที่จะดึดดูดเม็ดเงินทุนต่างชาติ ไหลกลับเข้าเอเชีย แม้ว่าจะขาดปัจจัยใหม่โดดเด่นก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้นักลงทุนถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ หลังแนะนำให้ขายทำกำไรบริเวณ 1,560 จุด +/- ไปแล้ววานนี้ และพร้อมกลับเข้าสะสมหุ้นเป้าหมาย หาก ราคาหุ้นเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หุ้นหลักที่จะได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร (KTB/BBL), กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (TPIPL), กลุ่มงานวางระบบไอที (SAMTEL / AIT) รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก (AAV/ AOT)
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ติดตามการแต่งตั้งครม.ประยุทธ์ 1 ในช่วงครึ่งแรกของเดือนก.ย.: แม้ว่า นายกรัฐมนตรี พล.เอก ประยุทธ์ กำหนดกรอบเวลาของการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีภายในเดือนก.ย. แต่หากประเมินเงื่อนไขเวลาของการแต่งตั้ง คาดว่า
•ช่วงต้นเดือนก.ย. จะเห็นโฉมหน้าของ ครม.
•คาดสัปดาห์ที่ 2 ครม. ภายใต้การนำของ พล.เอก ประยุทธ์ เข้าถวายสัตย์ปฎิญาณ และเปิดประชุม ครม. อย่างเป็นทางการนัดแรกได้ไม่เกิน กลางเดือนก.ย. เพื่อเตรียมเข้าบริหารประเทศ ตามงบประมาณปี 2558 ที่เริ่มวันที่ 1 ต.ค.
•การพิจารณายกเลิก กฎอัยการศึก คาดว่าจะเป็นในช่วงครึ่งหลังของเดือนก.ย.
2.การปรับดัชนี MSCI รายไตรมาสรอบนี้: สำหรับ MSCI Thailand พบว่า
•เพิ่ม: ไม่มี
•ออก: GJS, GSTEL
ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 29 ส.ค.
3.ติดตามสัญญาณการเคลื่อนไหวกระแสเงินทุนต่างชาติ: หลังชะลอการลงทุนทั้งด้าน ซื้อ / ขาย ใน 3 ตลาดหลักของไทยตลอด 3 วันทำการที่ผ่านมา ขณะที่ประเด็นพัฒนาการทางการเมือง และการจัดงาน Thailand Focus ของ ตลท.อาจเป็นตัวแปรดึงเม็ดเงินทุนจากต่างชาติไหลกลับเข้าไทยได้ ติดตามสัญญาณบ่งชี้ดังกล่าวจาก
•การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สัญญาณนี้อาจพิจารณาได้ยากเมื่อเทียบกับภาวะปกติ เพราะทิศทางค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังโอกาสที่จะเฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า แต่หาก ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัว หรือแข็งค่าเพียงเล็กน้อยเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อาจเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนดังกล่าว
•หุ้นหลักใน SET50 Index น่าจะเป็นเป้าหมายของการทยอยลงทุนของเงินทุนต่างชาติ หากมีความเชื่อมั่นต่อการเมือง และเศรษฐกิจไทยใน 2H57 ต่อเนื่องถึงปีหน้า
4.หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวส่งสัญญาณฟื้นตัว: หลังญี่ปุ่นค้นพบยารักษาโรคอีโบล่าได้เป็นผลสำเร็จ และเตรียมเสนอต่อองค์กรอนามัยโลก WHO ซึ่งจะทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวระหว่างประเทศผ่อนคลายแรงกดดัน บวกกับ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดต้นทุนการเดินทางเช่นกัน เป็นบวกต่อกลุ่มโรงแรม / สายการบิน (ให้น้ำหนักกับ Low cost airline มากกว่า สายการบินปกติ) / สนามบิน
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.92 13.74 15.84 13.68
PSE 20.13 17.40 20.13 17.41
JSE 16.82 14.35 16.88 14.40
KOSPI 10.53 9.58 10.42 9.07
TAIEX 15.14 14.07 15.11 14.03
Strait
Time 14.70 13.53 14.70 13.52
SHCOMP 8.81 7.82 8.86 7.87
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.AAV : ราคาปิด 4.66 บาท ราคาเหมาะสม 5.20 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มสายการบินจะตอบรับเชิงบวก หลังวานนี้ญี่ปุ่นประกาศว่าสามารถผลิตยาต่อต้านไวรัสอีโบลาได้สำเร็จ โดยยาดังกล่าวมีชื่อว่า T-705 และพัฒนามาจากยารักษาไข้หวัดใหญ่ “ฟาวิพิราเวียร์”
b)และผลตรวจรอบที่ 2 ของหญิงไทยอายุ 48 ปีที่เดินทางกลับจากแอฟริกามีผลออกมาเป็นลบต่อเชื้ออีโบล่าเช่นเดียวกับการตรวจในครั้งแรก
c)ทิศทางผลประกอบการ 3Q57 คาดว่าจะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ จากแรงหนุนทั้งการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในประเทศตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ และนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจีน หลัง คสช.ออกมาตรการยกเว้นค่าวีซ่าระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 1 ส.ค. – 31 ต.ค.
d)นอกจากนั้น การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ถึง -11.4% QTD เหลือ US$93.35/barrel จะส่งผลให้ต้นทุนน้ำมันลดลงใน 3Q57
e)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +231% yoy เป็น 1,671 ล้านบาท เติบโตสูงที่สุดในหุ้นกลุ่มสายการบิน และซื้อขายที่ PBV 2558 เพียง 0.86 เท่า ต่ำกว่า NOK ที่ 2.3 เท่า จึงให้เป็น Top pick ของกลุ่มสายการบิน
2.KTB : ราคาปิด 23.30 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และคาดว่าความคืบหน้าของปัจจัยการเมืองจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและส่งผลให้สินเชื่อขยายตัวใน 2H57 และเร่งตัวขึ้นในปี 2558
b)และ KTB ได้ประโยชน์โดยตรงจากปล่อยกู้ให้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ โดยคณะทำงานด้านเศรษฐกิจจะสรุปแผนลงทุนขนาดใหญ่ระยะเวลา 8 ปีข้างหน้ามูลค่า 2.4 ล้านล้านบาทในวันศุกร์นี้
c)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 ขยายตัว qoq จากการตั้งสำรองที่ลดลง และสินเชื่อมีทิศทางขยายตัว qoq ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นใน 4Q57 และปี 2558 จากทิศทางดอกเบี้ยที่คาดว่าจะขึ้นในปีหน้า
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.3 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยปีละ 4%
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ ดัชนีราคาบ้าน, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนี Richmond Fed Manufacturing
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิลดลงเป็น US$69 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$606 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 145.5 484.5 12,182.0 9,188.0
KOSPI -51.3 97.5 8,177.3 4,875.1
JSE -15.1 6.1 4,884.3 -1,806.4
PSE -6.5 -6.5 1,122.5 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 5.1 3.5 223.8 263.2
SET INDEX -8.6 20.7 -757.7 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติเป็นกลาง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -276 +662
SET50 Index Futures (สัญญา) -17 -1,200
SSF (สัญญา) +32 -61
Metal Futures (สัญญา) -807 -167
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +121 -5,050
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการ แต่ก็เพียง 276 ล้านบาท เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,029 ล้านบาท และทำให้ YTD ขายสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 24,813 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 17 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 1,217 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้า กดดันให้ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 2.13 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 4.15 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 9 เร่งขึ้นเป็น 807 สัญญา รวม 9 วันทำการ Short สุทธิ 4,541 สัญญา คาดเพิ่มสถานะ Short ใน Metal Futures มากขึ้น หลังราคาทองคำในตลาดโลกขาดปัจจัยบวก และราคาทองคำในตลาดโลกแกว่งในกรอบแคบบริเวณ US$1,280 หรือต่ำกว่า
ด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ แต่ก็เพียง 121 ล้านบาทเท่านั้น เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 13,396 ล้านบาท โดยพันธบัตรระยะยาวยังคงเป็นเป้าหมายของการลดน้ำหนักการลงทุน ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีก 0.53bps ปิดที่ 3.590%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 278 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 462 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TRUE 48.45 2.65% 10.95
AOT 42.74 3.23% 236.16
JAS 33.70 2.13% 6.54
SCB 23.58 2.52% 189.24
KBANK 19.04 3.03% 224.00
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 9 เน้นกลุ่ม ขนส่ง และ ICT เป็นวันที่ 3
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 766 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 851 ล้านบาท รวม 9 วันทำการซื้อสุทธิ 9,787 ล้านบาท โดยคงเน้นกลุ่มขนส่งและ ICT ต่อเนื่อง สรุปภาพการลงทุนได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มขนส่งถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 3 อีก 342 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 419 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิอีก 226 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 387 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 174 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 65 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มธนาคาร ถูกขายสุทธิสูงสุด 98 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ขายสุทธิ 43 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 115 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
AOT 325.59 20.96 PTTGC -79.50 17.93
TRUE 263.04 11.40 INTUCH -58.02 42.28
PTT 85.14 16.69 LPN -54.12 9.64
LH 79.32 45.99 STEC -46.25 2.04
CPF 77.47 8.93 DTAC -41.33 35.90
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong